รู้สึกเกลียดตัวเอง ไม่ชอบตัวเองเลย

ช่วงนี้เบื่อๆค่ะ บวกด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เริ่มเปลี่ยนไป
เรียกได้ว่าเห็นทำตัวหน้าเฟสแลดูมีความสุข โพสต์บ้าๆบอๆ แต่ในใจนี่คิดละ ทำไมเราทำตรงนั้นไม่ดีพอวะ?


เราจะเป็นคนหนึ่งที่ถ้า ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบหรืออยากทำ แล้วมันไม่ดีพอ ในจุดที่เราต้องการ หรือคนอื่นสามารถทำได้ จะเกลียดตัวเองมากๆ
ยกตัวอย่างง่ายๆกับเรื่องที่เรากำลังทำอยู่ คือแต่งนิยาย ในตอนนั้นเราไม่เข้าใจตัวเองว่าแกนั่งแต่งไปได้ยังไง เกือบทั้งวันแล้วจบตอน (เราเคยเลิกแต่งไปครั้งหนึ่ง เกือบปีได้ละอีก 3 เดือนครบปีที่เลิกแต่งไป แล้วกลับมาแต่งต่อ)


แต่ในตอนนี้ต่อให้เรานั่งทั้งวันก็ไม่จบตอนหนึ่งหรอก คือมันเริ่มกังวลทุกๆอย่าง ด้วยความที่ว่าครั้งนี้เราอยากจริงจังกับมัน อยากทำมันออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ในความเป็นจริงคือมันทำให้เราดร็อปลง


ที่เห็นหลักๆ 1 ตอน เราจะใช้เวลาแต่งอย่างน้อย 3 วัน .. จะอ่านๆ อ่านมันไปเรื่อยๆซ้ำๆ เจอคำผิดก็แก้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีที่อ่านบ่อยๆ
แต่เรื่องที่ไม่ดีคือ เราโฟกัสว่า
เห้ย คำนี้มันต้องเปลี่ยนปะ
บรรยายอะไรของแก
คนอ่านเข้าใจเหรอ?
แกใช้คำซ้ำอีกละนะ
จะร่างสูงร่างบางอะไรนักหนา
บรรยายให้ดีกว่านี้แกทำไม่เป็นเหรอ?



ก็คือจะโฟกัสจนออกตอนช้า เรื่องเริ่มไม่สนุก เริ่มคิดตอนต่อไม่ออก ทั้งๆที่ยูวางพล็อตตอนจบเสร็จเรียบร้อยแล้ว
บางทีก็โฟกัสเยอะเกินไปไง จนแบบไม่กล้าอ่านนิยายคนอื่น ไม่กล้าทำไรเลย กลัวทำละแบบอ่าว คนนี้ก็ทำได้นี่หว่า? แล้วเรามีอะไรที่เด่นกว่าคนอื่นไหม?
ทำไมยูต้องเหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีอะไรดีไปกว่าคนอื่นเลยเหรอ? แค่นี้ชีวิตยูก็ว่างเปล่าเกินพอแล้วม้ะ


มันเคยเกินเรื่องแบบนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง
แน่นอน เราพลาด พลาดหมดทุกอย่างเลย

เมื่อก่อนเราเคยภูมิใจนะ ภูมิใจมากๆด้วยที่สอบโอเน็ตคณิตฯ ได้คะแนนเต็มของระดับชั้นที่ไม่มีใครเต็มเลย ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าคนข้างนอกก็ยังมีคนสอบได้เต็มอยู่.. /ช่วงนั้นเป็นข้อสอบข้อละ 5 คะแนน
เราชอบวิชาคณิตมาก มากจริงๆ จนผลสุดท้ายเราก็กลายเป็นคนที่แค่ข้อสอบคณิตม.2 เรายังทำไม่ได้ อย่าว่าแต่ม.2เลย ขนาดข้อสอบม.1 เทอม 2 คงทำไม่ได้เหมือนกัน //ตอนนี้ถ้าตามอายุแล้ว เราอยู่ ม.4
แล้วก็เกิดเรื่องที่แบบไม่ได้เรียนต่อ ม.1 เพราะเราพลาดเอง
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทุกๆเรื่องถ้ามีตัวเลือกให้เลือก 2 ช้อยซ์ คือ ไม่/ใช่
เราจะเลือกผิดตลอด แล้วก็พาลมาเกลียยดตัวเองอีก

สุดท้ายก็กลับมาเรียน กศน. ในเวลา 2 ปีให้หลัง เราตั้งเป้าไว้ว่า โอเคปีหน้าจะต่อโรงเรียนนี้นะ จะเข้าห้องพิเศษให้ได้ (ปีหน้าเราจบม.ต้น)
จริงๆแล้วก็รู้ดีอยู่แก่ใจแหละ จะบ้าเหรอแกเรียนกศน. จะไปสอบสู้แข่งกับเขาได้ไง แต่ก็ยังหวังอยู่ลึกๆว่ามันจะติด ยังหวังแม้ว่ามันจะไม่มีทางเป็นจริงเลย โอกาสน้อยกว่า 0 ด้วยซ้ำ
แล้วก็เลยมีอามาบอกว่า ยูเข้าโรงเรียนนี้นะ แต่ไม่ต้องสอบห้องพิเศษเพราะยังไงมันก็ไม่ติด ก็โอเค เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือห้องธรรมดาเราจะติดเหรอ.... กศน.ที่เรียนอยู่นี่ก็ไม่ได้เรียนไรเลย วันๆเอาแต่สอนอะไรก็ไม่รู้.. เผลอๆมาเช็คชื่อละกลับ ก็มีคนบอกแหละ ยูเอาวุฒิไปเรียนต่อ เอาสิทธิ์ไปต่อม.4 ให้สอบโอเน็ตได้ ไปต่อมหาลัยได้ ก็เข้าใจแล้วไง แต่ให้เรียนบ้างเถอะ ไม่ใช่อะไร แค่ให้มาเซ็นชื่อกลับบ้าน พอไม่ไปก็บ่น เอ้า ยูไม่ได้สอนนิ จะให้ไปทำไม เสียเวลาไหม? ถามจริง

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลังจากไม่ได้ไปเรียนต่อ ม.1 ด้วยเหตุที่เราพลาดเอง ช่วงนั้นไม่ออกจากบ้านเลย ครูมาตามก็ไม่ไป พอมาคิดได้ก็ อ่าว เวลาเรียนไม่พอ ครูก็บอกว่าปีหน้ามาใหม่สิ คะแนนเธอดีมากเลยนะ ก็บ้าดีเนอะ ที่อีกปีมีรุ่นน้องคนหนึ่งที่เราไม่ชอบมาเข้าด้วย เลยไม่ได้ไป
จะเรียกว่าไม่ชอบก็ไม่ถูกนัก ต้องเรียกว่าเก่งกว่าถึงจะถูก ตอนนั้นพยายามหนักมาก เราเรียนพิเศษที่เดียวกับรุ่นน้องคนนั้น คือโจทย์ข้อหนึ่งที่เราทำ 3 วัน น้องทำวันเดียวได้ และน้องเริ่มแซงหน้าเราไปเรื่อยๆ จนเราตามไม่ทัน และผลที่ได้คือน้องสอบติด สสวท.ที่เราไม่ติด.. ถึงไม่ได้เรียนในระบบก็ยังไปเรียนพิเศษอยู่เหมือนเดิม จนถึงเวลาหนึ่งที่มันรู้สึกว่าที่นี่ ไม่ใช่ที่ของเรา ทุกคนพยายามกันหมด ทุกคนเรียนในโรงเรียนแต่เราไม่.. เราไม่อยากมานั่งตอบคำถามว่า ตอนนี้แกเรียนที่ไหน? เลยเลือกที่จะออกมา ค่าเรียนพิเศษก็ไม่ใช่ถูกๆ ถ้าเราเรียนไปสุดท้ายเราเอาไปใช้กับอะไรหละ.. เราจะไม่ฆ่าตัวตายก่อนเหรอ ถ้ามีคนมาจี้ถามว่าแกยังเรียนโรงเรียนนั้นอยู่ไหม โรงเรียนแกเป็นไงบ้าง

ทุกวันเวลาที่มีคนถามว่าตอนนี้เราเรียนชั้นอะไร เราก็ยังตอบว่า ม.3 ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราไม่ได้ในส่วนของตรงนั้นเลย
ถ้าถามว่า เรียนที่ไหน เราก็ได้แค่ยิ้มตอบกลับไป ถ้ามีผู้ปกครองอยู่ด้วย พ่อก็จะตอบแทนไปเลยว่าเรียน กศน.
พ่อบอกว่าไม่จำเป็นต้องปิด.. ซึ่งเรารับไม่ได้ในส่วนนั้น ถึงจะเคยบอกยอมรับทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น แต่ในใจลึกๆ เรายอมรับไม่ได้

เคยคิดอะไรไว้ต่างๆนานา เราจะเป็นอย่างนู้นอย่างงี้ สุดท้ายมันก็คงได้แค่คิดจริงๆ
เคยพยายามทำอะไรบางอย่าง จนท้อ พอแล้ว เราไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังไม่เลิก พอมีใจก็สู้ใหม่ ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรดีขึ้นเท่าไหร่


แล้วสิ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมไม่บอกว่าเราเป็นโรคซึมเศร้า?
ก็รู้ต้องโดนส่งไปโรงพยาบาลด้านจิตแพทย์นี่แหละ แต่เราก็ไม่ได้ไปรักษาต่อหรืออะไร
ส่วนตัวไม่ชอบให้ใครมามองว่าเราป่วย และจะไม่ชอบมากๆถ้าบอกว่าให้เราไปโรงบาล
คือทุกวันนี้ก็ปกติดีมั้ย ยังไม่ได้ฆ่าตัวตายค่ะ --//นี่แหละที่เขาเรียกว่าไม่ปกติ 5555555 /ตบมุขตัวเองก็ได้เหรอ
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทำอะไรสักอย่างนี่แหละ แล้วเราตัดสายแม่ทิ้งไปเลย ถึงได้ยินเสียงสายเข้าก็ไม่รับ จนสุดท้ายพ่อต้องกลับมาดูเราที่บ้าน แล้วพอแม่กลับมาแม่บอกว่า เป็นห่วงนะรู้มั้ย แม่คุยกับป้าข้างบ้านว่า นี่โทรไปหาหมอ ถามว่าเราจะฆ่าตัวตายมั้ย ยิ่งเราเป็นอย่างงี้
คือ ณ ประโยคนั้นโกรธมาก โกรธจริงๆ คือไม่ได้เป็นไรปะ ทำไมต้องทำเหมือนเราป่วยตลอดเวลา ก็ปกติดี กินนอนเที่ยวเล่น เหมือนเดิมแค่ไปไหนก็ไปคนเดียว ไม่ได้หาเพื่อนหรือพาใครไปไหด้วย แปลกเหรออ มีเพื่อนไปสุดท้ายเราก็ไปพาลเขาจนเลิกคบกันอยู่ดี ก็อยู่คนเดียวไป ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็สบายๆไม่ต้องมานั่งคุยเรื่องที่เราไม่ชอบ ไม่เก็ต แต่ในบางมุมก็เหงานะเอาจริง แต่มันก็เป็นแค่บางครั้งแหละน่าา

จนได้เจอพี่คนหนึ่งในเฟส ก็คือแรกๆเจอในเกมส์ /ตามประสาคนอยากหาเพื่อนคุย 555 ก็เลยชวนคุยไปชวนคุยมาก็ถูกคอดี ชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน ก็ตอนแรกก็ขอเฟสไป พี่เขาถามกลับมาว่าจะกล้าแอดเหรอ ซึ่งจริงๆก็เป็นไปตามที่เขาพูดนั่นแหละไม่ได้แอดไปเลย จนมีเฟสมีไลน์ มีไอดีเกมอื่น ก็เริ่มรู้สึกการมีเพื่อนคุยมันก็ดีไปอีกแบบนะ จนพี่เขาถามว่า ไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากพี่ละเหรอ? นี่ก็เริ่มคิดละ ยิ้มจะไปหาคนอื่นมาจากไหน ก็ลงเอยที่ว่าเราโกหกไปว่า ก็มีนั่นแหละแต่อยากคุยกับพี่มากกว่า /อ่อยไปอีก เปล่าหรอกจริงๆไม่มีเพื่อนสักคนค่ะนอกจากในเกมนะ ถ้าถามถึงคนในเกมนี่มีเพียบค่ะ ..

แต่หลายๆอย่างก็ไม่ได้คงเดิมไปตลอดกาลใช่มั้ยละ จากที่คุยกันเยอะๆ จนแทบไม่ได้คุย ก็กลายเป็นเรามาคิด มีเพื่อนมันก็จริงๆ และน่าอิจฉาคนที่มีเพื่อนแท้ ช่วงนั้นนอยด์ไปเลย ตูอยากมีเพื่อนนนน แต่พอเอาเข้าจริงๆก็เปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟนไปซะหมด พอเลิกกันก็เลยต่างหาย 5555


รู้สึกล่างๆมานี่ เริ่มเพ้อ
ก็คือเราจะเป็นพวกที่แบบ แบบนั้นแหละ.. จะไม่ชอบตัวเองมากๆเวลาทำอะไรแล้วไม่สำเร็จหรือตั้งเป้าไว้แล้วไปไม่ถึง แล้วจะล้มเลิกจนพาลไปเกลียดสิ่งๆนั้นเลย ซึ่งเคยเป็นมาแล้ว แล้วก็ยังคงเป็นอยู่เหมือนเดิม หลังจากที่เลิกแต่งนิยายไป เพราะอาการตันและความคิดที่ว่า แกจะแถเนื้อเรื่องไปถึงไหน จะข้ามโลกก่อนใช่ม้ะถึงจะยอมจบนิยายได้ ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งเลิกอ่านนิยายไปเลย ไม่มีแต่จะแตะ ถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอยู่ แต่ก็ยังอ่านได้บ้าง แต่พออ่านไปสัดพัก จะเกิดอาการที่ว่า แกจะแต่งได้เท่านี้เปล่าวะ.. ถ้าแกทำไม่ได้ก็เลิกอ่านเหอะ
แล้วก็เอามากดดันตัวเอง คือกดดันตัวเองจริงๆนะ แบบนั่งเครียดเลยก็ว่าได้ถ้าเขียนฉากไหนไม่ได้
จนคนที่เราไปปรึกษาด้วยบอกว่า เลิกกดดันตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น.. ทำของเราให้ดีที่สุดก็พอ
จริงๆคือทำไม่ได้ ถ้าเลิกกดดันตัวเองนี่คือ เลิกแต่งนะ แล้วยูไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็คือจะใช้เวลาเล่นเกมทั้งวันก็ได้ แต่เบื่อแล้วไง รู้สึกใช้เวลาทั้งวันเปล่าประโยชน์มากตลอดเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ช่วงปีแรก-2 ปี เรายังอ่านหนังสือ แต่งนิยายได้ ก็ถือว่าดีมากๆแล้ว แต่หลังๆเริ่มไม่อ่านเริ่มไม่แต่ง เลยทุกอย่างดูเสียเปล่า ทำอะไรของแกก็ไม่รู้

ก็จากที่เริ่มแต่งนิยายต่อมาได้สักพัก เริ่มรู้สึกว่ามันดูแย่มาก แย่จริงๆ
อยากถามตัวเองมากว่า ที่ผ่านมาคืออะไรเหรอ? แกมีพล็อตอีกตั้งหลายเรื่องที่อยากแต่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมแกไม่พยายามมากกว่านี้วะ แกเป็นอะไรของแก
ทำไมไม่แต่งออกมา ทำไมมีแต่งบทคำพูดที่แกแต่งได้ ทำไมแกบรรยายไม่ได้ ภาษาแกใช้อะไรของแก แกต้องมีอะไรมากกว่านี้เว้ย

เอาจริงๆเหมือนเราดันทุรังนะ ในใจลึกๆจริงๆก็รู้แหละคงทำไม่ได้แล้ว แต่ยังไม่ยอมไง เคยอ่านเจอเขาจะบอกว่า คนแพ้ จะไม่ยอมรับว่าตัวเองแพ้ แต่จะบอกว่าจริงๆแล้วตัวเองทำได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว ตัวเองนั่นแหละที่ทำไม่ได้ ..


ขอบคุณที่ทนอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ถึงแม้จะดูที่อ่านมาไร้สาระก็ตาม
เอาจริงๆ ถึงมาระบายแบบนี้ ก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลย
เพราะเราก็ยังจำได้ว่า ช่วงเวลานั้น เกิดอะไรขึ้นกับเรา? เราทำไรอยู่ในตอนนั้น
มันเริ่มดูออกจะแย่ลงเรื่อยๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่