กลุ่มอาลีบาบาได้ก่อตั้งอีคอมเมอซกับโลจิสติกฮับในมาเลเซียอันเป็นส่วนหนึ่งของ digital free trade zone(DFTZ)
ซึ่งโครงการนี้จะส่งเสริมการค้ามีมูลค่าสูงถึง 65,000ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
DFTZ จะเกิดการจ้างงาน60,000 ตำแหน่ง แล้วจะเพิ่มการส่งออกของเอสเอ็มอีมาเลเซียเป็นสองเท่า
นายกนาจีบกับแจ็ค หม่าร่วมกันประกาศโครงการนี้เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา
มาเลเซียใช้เวลาแค่สี่เดือนที่สร้างโครงการนี้ของแจ็ค หม่าให้เป็นความจริง
ซึ่งหม่าเองค่อนข้างประหลาดใจกับความรวดเร็วของมาเลเซียมาก
หม่าได้พบกับนายกนาจีบครั้งเมื่อเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งสองคุยกันแค่ 10 นาทีก็บรรลุข้อตกลงนี้ สิ่งเดียวที่หม่าขอกับนายกนาจีบคือดำเนินการด้วยความรวดเร็ว(act fast)
เขากล่าวว่าโครงการนี้ได้นำเสนอกับหลายๆประเทศในยุโรปรวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย
แต่ได้รับการตอบสนองที่ช้ามาก และที่สำคัญคือมาเลเซียมีนโยบายของรัฐบาลและมีกฎหมายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ยังมีศักยภาพมากกว่าที่หม่าคิด
DFTZ เป็นโครงการแรกที่อยู่นอกประเทศจีนและเป็นโครงการที่สองของโลก
จะเป็นตัวช่วยเสริมKuala Lumpur Internet City (KLIC) in Bandar Malaysia
จะทำให้เกิดบริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เนตลิ้งค์ 1,000 บริษัทและจะมีการจ้างงานมืออาชีพอีก25,000 คน
ผมแปลมาจากข่าวนี้ครับ
http://mothership.sg/2017/03/alibaba-setting-up-e-commerce-and-logistics-hub-in-malaysia/
จากที่อ่านมาก็ไม่เห็นแจ็ค หม่าจะขออะไรกับมาเลเซียมากกว่าที่คนไทยคิดเอาเอง
ข่าวนี้คงพอจะบอกได้ว่ามาเลเซียได้อะไรบ้างจากโครงการนี้
มาเลเซียได้อะไรกับการร่วมมือกับกลุ่มอาลีบาบา
ซึ่งโครงการนี้จะส่งเสริมการค้ามีมูลค่าสูงถึง 65,000ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025
DFTZ จะเกิดการจ้างงาน60,000 ตำแหน่ง แล้วจะเพิ่มการส่งออกของเอสเอ็มอีมาเลเซียเป็นสองเท่า
นายกนาจีบกับแจ็ค หม่าร่วมกันประกาศโครงการนี้เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา
มาเลเซียใช้เวลาแค่สี่เดือนที่สร้างโครงการนี้ของแจ็ค หม่าให้เป็นความจริง
ซึ่งหม่าเองค่อนข้างประหลาดใจกับความรวดเร็วของมาเลเซียมาก
หม่าได้พบกับนายกนาจีบครั้งเมื่อเยือนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งสองคุยกันแค่ 10 นาทีก็บรรลุข้อตกลงนี้ สิ่งเดียวที่หม่าขอกับนายกนาจีบคือดำเนินการด้วยความรวดเร็ว(act fast)
เขากล่าวว่าโครงการนี้ได้นำเสนอกับหลายๆประเทศในยุโรปรวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วย
แต่ได้รับการตอบสนองที่ช้ามาก และที่สำคัญคือมาเลเซียมีนโยบายของรัฐบาลและมีกฎหมายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ยังมีศักยภาพมากกว่าที่หม่าคิด
DFTZ เป็นโครงการแรกที่อยู่นอกประเทศจีนและเป็นโครงการที่สองของโลก
จะเป็นตัวช่วยเสริมKuala Lumpur Internet City (KLIC) in Bandar Malaysia
จะทำให้เกิดบริษัทที่ให้บริการอินเตอร์เนตลิ้งค์ 1,000 บริษัทและจะมีการจ้างงานมืออาชีพอีก25,000 คน
ผมแปลมาจากข่าวนี้ครับ http://mothership.sg/2017/03/alibaba-setting-up-e-commerce-and-logistics-hub-in-malaysia/
จากที่อ่านมาก็ไม่เห็นแจ็ค หม่าจะขออะไรกับมาเลเซียมากกว่าที่คนไทยคิดเอาเอง
ข่าวนี้คงพอจะบอกได้ว่ามาเลเซียได้อะไรบ้างจากโครงการนี้