ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะรู้สึกเครียด กดดัน ดวงตก ปวดตับ นั่นโน่นนี่ บลาๆๆ ไม่รู้จะทำยังไงล่ะ ไหว้ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศแล้ว
นึกถึงเทพทันใจขึ้นมาซะอย่างงั้น ว่าแล้วก็ไปกันเถอะค่ะ !! ไม่ต้องลางานก็ได้ ไปศุกร์เย็น กลับเช้าวันอาทิตย์ เน้นไหว้พระ เอาแค่ย่างกุ้งอย่างเดียว
จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ลุยจ้าาาา ** วีซ่าไม่ต้องนะคะเฉพาะทางท่าอากาศยาน (ถ้าไปทางบกยังต้องทำอยู่นะคะ)
ถึงล้าววววววววววววว
ผ่านตม.เสร็จก็แลกเงินในสนามบิน จากนั้นก็ออกมาเรียกแท็กซี่เข้าเมืองกันค่ะ ประมาณ10ยูโรค่ะ (แลกทั้งยูโรทั้งจ๊าดไว้นะคะ เพราะบางที่รับแต่เงินจ๊าด)
ที่พักเราอยู่แถวไชน่าทาวน์เลยค่ะ เดินข้ามซอยไปก็ถึงแล้ว คึกคักตลอดคืน ที่พักชื่อ The Vibe inn ถนน17 (ย่านไชน่าทาวน์)
คืนล่ะ1,000.- ห้องน้ำรวมนะ แต่โอเคเลย สะอาด สบาย ไม่แย่เลยค่ะ แค่ไม่มีลิฟท์แค่นั้น (แล้วให้ฉั๊นอยู่ตั้งชั้น5)
วันแรกไปถึงก็4ทุ่มแล้ว ออกไปเดินเล่นไชน่าทาวน์หาของกินกันค่ะ
เจอไอ้เจ้านี่ เห็นคนกินกันเยอะมากกก (เค้าเรียกหมาล่าไหมอ่ะ??) ที่เอาไปทาแล้วปิ้งๆ แล้วกินเข้าไปลิ้นจะชาอ่ะ แต่ไม่แนะนำนะ 55555
มีอันนี้กินได้หน่อย
กินเสร็จก็เดินข้ามถนน กลับไปนอนพักกันค่ะ
เช้าล้าววววววววว วันนี้นัดคนขับเอาไว้ตอน8โมงเช้าค่ะ (พอดีมีเพื่อนเคยอยู่ที่นี่เลยดิวคนขับให้ ปกติราคาเหมาต่อวันจะอยู่ที่2,500-3,000.-
แต่เราโชคดีมาก ได้ในราคา 1,500.-เท่านั้นเองงงง ประหยัดไปได้เย๊อะเลยยย) แต่บางคนถ้าต่อเก่งๆก็น่าจะได้นะคะ
ที่ๆเราจะไปนะคะ ก็มี
- เจดีย์โบตาทาวน์ เทพทันใจ เทพกระซิบ
- เจดีย์ สุเล
- พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี
- วัดงาทัตจี
- ตลาดสก๊อต
- มหาเจดีย์ชเวดากอง
ย่างกุ้งOne Day Trip แค่นี้ก็เก็บสถานที่หลักๆได้ครบแล้วค่ะ (เสียดายถ้ามาได้สัก6-7วันจะไปถึงมัณฑะเลย์เลยค่ะ ไว้รอบหน้า ^^)
เริ่มจากที่แรก เจดีย์ โบตาทาวน์ ไหว้เทพทันใจกันค่ะ
เทพทันใจ (นัตโบโบจี) เทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค
• วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบจี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะเทพทันใจจะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของเทพทันใจสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ขอไว้ค่ะ (แอบบอกว่าที่เราไปขอท่านมาในทริปนี้ กลับมาเราสมหวังด้วยแหละ) เดี๊ยวจะพาพี่ๆกลับไปอีกรอบค่ะ
** อ่อ ... ทุกที่จะมีค่าเข้านะคะ แต่บางคนก็เนียนๆเข้าไปไม่จ่ายก็มี ส่วนมากจะเก็บนักท่องเที่ยว
แล้วก็ถ้าฝากรองเท้าที่เคาร์เตอร์ตอนไปเอาคืนจะเสีย1ยูโรนะคะ (เจอไปที่แรกที่เดียวไม่ฝากอีกเลย ไปถอดตรงที่คนพม่าเค้าถอดกันก็ได้ค่ะ ไม่เสียเงิน)
ตอนแรกก็แอบเสียความรู้สึกเหมือนกัน จะไถอะไรฉันนักหนาย่ะ ยิบย่อยไปตลอดทาง แต่พอรู้แกวแล้วก็คอยระวังเอาค่ะ จะได้ไม่เสียรู้เอาง่ายๆ
ต่อไปก็ข้ามฝั่งไปไหว้เทพกระซิบค่ะ
เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย
• ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว
• การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้
ศาสนาพุทธในพม่าค่อนข้างแข็งแรงมากค่ะ
มีคำพูดนึงจากคนพม่าบอกว่า คนไทยจะเข้าวัดก็ต่อเมื่อรู้สึกไร้ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่มีที่พึ่ง หรือมาขอพรอยากได้อะไรสักอย่าง
แต่คนที่นี่เค้ามาเพื่อกราบไหว้และสวดมนต์กันเป็นเรื่องปกติค่ะ สุดยอดมากๆ
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ที่2ค่ะ เจดีย์ สุเล
เจดีย์สุเลจะตั้งอยู่กลางเมืองนะคะ แถวๆไชน่าทาวน์สามารถเดินไปได้ (ตอนแรกนึกว่าชะเวดากอง แต่เล็กกว่าเยอะค่ะ) 555
บริเวณรอบๆเจดีย์สะเลจะเป็นเหมือนท่ารถเลยค่ะ รถเมล์ทุกสายแทบจะมารวมกันที่นี่ ข้างๆมีสวนสาธารณะด้วย เดินเล่นได้เรื่อยๆค่ะแถวนี้ สวยดี
ที่ที่3 พระตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า สมคำล่ำลือจริงๆค่ะ สวยมากกกกกกก ใหญ่มากกกกกกกก
^^
ที่ที่4ค่ะ วัดงาทัตจี
หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์
องค์ใหญ่มากกกกกกๆๆค่ะ
ต่อไปก็ตลาดสก๊อต หรือ ตลาดโบยก อองซาน (Bogyoke Aung San Market) สร้างโดยชาวสก็อต สมัยเมื่อครั้งพม่าเป็นอาณานิคมของอังกฤษแวะทานข้าวแล้วก็เดินช้อปปิ้งกันสักแป๊บค่ะ (ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่เกิน40นาทีหรอกค่ะ) แต่ถ้าใครชอบเสื้อผ้าแบบชาวพม่า หรือซื้อไปใส่ทำบุญที่ไทยก็ได้นะคะ ไม่แพงเลยยย เราซื้อมาทั้งเซท 15,000จ๊าด (หรือประมาณ440บาทไทย) เดินไปเกือบๆ2ชม.ครึ่ง หาซื้อเสื้อผ้าเพลินมากค่ะ ลายปักก็สวย
ว่าจะหาไปใส่ที่เจดีย์ชเวดากองคืนนี้ค่ะ
ในส่วนของอาหารกลางวัน เห็นเค้ากินกันเยอะเลยไปนั่งกินตาม สรุปมีแต่คนไทย 555555
หน้าตาเหมือนขนมจีนแกงไก่ แต่มันเยิ้มมากกกกกกก (อาหารพม่าไม่โดนเลยจริงๆ) อีช้อยเศร้าใจ ><
รถติดหน้าตลาด เหมือนบ้านเราเนอะ 555
เสร็จจากตลาดสก๊อตก็กลับโรงแรมค่ะ แต่มิวายลืมของไว้ที่ตลาดเลยต้องกลับมาอีกรอบ ไหนๆก็ไหนๆ เดินชมเมืองเลยล่ะกัน
เดินวนไป
เดินอยู่40นาที จากตลาดไปเจดีย์ชเวดากอง อยากรู้จะร้อนสักแค่ไหน ปรากฏร้อนมากจริงๆค่ะ ถึงว่าคนขับบอกว่าให้มาดึกๆเถิด 555
แต่ตอนจะเดินกลับนี่สิ ไม่ไหวแล้ว ทั้งร้อนทั้งเมื่อย เลยขอลองนั่งรถเมล์ในพม่าสักครั้งในชีวิต เห็นเค้าบอกว่ายาก เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย
แต่เราก็นั่งมาจนถึงปากทางไชน่าทาวน์ได้นะคะ ถึงจะสื่อสารกันแบบงงๆก็ตาม แต่บรรยากาศบนรถเมล์คือสนุกดี ชอบ 55555
รู้สึกเหมือนโดนนินทามาตลอดทาง เพราะส่วนมากนักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยขึ้นรถเมล์ แต่มันถูกกว่าแท็กซี่หลายเท่าเลยค่ะ แค่7-8บาทเอง
เกือบนั่งไปหงษาวดี ดีนะพี่คนข้างๆเรียกให้ลงทัน ไม่งั้นยาว 555555
อันนี้อะไรไม่รู้ เพื่อนอยากกินเลยลองกินตามเพื่อน แต่ไม่โดนเลยให้ตาย
(เหมือนเอาเครื่องในไปต้มแล้วมานั่งล้อมวงกินกัน) ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ 555555
กลับมาพักผ่อนกันที่โรงแรมจนได้เวลา6โมงเย็น คนขับก็มารับไปเจดีย์ชะเวดากองค่ะ
ชเวดากอง เสียค่าเข้าชม 8000 จ๊าด (แต่งตัวมาให้เรียบร้อยน้าาา เดี๊ยวอดเข้า)
ไปถึงก็อึ้งเล็กน้อย มีลิฟท์แก้วด้วยอ่ะ ยิ่งใหญ่แล้วก็กว้างมากๆค่ะ คือเดินจนเมื่อย จนต้องขอยอมแพ้
มหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ รวม 8 เส้น ของพระพุทธเจ้า มีประวัติตำนานเก่าแก่กว่า 2,000 ปี หนังสือ Guinness Book of Records ได้จัดให้พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก นอกเหนือจากความสวยงามและความอลังการแห่งความศรัทธาของชาวพุทธแล้วนั้น รายรอบของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ยังประกอบไปด้วยสิงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่ควรแก่การไปนมัสการขอพร อาทิ ลานอธิษฐานซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเท่าที่ทราบก็เคยมีคนใหญ่คนโตของไทยไปตั้งจิตอธิษฐานจนประสบความสำเร็จมา หลายท่านแล้ว หรือการร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์สัญลักษณ์ประจำวันเกิด ตั้งอยู่รอบ ๆ ลานเป็นคู่ ๆ ด้วย โดยเชื่อกันว่าการสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์เหล่านี้ จะสร้างความบริสุทธิ์และความสุขความเจริญแก่ผู้สรงน้ำ รวมถึงการร่วมบูชาแม่ยักษ์ ที่เชื่อการว่าการบูชาท่านจะช่วยในการตัดกรรมหรือศัตรู หรือพระพยุงโชคชะตาอยู่ในช่องแคบเข้าได้ทีละคน นำพวงมาลัยเข้าไปสักการะ และเอาหน้าแนบกระจกเพื่อขอพร เชื่อถือว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พระจินดามณีเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมาก ทั้งองค์ประกอบขึ้นจากเพชรนิลจินดาต่าง ๆ สักการะขอพรเพื่อให้มีโชคลาภ เพิ่มพูนเงินทองทรัพย์สิน และเทวดาสุริยัน – เทวดาจันทราสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ ควรสักการะเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยทำให้ธุรกิจราบรื่น ประสบแต่ความสำเร็จ เป็นต้น
สวยมากมากๆค่ะ เป็นบุญตาที่ได้มาเห็นจริงๆ
เสร็จจากที่นี่ก็ไปหาอาหารไทยกินค่ะ ไม่ไหวแล้ววววว จ่ายแพงก็ยอม คืออยากกินอะไรที่ถูกปากดูบ้าง พี่คนขับก็พาไปกินที่โรงแรมเวสเทิร์น
ทัวร์ไทยก็ไปกันเต็มเลยยย รสชาติดีเลยค่ะ ถูกใจ กินได้2จานแน่ะ จานใหญ่ด้วยนะ อยู่ๆนานคงผอมแน่ๆ 5555555
จบ One Day Trip ที่ย่างกุ้ง พออีกวันเราก็เดินทางกลับแต่เช้าค่ะ พอดีเรามีภารกิจยิ่งใหญ่รออยู่ที่ไทย แล้วมันก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ
เดี๊ยวจะกลับไปอีกแน่นอน ก่อนมาคิดว่าพม่าคงไม่มีอะไร (เหมือนที่เคยคิดกับลาวและกัมพูชา) แต่พอได้มาแล้วติดใจทุกที
ทริปทันใจ จองปุ๊บ บินปั๊บ กับ1วันในย่างกุ้ง !!!
ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะรู้สึกเครียด กดดัน ดวงตก ปวดตับ นั่นโน่นนี่ บลาๆๆ ไม่รู้จะทำยังไงล่ะ ไหว้ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศแล้ว
นึกถึงเทพทันใจขึ้นมาซะอย่างงั้น ว่าแล้วก็ไปกันเถอะค่ะ !! ไม่ต้องลางานก็ได้ ไปศุกร์เย็น กลับเช้าวันอาทิตย์ เน้นไหว้พระ เอาแค่ย่างกุ้งอย่างเดียว
จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ลุยจ้าาาา ** วีซ่าไม่ต้องนะคะเฉพาะทางท่าอากาศยาน (ถ้าไปทางบกยังต้องทำอยู่นะคะ)
ถึงล้าววววววววววววว
ผ่านตม.เสร็จก็แลกเงินในสนามบิน จากนั้นก็ออกมาเรียกแท็กซี่เข้าเมืองกันค่ะ ประมาณ10ยูโรค่ะ (แลกทั้งยูโรทั้งจ๊าดไว้นะคะ เพราะบางที่รับแต่เงินจ๊าด)
ที่พักเราอยู่แถวไชน่าทาวน์เลยค่ะ เดินข้ามซอยไปก็ถึงแล้ว คึกคักตลอดคืน ที่พักชื่อ The Vibe inn ถนน17 (ย่านไชน่าทาวน์)
คืนล่ะ1,000.- ห้องน้ำรวมนะ แต่โอเคเลย สะอาด สบาย ไม่แย่เลยค่ะ แค่ไม่มีลิฟท์แค่นั้น (แล้วให้ฉั๊นอยู่ตั้งชั้น5)
วันแรกไปถึงก็4ทุ่มแล้ว ออกไปเดินเล่นไชน่าทาวน์หาของกินกันค่ะ
เจอไอ้เจ้านี่ เห็นคนกินกันเยอะมากกก (เค้าเรียกหมาล่าไหมอ่ะ??) ที่เอาไปทาแล้วปิ้งๆ แล้วกินเข้าไปลิ้นจะชาอ่ะ แต่ไม่แนะนำนะ 55555
มีอันนี้กินได้หน่อย
กินเสร็จก็เดินข้ามถนน กลับไปนอนพักกันค่ะ
เช้าล้าววววววววว วันนี้นัดคนขับเอาไว้ตอน8โมงเช้าค่ะ (พอดีมีเพื่อนเคยอยู่ที่นี่เลยดิวคนขับให้ ปกติราคาเหมาต่อวันจะอยู่ที่2,500-3,000.-
แต่เราโชคดีมาก ได้ในราคา 1,500.-เท่านั้นเองงงง ประหยัดไปได้เย๊อะเลยยย) แต่บางคนถ้าต่อเก่งๆก็น่าจะได้นะคะ
ที่ๆเราจะไปนะคะ ก็มี
- เจดีย์โบตาทาวน์ เทพทันใจ เทพกระซิบ
- เจดีย์ สุเล
- พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี
- วัดงาทัตจี
- ตลาดสก๊อต
- มหาเจดีย์ชเวดากอง
ย่างกุ้งOne Day Trip แค่นี้ก็เก็บสถานที่หลักๆได้ครบแล้วค่ะ (เสียดายถ้ามาได้สัก6-7วันจะไปถึงมัณฑะเลย์เลยค่ะ ไว้รอบหน้า ^^)
เริ่มจากที่แรก เจดีย์ โบตาทาวน์ ไหว้เทพทันใจกันค่ะ
เทพทันใจ (นัตโบโบจี) เทพผู้ปกปักรักษาและบันดาลโชค
• วิธีการสักการะรูปปั้นเทพทันใจ (นัตโบโบจี) เพื่อขอสิ่งใดแล้วสมตามความปราถนาก็ ให้เอาดอกไม้ ผลไม้ โดยเฉพาะมะพร้าวอ่อน กล้วย หรือผลไม้อื่นๆมาสักการะเทพทันใจจะชอบมาก จากนั้นก็ให้เอาเงินจะเป็นดอลล่า บาท หรือจ๊าด ก็ได้ (แต่แนะนำให้เอาเงินบาทดีกว่าเพราะเราเป็นคนไทย) แล้วเอาไปใส่มือของเทพทันใจสัก 2 ใบ ไหว้ขอพรแล้วดึงกลับมา 1 ใบ เอามาเก็บรักษาไว้ จากนั้นก็เอาหน้าผากไปแตะกับนิ้วชี้ของเทพทันใจ แค่นี้ท่านก็จะสมตามความปราถนาที่ขอไว้ค่ะ (แอบบอกว่าที่เราไปขอท่านมาในทริปนี้ กลับมาเราสมหวังด้วยแหละ) เดี๊ยวจะพาพี่ๆกลับไปอีกรอบค่ะ
** อ่อ ... ทุกที่จะมีค่าเข้านะคะ แต่บางคนก็เนียนๆเข้าไปไม่จ่ายก็มี ส่วนมากจะเก็บนักท่องเที่ยว
แล้วก็ถ้าฝากรองเท้าที่เคาร์เตอร์ตอนไปเอาคืนจะเสีย1ยูโรนะคะ (เจอไปที่แรกที่เดียวไม่ฝากอีกเลย ไปถอดตรงที่คนพม่าเค้าถอดกันก็ได้ค่ะ ไม่เสียเงิน)
ตอนแรกก็แอบเสียความรู้สึกเหมือนกัน จะไถอะไรฉันนักหนาย่ะ ยิบย่อยไปตลอดทาง แต่พอรู้แกวแล้วก็คอยระวังเอาค่ะ จะได้ไม่เสียรู้เอาง่ายๆ
ต่อไปก็ข้ามฝั่งไปไหว้เทพกระซิบค่ะ
เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย
• ตามตำนานกล่าวว่า นางเป็นธิดาของพญานาค ที่เกิดศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า รักษาศีล ไม่ยอมกินเนื้อสัตว์จนเมื่อสิ้นชีวิตไปกลายเป็นนัต ซึ่งชาวพม่าเคารพกราบไหว้กันมานานแล้ว
• การบูชาเทพกระซิบ บูชาด้วยน้ำนม ข้าวตอก ดอกไม้ และผลไม้
ศาสนาพุทธในพม่าค่อนข้างแข็งแรงมากค่ะ
มีคำพูดนึงจากคนพม่าบอกว่า คนไทยจะเข้าวัดก็ต่อเมื่อรู้สึกไร้ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่มีที่พึ่ง หรือมาขอพรอยากได้อะไรสักอย่าง
แต่คนที่นี่เค้ามาเพื่อกราบไหว้และสวดมนต์กันเป็นเรื่องปกติค่ะ สุดยอดมากๆ
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ที่2ค่ะ เจดีย์ สุเล
เจดีย์สุเลจะตั้งอยู่กลางเมืองนะคะ แถวๆไชน่าทาวน์สามารถเดินไปได้ (ตอนแรกนึกว่าชะเวดากอง แต่เล็กกว่าเยอะค่ะ) 555
บริเวณรอบๆเจดีย์สะเลจะเป็นเหมือนท่ารถเลยค่ะ รถเมล์ทุกสายแทบจะมารวมกันที่นี่ ข้างๆมีสวนสาธารณะด้วย เดินเล่นได้เรื่อยๆค่ะแถวนี้ สวยดี
ที่ที่3 พระตาหวาน หรือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า สมคำล่ำลือจริงๆค่ะ สวยมากกกกกกก ใหญ่มากกกกกกกก
^^
ที่ที่4ค่ะ วัดงาทัตจี
หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์
องค์ใหญ่มากกกกกกๆๆค่ะ
ต่อไปก็ตลาดสก๊อต หรือ ตลาดโบยก อองซาน (Bogyoke Aung San Market) สร้างโดยชาวสก็อต สมัยเมื่อครั้งพม่าเป็นอาณานิคมของอังกฤษแวะทานข้าวแล้วก็เดินช้อปปิ้งกันสักแป๊บค่ะ (ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่เกิน40นาทีหรอกค่ะ) แต่ถ้าใครชอบเสื้อผ้าแบบชาวพม่า หรือซื้อไปใส่ทำบุญที่ไทยก็ได้นะคะ ไม่แพงเลยยย เราซื้อมาทั้งเซท 15,000จ๊าด (หรือประมาณ440บาทไทย) เดินไปเกือบๆ2ชม.ครึ่ง หาซื้อเสื้อผ้าเพลินมากค่ะ ลายปักก็สวย
ว่าจะหาไปใส่ที่เจดีย์ชเวดากองคืนนี้ค่ะ
ในส่วนของอาหารกลางวัน เห็นเค้ากินกันเยอะเลยไปนั่งกินตาม สรุปมีแต่คนไทย 555555
หน้าตาเหมือนขนมจีนแกงไก่ แต่มันเยิ้มมากกกกกกก (อาหารพม่าไม่โดนเลยจริงๆ) อีช้อยเศร้าใจ ><
รถติดหน้าตลาด เหมือนบ้านเราเนอะ 555
เสร็จจากตลาดสก๊อตก็กลับโรงแรมค่ะ แต่มิวายลืมของไว้ที่ตลาดเลยต้องกลับมาอีกรอบ ไหนๆก็ไหนๆ เดินชมเมืองเลยล่ะกัน
เดินวนไป
เดินอยู่40นาที จากตลาดไปเจดีย์ชเวดากอง อยากรู้จะร้อนสักแค่ไหน ปรากฏร้อนมากจริงๆค่ะ ถึงว่าคนขับบอกว่าให้มาดึกๆเถิด 555
แต่ตอนจะเดินกลับนี่สิ ไม่ไหวแล้ว ทั้งร้อนทั้งเมื่อย เลยขอลองนั่งรถเมล์ในพม่าสักครั้งในชีวิต เห็นเค้าบอกว่ายาก เพราะไม่มีภาษาอังกฤษเลย
แต่เราก็นั่งมาจนถึงปากทางไชน่าทาวน์ได้นะคะ ถึงจะสื่อสารกันแบบงงๆก็ตาม แต่บรรยากาศบนรถเมล์คือสนุกดี ชอบ 55555
รู้สึกเหมือนโดนนินทามาตลอดทาง เพราะส่วนมากนักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยขึ้นรถเมล์ แต่มันถูกกว่าแท็กซี่หลายเท่าเลยค่ะ แค่7-8บาทเอง
เกือบนั่งไปหงษาวดี ดีนะพี่คนข้างๆเรียกให้ลงทัน ไม่งั้นยาว 555555
อันนี้อะไรไม่รู้ เพื่อนอยากกินเลยลองกินตามเพื่อน แต่ไม่โดนเลยให้ตาย
(เหมือนเอาเครื่องในไปต้มแล้วมานั่งล้อมวงกินกัน) ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ 555555
กลับมาพักผ่อนกันที่โรงแรมจนได้เวลา6โมงเย็น คนขับก็มารับไปเจดีย์ชะเวดากองค่ะ
ชเวดากอง เสียค่าเข้าชม 8000 จ๊าด (แต่งตัวมาให้เรียบร้อยน้าาา เดี๊ยวอดเข้า)
ไปถึงก็อึ้งเล็กน้อย มีลิฟท์แก้วด้วยอ่ะ ยิ่งใหญ่แล้วก็กว้างมากๆค่ะ คือเดินจนเมื่อย จนต้องขอยอมแพ้
มหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุ รวม 8 เส้น ของพระพุทธเจ้า มีประวัติตำนานเก่าแก่กว่า 2,000 ปี หนังสือ Guinness Book of Records ได้จัดให้พระเจดีย์ชเวดากองเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก นอกเหนือจากความสวยงามและความอลังการแห่งความศรัทธาของชาวพุทธแล้วนั้น รายรอบของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ยังประกอบไปด้วยสิงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่ควรแก่การไปนมัสการขอพร อาทิ ลานอธิษฐานซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเท่าที่ทราบก็เคยมีคนใหญ่คนโตของไทยไปตั้งจิตอธิษฐานจนประสบความสำเร็จมา หลายท่านแล้ว หรือการร่วมสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์สัญลักษณ์ประจำวันเกิด ตั้งอยู่รอบ ๆ ลานเป็นคู่ ๆ ด้วย โดยเชื่อกันว่าการสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์เหล่านี้ จะสร้างความบริสุทธิ์และความสุขความเจริญแก่ผู้สรงน้ำ รวมถึงการร่วมบูชาแม่ยักษ์ ที่เชื่อการว่าการบูชาท่านจะช่วยในการตัดกรรมหรือศัตรู หรือพระพยุงโชคชะตาอยู่ในช่องแคบเข้าได้ทีละคน นำพวงมาลัยเข้าไปสักการะ และเอาหน้าแนบกระจกเพื่อขอพร เชื่อถือว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พระจินดามณีเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามมาก ทั้งองค์ประกอบขึ้นจากเพชรนิลจินดาต่าง ๆ สักการะขอพรเพื่อให้มีโชคลาภ เพิ่มพูนเงินทองทรัพย์สิน และเทวดาสุริยัน – เทวดาจันทราสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ ควรสักการะเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยทำให้ธุรกิจราบรื่น ประสบแต่ความสำเร็จ เป็นต้น
สวยมากมากๆค่ะ เป็นบุญตาที่ได้มาเห็นจริงๆ
เสร็จจากที่นี่ก็ไปหาอาหารไทยกินค่ะ ไม่ไหวแล้ววววว จ่ายแพงก็ยอม คืออยากกินอะไรที่ถูกปากดูบ้าง พี่คนขับก็พาไปกินที่โรงแรมเวสเทิร์น
ทัวร์ไทยก็ไปกันเต็มเลยยย รสชาติดีเลยค่ะ ถูกใจ กินได้2จานแน่ะ จานใหญ่ด้วยนะ อยู่ๆนานคงผอมแน่ๆ 5555555
จบ One Day Trip ที่ย่างกุ้ง พออีกวันเราก็เดินทางกลับแต่เช้าค่ะ พอดีเรามีภารกิจยิ่งใหญ่รออยู่ที่ไทย แล้วมันก็ผ่านไปด้วยดีค่ะ
เดี๊ยวจะกลับไปอีกแน่นอน ก่อนมาคิดว่าพม่าคงไม่มีอะไร (เหมือนที่เคยคิดกับลาวและกัมพูชา) แต่พอได้มาแล้วติดใจทุกที