บางที ก็สงสาร แท็กซี่ทั่วไปนะ ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเหมือน Uber กับ Grab

อันนี้พูดถึง แท๊กซี่ ทั่วไปนะ  ที่ต้องโบกริมทาง
ไม่รู้จุดหมายปลายทางของคนที่มาโบก

แทบไม่เคยเจอ ปัญหาของแท๊กซี่ เลย
เรียกแล้วไม่ไป หนินานๆที  ปีมีซักหน สองหน   (ไปกินเหล้า กลับบ้านแถวบางแค ตี 3 ตี4 เจอบ้าง   จากข้าวสาร  rca    ทองหล่อ เอกมัย )  
จริงๆขึ้นแท๊กซี่ทุกอาทิตย์ (แต่อาจจะเพราะบ้านอยู่ชานเมือง  โบกกี่คันก็ไปหมด เพราะเข้าเมือง)

เคยคุยกับแท๊กซี่    บางคัน เช่าแบบ เป็นกะ  บางคัน เช่าเหมาวัน เหมาเดือน
ส่วนใหญ่ที่ปฏิเสธผู้โดยสารจะเป็นพวกเช่า กะ  ที่มีรอบเช้า รอบค่ำ   คุยแล้วก็เข้าใจ  บางช่วงเวลา เขาต้องเอารถไปเติมแก๊ส หรือรีบเข้าอู่
เพื่อไปส่งต่อให้กะต่อไป  แล้วทีนี้ เขาเองก็ยังอยากหาลูกค้าอยู่เพียงแต่ว่า ต้องเป็นทางเดียวกันกับที่ไปอู่เขา  เขาเลยเลือกที่จะเปิดว่าง  เพราะไม่อยากเสียโอกาสรายได้ หากดวงดีเจอลุกค้าไปทางนั้นก็ดีไป  ประมาณนั้น


กลับมาที่ Uber กับ Grab ส่วนใหญ่ รู้จุดหมายของลูกค้า  เพราะเรียกจากแอพ+แผนที่    คนขับคนไหนเห็นว่าคุ้มก็เลือกลูกค้าได้
ทำให้ลูกค้า รู้สึกว่า เอ้อดีไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร  

ก็เหมือนกับ พวกรถแท๊กซี่ที่มีศูนย์นั่นแหละ ที่มีคนต้องการเรียกแท๊กซี่ ว่ารับจากไหน ไปไหน  มีค่าชาร์จจากการเรียก
แต่คนไม่ค่อยชอบ เพราะ ไม่มีเทคโนโลยี ที่คอยติดตามว่าคนขับมาถึงไหนแล้ว

ตัดเรื่องความสะดวกเทคโนโลยีสื่อสารออกไป  ผมว่านั่งรถอะไรก็เหมือนกันแหละ
(อ้างอิงตามประสบการณ์ของผมนะ เพราะไม่เคยขึ้นแท๊กซี่แล้วมีปัญหาหงุดหงิดกวนใจ และเคยนั่งอูเบอร์ไปกับเพื่อน ความรู้สึกก็คือ รถก็คือรถ มันก็ไปส่งเหมือนๆกัน)

แต่ถ้าจะให้แนะนำฝ่ายที่เกี่ยวข้องแก้อะไร  ก็อาจจะหน่วยงานรัฐเข้ามา พัฒนาระบบเทคโนโลยี ที่จะคัดกรองคน  และพัฒนาระบบการเรียกแท๊กซี่ให้ใช้เทคโนโลยีเข้ามา  (ผมอาจจะยังไม่เจอแท๊กซี่ไม่ดี ที่เป็นตามข่าว เช่น ขอราคาเหมา หรือชอบมีเรื่อง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่