เมื่อวานเราเขียนเล่าเหตุกาณ์ซะยาวเลย.. กลายเป็นส่งกระทู้ไม่ได้ซะงั้น
วันนี้เอง ก็กว่าจะส่งได้อะนะ
**อ่านให้จบก่อนน๊าาาา
เรื่องมีอยู่ว่า.. ตอนนี้เราตั้งท้องได้ 3 เดือนละ แล้วเราไอแห้งๆ ระคายคอ ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นมาหลายวันแล้ว
ในตอนกลางวัน ปวดหัว คลั่นเนื้อคลั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ก็เกือบจะกินยาพาราไปละ แต่ไม่กินดีกว่า.. เลือกไปหาหมอหลังเลิกงาน
ซึ่งเป็น รพ.ประกันสังคม ที่เป็น รพ.เอกชน อยู่ย่านบางใหญ่ ที่มีชื่อเสีย พอสมควร เราไปถึง 6 โมงพอดี วันนี้คนรอคิวไม่เยอะ
(รพ.นี้เราไปบ่อย เพราะเคยเป็นโรคกระเพาะ จึงรู้ช่วงเวลาไหนคนเยอะ คนน้อย)
นั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้คิวตรวจ เราเห็นหน้าหมอแว๊บๆ จากการเดินผ่านหน้าห้อง เราแอบดีใจ คิดว่าเจอหมอที่เคยรักษาโรคกระเพาะ
**ซึ่งหมอคนที่ว่านี้เขาดูประวัติเรา แล้วเชิงบ่น ว่าทำไมเรากินยารักษาโรคกระเพาะเยอะจัง แล้วจะส่งเราไปฉีดสี และวิเคราะห์สาเหตุของโรคที่มาจากความเครียด และนัดให้เราพบกับหมอจิตเวช
เข้าเรื่องต่อ.. พอเราเข้าห้องไป ด้วยใจพองโต เต็มไปด้วยความหวัง
หมอ : เป็นอะไรมา
เรา : ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนน่ะค่ะ (บอกอาการไป.. และบอกเพิ่มว่า) ซึ่งเดิม อาการไอ มันเป็นมานานแล้ว นานมาก แต่ไม่ได้เป็นมาก
จะเป็นแค่เวลากลางคืนที่มีอากาศเย็นๆ แล้วแก้ไขโดยใช้คามิโลซาน
(สเปรย์พ่น มันช่วยทำให้ชุ่มคอ ลดการระคายคอ และทำให้เราหลับไปในคืนๆ หนึ่ง)
หมอ : (พูดสวนขึ้นมาทันที) คามิโลซานไม่ได้ช่วยอะไร, แล้วทำไมเพิ่งมาหาหมอตอนเน้!!!! ถ้าเป็นมะเร็งไม่ดีตายห่า ตาย%$#@^
(จำไม่ได้ว่าพูดว่าตายอะไร) ไปแล้วหรอ??? เป็นมา 3 ปี ถ้าเป็นมะเร็งก็ตายไปแล้วล่ะ (เราไม่ได้บอกว่าเป็นมา 3 ปี) แค่เกิน 6 เดือนก็ตายไปแล้วล่ะ
แต่นี่เป็นมานานขนาดนี้แล้วไม่เป็นไรก็ไม่ใช่มะเร็งแล้วล่ะ!!!!! มาหาหมอตอนนี้ก็ทำไรไม่ด้ายยยย #เสียงสูง
(อึ้งงงงงงง...!!! ค่ะ แต่ก็ยังหน้านิ่ง ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ ตอบกลับไปเหมือนไม่มีไร)
เรา : ก็คือตั้งครรภ์น่ะค่ะ ไม่อยากซื้อยาทางเอง ก็เลยมาหาหมอ
หมอ : หมอก็ไม่กล้าสั่งยาให้เหมือนกัน "ถ้าเกิดลูกตายห่าาาาา" ขึ้นมาจะทำยังไง??? (ทำหน้าตกใจ ที่หลุดปากคำว่า "ลูกตายห่า")
(นั่งมองหน้า ตาแข็งใส่ เราร้อนขึ้นมาทันที เหงื่อออกหน้าผากชุ่มไปหมด เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินจากปาก คนที่ขึ้นชื่อว่า "หมอ" ก็ยังไม่แสดงอาการอะไร แล้วถามเรื่องอื่นต่อ)
เรา : แล้ว.. บางทีมีตุ่มคันที่ผิวหนังค่ะ ใช้ยาทาได้ไหม?? (คือกำลังจะบอกชื่อยา แต่นางก็พูดสวนตัดบทเรา)
หมอ : ทาด้ายยยย ฿*#$%+& มันไม่มีใครเอาคนท้อง 2 สัปดาห์ มาทดลองทายาแบบนี้ แล้วดูว่าลูกจะพิการไหม หรอกนะ!! แบบนี้มันผิดจริยธรรม เลยไม่รู้หรอกว่าทาแล้วเด็กจะเป็นยังไง จะพิการมั้ยยยย ๕฿ู&%$#+*&#@ ส่วนยาอ่ะ จะสั่งยาแก้แพ้ให้ตัวเดียวนะ/ตัวเดียวละกัน
เรา : อ่อ.. ค่ะ ทานได้เนอะ (ทวนคำพูด ไม่ได้พูดกวนตีน)
หมอ : ยาเนี้ย!!! ทานกันมานานละ มีมา 20 ปี ได้ละ ยังไม่เห็นมีใครตายเลย กินได้ แต่.. อันที่จิง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกิน
เรายกมือไหว้ ให้รีบจบๆ จะได้ออกไปซะที แต่นางก็ร่ายต่ออีกยาวววว
เราออกจากห้องตรวจ ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองเวลานั้นคืออะไร โกรธ?? ไม่พอใจ?? เสียความรู้สึก?? หรืออะไร..
แต่เราอึ้ง.. อึ้งในคำพูดของหมอค่ะ เราไม่ใช่เพื่อนชนีของคุณ เรามาหาคุณด้วยความหวัง หวังจากคำว่า "คุณหมอ" ถ้ารู้หากคุณหมอไม่มีปัญญาวินิจฉัยโรค หรือสั่งยาได้ขนาดนี้ เราคงไม่เสียเวลานั่งรอรถเมล์นานๆ จะมา 1 คัน ไม่เสียเวลาเดินไกล จากป้ายไปห้องประกันสังคม
เรื่องยังไม่จบค่ะ ระหว่างนั่งรอยา เราส่งไลน์ไปบอกแฟนว่าหมอปากหมาๆ แบบนี้ อยากเตะปากหมอ!!! แฟนก็รีบโทรกลับ ว่าเกิดอะไรขึ้น
เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ เราเล่าไปด้วย นั่งร้องไห้ไปด้วย แฟนก็จะมาโวยหมอที่พูดจาแบบนี้ แต่!! เราไม่มีหลักฐานค่ะ
ไม่มีคลิปเสียงหรืออะไรทั้งนั้นมีแต่คำพูดที่มันก้องในหู
ในตอนรับยา เราเห็นป้าย "หญิงตั้งครรภ์ ให้แจ้งเภสัช" เราก็เลยแจ้งและถาม
เรา : ตอนนี้ตั้งครรภ์ค่ะ ทานได้ใช่ไหมคะ
เภสัช : ทานได้ค่ะ (นางทำหน้าเหลอหลา แล้วยิ้ม)
เรา : มียาแก้ไอที่คนท้องทานได้ไหมคะ พอดีตะกี้ถามคุณหมอ แต่คุณหมอไม่รู้น่ะค่ะ ว่ามียาแก้ไอตัวไหนที่ทานได้..
เภสัช : อ๋อค่ะ (ลนลานเล็กน้อย รีบยกหูโทรศัพท์) เดี๋ยวจะให้คุณหมอสั่งจ่ายยาให้นะคะ
เรา : อ่อ ไม่เป็นค่ะ ขอบคุณค่ะ
แล้วเซ็นต์ชื่อรับยาแก้แพ้ แล้วเดินออกจากตรงนั้น..
หมอคนนี้ เราไม่เคยเจอ คงเป็นหมอที่คงเพิ่งจบใหม่ ดูจากหน้า จากผิวแล้ว ไม่น่าจะเกิน 30 ปี ท่าทางตุ้งติ้ง พูดจาเหวี่ยงๆ จิกกัด จีบปากจีบคอ
สไตล์ตุ๊ดเกย์ คุณอายุเท่านี้ พูดจากเหวี่ยง จิกกัด คนไข้แล้วหรอ??? แล้วถ้าอายุงานนานกว่านี้จะเป็นยังไง??
เมื่อเทียบกับหมอสูติ ที่เราไปฝากครรภ์ เขาอยู่ รพ.รัฐฯ เป็นอาจารย์หมอ ที่มีอายุมากแล้ว ทำไมคุณภาพช่างต่างกับสิ้นเชิง???
ในเมื่อหมอบอกแบบนี้ ***แล้วชีวิตที่เหลือๆ จะสามารถฝากไว้ในมือ คนที่ขึ้นชื่อว่าหมอ ได้อีกหรอ?? บุคคลากร ใน รพ.นี้ มีคุณภาพแค่นี้เองหรอ???
มันเลวร้ายที่สุด เท่าที่เคยเจอมา
**หลายคนอาจจะมีคำถาม ว่าทำไมเราปล่อยให้ไอมานาน ไม่รักษา ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากรักษานะคะ แค่ความคิดเราคือ ไม่ได้เป็นอะไรมาก
ภาษาบ้านๆ คือไม่พอไปหาหมอ เราจะแสบคอระคายคอตอนโดนพัดลมเป่า แอร์เป่าหน้าหรือลงหัว และตอนหน้าหนาวเท่านั้น
เราเริ่มไอแบบนี้ตั้งแต่เรียน ปี 2-3 เป็นเยอะกว่าทุกวันนี้มาก
เราเคยไป รพ. เพื่อรักษาแต่มันไม่หาย (รพ.ไม่ได้บอกว่าเราเป็นภูมิแพ้) จนเราเจอคลีนิกเฉพาะทางหูตาคอจมูก เมื่อเกือบ 7-8 ปีก่อน
หมอบอกว่าแพ้อากาศ และให้ยามาทาน ยาแค่ไม่กี่เม็ด หมดไปเกือบพัน ยาตกเม็ดละเกือบร้อย ถ้าจำไม่ผิดหมอบอกว่ายานอก
ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น เมื่อเทียบกับรายได้ของเรา แล้วอาการไอก็ดีขึ้นจริงๆ พอครบกำหนดนัดอีกที เราเลยไม่ไป
หลังจากนั้นก็มีเปนไข้ เป็นหวัด ก็มีไอมีเสมหะ กินยาแก้ไอทั้งหลายแหล่ อาการไอ ก็หายไป แต่ไอแห้งๆ ก็กลับมาใหม่ เมื่อเจออากาศเย็น
มาตอนนี้ เราตั้งครรภ์ เวลาไอ หรือจาม มันจะเสียดมดลูก เราต้องหาจังหวะให้ดี เพื่อที่จะลดอาการเสียด คุณแม่หลายๆ คน คงเคยเป็น
เลยเป็นสาเหตุที่เราไปหาหมอ ให้หมอสั่งจ่ายยา แทนที่เราจะซื้อกินเองตามร้านขายยา ที่บางร้าน เอาใครก็ไม่รู้มาใส่เสื้อกราว แล้วขายยาให้
บางร้านเป็นเด็ก ม.ปลายนั่งเล่นเกมส์ เฝ้าร้านขายยา บางร้านเป็น ผู้หญิงสวยๆ อายุ 20 ต้นๆ หน้ากับป้ายเภสัชในร้าน ไม่ใช่คนเดียวกัน
หมอสูติเอง ก็ห้ามซื้อยาทานเอง ถ้าป่วย ให้ไปหาหมอเท่านั้น และนี่.. คือสิ่งที่เราเจอ
หมอปากหมาๆ พูดจาแบบนี้ก็ได้หรอ??? ฉันไม่ใช่เพื่อนชนีของคุณ!!!!!
วันนี้เอง ก็กว่าจะส่งได้อะนะ
**อ่านให้จบก่อนน๊าาาา
เรื่องมีอยู่ว่า.. ตอนนี้เราตั้งท้องได้ 3 เดือนละ แล้วเราไอแห้งๆ ระคายคอ ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นมาหลายวันแล้ว
ในตอนกลางวัน ปวดหัว คลั่นเนื้อคลั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ ก็เกือบจะกินยาพาราไปละ แต่ไม่กินดีกว่า.. เลือกไปหาหมอหลังเลิกงาน
ซึ่งเป็น รพ.ประกันสังคม ที่เป็น รพ.เอกชน อยู่ย่านบางใหญ่ ที่มีชื่อเสีย พอสมควร เราไปถึง 6 โมงพอดี วันนี้คนรอคิวไม่เยอะ
(รพ.นี้เราไปบ่อย เพราะเคยเป็นโรคกระเพาะ จึงรู้ช่วงเวลาไหนคนเยอะ คนน้อย)
นั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้คิวตรวจ เราเห็นหน้าหมอแว๊บๆ จากการเดินผ่านหน้าห้อง เราแอบดีใจ คิดว่าเจอหมอที่เคยรักษาโรคกระเพาะ
**ซึ่งหมอคนที่ว่านี้เขาดูประวัติเรา แล้วเชิงบ่น ว่าทำไมเรากินยารักษาโรคกระเพาะเยอะจัง แล้วจะส่งเราไปฉีดสี และวิเคราะห์สาเหตุของโรคที่มาจากความเครียด และนัดให้เราพบกับหมอจิตเวช
เข้าเรื่องต่อ.. พอเราเข้าห้องไป ด้วยใจพองโต เต็มไปด้วยความหวัง
หมอ : เป็นอะไรมา
เรา : ตอนนี้ตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนน่ะค่ะ (บอกอาการไป.. และบอกเพิ่มว่า) ซึ่งเดิม อาการไอ มันเป็นมานานแล้ว นานมาก แต่ไม่ได้เป็นมาก
จะเป็นแค่เวลากลางคืนที่มีอากาศเย็นๆ แล้วแก้ไขโดยใช้คามิโลซาน
(สเปรย์พ่น มันช่วยทำให้ชุ่มคอ ลดการระคายคอ และทำให้เราหลับไปในคืนๆ หนึ่ง)
หมอ : (พูดสวนขึ้นมาทันที) คามิโลซานไม่ได้ช่วยอะไร, แล้วทำไมเพิ่งมาหาหมอตอนเน้!!!! ถ้าเป็นมะเร็งไม่ดีตายห่า ตาย%$#@^
(จำไม่ได้ว่าพูดว่าตายอะไร) ไปแล้วหรอ??? เป็นมา 3 ปี ถ้าเป็นมะเร็งก็ตายไปแล้วล่ะ (เราไม่ได้บอกว่าเป็นมา 3 ปี) แค่เกิน 6 เดือนก็ตายไปแล้วล่ะ
แต่นี่เป็นมานานขนาดนี้แล้วไม่เป็นไรก็ไม่ใช่มะเร็งแล้วล่ะ!!!!! มาหาหมอตอนนี้ก็ทำไรไม่ด้ายยยย #เสียงสูง
(อึ้งงงงงงง...!!! ค่ะ แต่ก็ยังหน้านิ่ง ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ ตอบกลับไปเหมือนไม่มีไร)
เรา : ก็คือตั้งครรภ์น่ะค่ะ ไม่อยากซื้อยาทางเอง ก็เลยมาหาหมอ
หมอ : หมอก็ไม่กล้าสั่งยาให้เหมือนกัน "ถ้าเกิดลูกตายห่าาาาา" ขึ้นมาจะทำยังไง??? (ทำหน้าตกใจ ที่หลุดปากคำว่า "ลูกตายห่า")
(นั่งมองหน้า ตาแข็งใส่ เราร้อนขึ้นมาทันที เหงื่อออกหน้าผากชุ่มไปหมด เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินจากปาก คนที่ขึ้นชื่อว่า "หมอ" ก็ยังไม่แสดงอาการอะไร แล้วถามเรื่องอื่นต่อ)
เรา : แล้ว.. บางทีมีตุ่มคันที่ผิวหนังค่ะ ใช้ยาทาได้ไหม?? (คือกำลังจะบอกชื่อยา แต่นางก็พูดสวนตัดบทเรา)
หมอ : ทาด้ายยยย ฿*#$%+& มันไม่มีใครเอาคนท้อง 2 สัปดาห์ มาทดลองทายาแบบนี้ แล้วดูว่าลูกจะพิการไหม หรอกนะ!! แบบนี้มันผิดจริยธรรม เลยไม่รู้หรอกว่าทาแล้วเด็กจะเป็นยังไง จะพิการมั้ยยยย ๕฿ู&%$#+*&#@ ส่วนยาอ่ะ จะสั่งยาแก้แพ้ให้ตัวเดียวนะ/ตัวเดียวละกัน
เรา : อ่อ.. ค่ะ ทานได้เนอะ (ทวนคำพูด ไม่ได้พูดกวนตีน)
หมอ : ยาเนี้ย!!! ทานกันมานานละ มีมา 20 ปี ได้ละ ยังไม่เห็นมีใครตายเลย กินได้ แต่.. อันที่จิง ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องกิน
เรายกมือไหว้ ให้รีบจบๆ จะได้ออกไปซะที แต่นางก็ร่ายต่ออีกยาวววว
เราออกจากห้องตรวจ ไม่รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองเวลานั้นคืออะไร โกรธ?? ไม่พอใจ?? เสียความรู้สึก?? หรืออะไร..
แต่เราอึ้ง.. อึ้งในคำพูดของหมอค่ะ เราไม่ใช่เพื่อนชนีของคุณ เรามาหาคุณด้วยความหวัง หวังจากคำว่า "คุณหมอ" ถ้ารู้หากคุณหมอไม่มีปัญญาวินิจฉัยโรค หรือสั่งยาได้ขนาดนี้ เราคงไม่เสียเวลานั่งรอรถเมล์นานๆ จะมา 1 คัน ไม่เสียเวลาเดินไกล จากป้ายไปห้องประกันสังคม
เรื่องยังไม่จบค่ะ ระหว่างนั่งรอยา เราส่งไลน์ไปบอกแฟนว่าหมอปากหมาๆ แบบนี้ อยากเตะปากหมอ!!! แฟนก็รีบโทรกลับ ว่าเกิดอะไรขึ้น
เรากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ เราเล่าไปด้วย นั่งร้องไห้ไปด้วย แฟนก็จะมาโวยหมอที่พูดจาแบบนี้ แต่!! เราไม่มีหลักฐานค่ะ
ไม่มีคลิปเสียงหรืออะไรทั้งนั้นมีแต่คำพูดที่มันก้องในหู
ในตอนรับยา เราเห็นป้าย "หญิงตั้งครรภ์ ให้แจ้งเภสัช" เราก็เลยแจ้งและถาม
เรา : ตอนนี้ตั้งครรภ์ค่ะ ทานได้ใช่ไหมคะ
เภสัช : ทานได้ค่ะ (นางทำหน้าเหลอหลา แล้วยิ้ม)
เรา : มียาแก้ไอที่คนท้องทานได้ไหมคะ พอดีตะกี้ถามคุณหมอ แต่คุณหมอไม่รู้น่ะค่ะ ว่ามียาแก้ไอตัวไหนที่ทานได้..
เภสัช : อ๋อค่ะ (ลนลานเล็กน้อย รีบยกหูโทรศัพท์) เดี๋ยวจะให้คุณหมอสั่งจ่ายยาให้นะคะ
เรา : อ่อ ไม่เป็นค่ะ ขอบคุณค่ะ
แล้วเซ็นต์ชื่อรับยาแก้แพ้ แล้วเดินออกจากตรงนั้น..
หมอคนนี้ เราไม่เคยเจอ คงเป็นหมอที่คงเพิ่งจบใหม่ ดูจากหน้า จากผิวแล้ว ไม่น่าจะเกิน 30 ปี ท่าทางตุ้งติ้ง พูดจาเหวี่ยงๆ จิกกัด จีบปากจีบคอ
สไตล์ตุ๊ดเกย์ คุณอายุเท่านี้ พูดจากเหวี่ยง จิกกัด คนไข้แล้วหรอ??? แล้วถ้าอายุงานนานกว่านี้จะเป็นยังไง??
เมื่อเทียบกับหมอสูติ ที่เราไปฝากครรภ์ เขาอยู่ รพ.รัฐฯ เป็นอาจารย์หมอ ที่มีอายุมากแล้ว ทำไมคุณภาพช่างต่างกับสิ้นเชิง???
ในเมื่อหมอบอกแบบนี้ ***แล้วชีวิตที่เหลือๆ จะสามารถฝากไว้ในมือ คนที่ขึ้นชื่อว่าหมอ ได้อีกหรอ?? บุคคลากร ใน รพ.นี้ มีคุณภาพแค่นี้เองหรอ???
มันเลวร้ายที่สุด เท่าที่เคยเจอมา
**หลายคนอาจจะมีคำถาม ว่าทำไมเราปล่อยให้ไอมานาน ไม่รักษา ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากรักษานะคะ แค่ความคิดเราคือ ไม่ได้เป็นอะไรมาก
ภาษาบ้านๆ คือไม่พอไปหาหมอ เราจะแสบคอระคายคอตอนโดนพัดลมเป่า แอร์เป่าหน้าหรือลงหัว และตอนหน้าหนาวเท่านั้น
เราเริ่มไอแบบนี้ตั้งแต่เรียน ปี 2-3 เป็นเยอะกว่าทุกวันนี้มาก
เราเคยไป รพ. เพื่อรักษาแต่มันไม่หาย (รพ.ไม่ได้บอกว่าเราเป็นภูมิแพ้) จนเราเจอคลีนิกเฉพาะทางหูตาคอจมูก เมื่อเกือบ 7-8 ปีก่อน
หมอบอกว่าแพ้อากาศ และให้ยามาทาน ยาแค่ไม่กี่เม็ด หมดไปเกือบพัน ยาตกเม็ดละเกือบร้อย ถ้าจำไม่ผิดหมอบอกว่ายานอก
ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น เมื่อเทียบกับรายได้ของเรา แล้วอาการไอก็ดีขึ้นจริงๆ พอครบกำหนดนัดอีกที เราเลยไม่ไป
หลังจากนั้นก็มีเปนไข้ เป็นหวัด ก็มีไอมีเสมหะ กินยาแก้ไอทั้งหลายแหล่ อาการไอ ก็หายไป แต่ไอแห้งๆ ก็กลับมาใหม่ เมื่อเจออากาศเย็น
มาตอนนี้ เราตั้งครรภ์ เวลาไอ หรือจาม มันจะเสียดมดลูก เราต้องหาจังหวะให้ดี เพื่อที่จะลดอาการเสียด คุณแม่หลายๆ คน คงเคยเป็น
เลยเป็นสาเหตุที่เราไปหาหมอ ให้หมอสั่งจ่ายยา แทนที่เราจะซื้อกินเองตามร้านขายยา ที่บางร้าน เอาใครก็ไม่รู้มาใส่เสื้อกราว แล้วขายยาให้
บางร้านเป็นเด็ก ม.ปลายนั่งเล่นเกมส์ เฝ้าร้านขายยา บางร้านเป็น ผู้หญิงสวยๆ อายุ 20 ต้นๆ หน้ากับป้ายเภสัชในร้าน ไม่ใช่คนเดียวกัน
หมอสูติเอง ก็ห้ามซื้อยาทานเอง ถ้าป่วย ให้ไปหาหมอเท่านั้น และนี่.. คือสิ่งที่เราเจอ