สวัสดีค่ะ ขออนุญาติตั้งกระทู้ครั้งแรกเพราะอยากแชร์เรื่องจริงที่เหมือนหลายคนจะเข้าใจเกือบถูกเกือบผิดเรื่องความหวังว่าจะได้เปลี่ยนสัญญชาติ หรือทำงานเมืองนอกนานๆเพื่อเงินเก็บ เรามาเรียนต่อแคนาดาตั้งแต่ปี 2013 ปัจจุบันทำงานประจำที่แคนาดา พอมีข้อมูลที่ถูกต้องเลยอยากแชร์ให้เพื่อนไทยทราบค่ะ กระทู้นี้ไม่มีจุดประสงค์อะไรทั้งนั้นนอกจากอยากให้เพื่อนไทยได้ความจริง ไม่เดาไปเดามาค่ะ จะพยายามอธิบายสั้นๆ และแปะลิงค์รายละเอียดเผื่อคนอยากรู้เพิ่มเติมให้นะคะ
* ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจาก CIC Canada วันที่ 22 มีนาคม 2017 อาจมีการเปลี่ยนแปลง อัพเดทได้ทีเว็บไซต์ www.cic.gc.ca ค่ะ
พูดตรงๆว่า ไปเรียนๆนี่แล้วขอทำเรื่องอยู่ยาวหลังเรียนจบ และ/หรือขอสัญชาตได้มั้ย ตอบว่า....
ทำได้จริง !
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อ่านก่อนนะคะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีจริงมีไม่จริง
ใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่มีเวลาอ่านกระทู้ ว่างๆไปอ่านได้โดยตรงจาก CIC ของ แคนาดาเรื่องกฎเกณฑ์ขอสัญชาติได้ที่
http://www.cic.gc.ca/english/citizenship/become.asp
อธิบายคร่าวๆ PR ย่อมาจาก Permanent Resident คือคนที่ไม่ใช่สัญชาตินั้นๆแต่อยู่ทำมาหากินในประเทศนั้นอย่างถูกกฎหมายถาวร (ในระยะหนึ่ง) สถานะ PR นั้นมีวันจางหาย หรือหมดอายุได้เช่นกัน ไม่ใช่ได้แล้วได้เลย
Citizen คือพลเมือง ถือสัญชาตินั้นๆ เป็นแล้วเป็นเลยได้ตลอด บางประเทศให้คุณเลือกจะเป็นสัญญาติอะไรก็เอาสักอย่าง บางประเทศให้คุณถือได้หลายสัญญาติตามใจศรัทธาและกฎหมายอำนวย
เข้าเรื่อง....
ด้วยความที่เราเรียน ปริญญาโท ที่แคนาดาและจบแล้วทำงานอยู่นี่มาสักระยะ จนมาช่วยพี่ๆเอเจ้นที่เราเคยมาด้วยตอนมาเรียนตอบคำถามที่น้องๆนักเรียนไทยสงสัย และสิ่งที่เราตกใจคือน้องๆและเพื่อนไทย เหมือนโดนบางสื่อครอบงำให้เชื่อว่า แคนาดามีโปรแกรมที่เรียน 2 ปี แล้วหลังจากนันยื่นขอเป็น PR ได้เลย และหลังจากเป็น PR สักพัก ขอสัญชาตเป็นแคนาเดียนได้เลย คำถามแนว"เรียนอะไรได้เป็น PR เร็วสุด "มาบ่อยมาก
ยิ่งเมื่อทุกคนได้ข่าวเรื่องปธน สุดหล่อ Justin Trudeau มีนโยบายเปิดให้คนอพยพมากขึ้น ก็ยิ่งเข้าใจกันไปว่า เราก็ไปเป็นแคนาเดียนได้ด้วยเลย
ถามว่าเราทำเอเจ้นเราอยากขายของมั้ย เราอยากขาย แต่จะมาให้เออออห่อหมกว่าถูกต้องมาเถอะเดี๋ยวไม่ต้องเป็นคนไทยละ มาเป็นแคนาเดียน นั่นผิดบาปมากละ ความจริงคือ สถาบันการศึกษาของแคนาดานั้นมีมากมาย นักเรียนที่จบจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน "บางสถาบัน" นั้นสามารถขอ Post grad work permit ซึ่งเป็นใบอนุญาตทำงานได้หลังเรียนจบ สูงสุด 3 ปี (ของเราเป็นแบบนี้ เราเลยทำงาน Full-time ต่อได้ยาวไป) ไม่ใช่ทุกคนจะได้ใบอนุญาต 3 ปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเรียนยาวเท่าไหร่ แล้วสถาบันพวกนี้ไม่ได้ราคาถูกเลยค่ะ บอกตรงๆ อย่าบอกว่าเอเจ้นซี่คิดค่าหัวแพง เราเคยเห็นตัวเลขแล้ว สถาบันต่างๆเหล่านี้ เขาอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเองอยู่แล้ว บางทีคลาสเต็มด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องมาจ่ายเงินมากมายเพื่อให้เด็กมาเรียนเพิ่ม
- เรียนน้อยกว่า 8 เดือน : ขอไม่ได้ เรียนจบอยู่เที่ยวต่อได้ ห้ามทำงาน
- 8 เดือนถึง 2 ปี : ขอใบอนุญาตทำงานได้เท่าระยะเวลาที่เราเรียน เช่น เรียน 1 ปีก็ทำงานได้หลังจากนั้น 1 ปี
-เรียนนานกว่า2 ปี : ขอใบได้สูงสุด3 ปี
ทั้งนั้นทั้งนั้น รัฐบาลเขาไม่ได้สัญยิงสัญญาอะไรว่าจะให้ เค้าเช็คเอกสารต่างๆประกอบด้วยค่ะ
http://www.cic.gc.ca/english/study/work-postgrad.asp
พอเราได้ใบทำงานมาแล้ว หลายคนก็เริ่มมีความเชื่อว่า ทำๆไป 1 ปีแล้วขอ PR ได้เลย คำตอบคือ....ทั้งจริงและไม่จริง
การยื่นขอ PR นั่นแบ่งเป็นหลายประเภท (ไม่นับการมีพรหมลิขิตเจอคู่ชีวิตแล้วแต่งงานอยู่กิน หรือประเภทนักลงทุนต่างๆที่นักเรียนและคนธรรมดาแบบเราไม่ค่อยจะเข้าข่ายนะคะ)
กรณีแรก เพื่อนไทยหลายคนเป็นหนึ่งในตองอู ฝีมือดีมาก จนนายจ้างที่นี่ต้องการ นายจ้างก็จะสปอร์นเซอร์ให้ อันนั้นเรียกว่า Provincial Nominee Program (PNP) ในกรณีนั้นทำได้จริง แต่นายจ้างมีภาระหนักในการแสดงเอกสารที่มาที่ไปของเรา และเหตุผลที่เพียงพอแสดงต่อรัฐว่าทำไมต้องมาจ้างเรา ทั้งๆที่มีคนในประเทศมากมายที่คุณสมบัตถึงและพร้อมจะทำงานในตำแหน่งนั้น เอกสารมากมาย และใช้เวลานานระดับหนึ่งถึงจะได้ เพื่อนไทยบางคนเข้าใจว่าเดี๋ยวไปหาร้านอาหารไทยทำงาน แล้วให้เค้าสปอร์นเซอร์ให้.... เช็คให้ละเอียดก่อนเด้อค่ะ CIC กำหนดคุณสมบัตของนายจ้างไว้สูงประมาณนึงเลย ไม่ใช่ทุกร้านจะสปอร์นเซอร์ได้
กรณีที่ 2 เป็นแบบนับคะแนน ใครคะแนนมาก มีโอกาสได้รับอนุญาตให้ยื่นมากกว่า และนี่คือแบบที่เอาประสบการณ์ทำงานไปยื่นขอหรือที่เรียกว่า Expres Entry งานที่ทำก็ไม่ใช่ "งานอะไรก็ได้" งานนั้นแบ่งเป็นเกรด ถ้างานเกรดที่ใครก็ทำได้เช่น ขายของในห้าง, แคชเชียร์ ต้องทำอย่างต่ำ 2 ปี ถ้างานระดับริหาร, งานใช้เทคนิคเฉพาะทาง ต้องทำอย่าน้อย 1 ปี แต่ถึงแม้ว่าคนไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลก การได้งานระดับ Management ในประเทศที่เราเพิ่งมาเรียน 2 ปี ไม่ได้ง่ายมากนะคะ (หลายคนก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าจะมองว่าเป็นไปไม่ได้) และพอยื่นแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้าจ้า เราคะแนนสูงแล้ว มีคนสูงกว่าเราได้นะจ้ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าชีวิตออกแบบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจบมาได้งานเลย แต่ละคนมีช่วงหางานเปลี่ยนงานสั้นยาวไม่เท่ากันนะคะ
กรณี 3 (ฮ่าๆ)พูดแล้วจะหาว่าตลก หลายคนทำจริงๆ คือใช้เวลาในช่วงที่ยังมีสิทธิอาศัยในประเทศ หาพาร์ทเนอร์ที่มีสัญชาติแคนาดา เพื่อใช้สิทธิขอ PR ในกรณีนี้ขอไม่คอมเมนต์นะคะ ประเด็นเซ็นซิทีฟ แต่พูดกันตรงๆ ด้วยความที่แคนาดาเป็นเมืองรวมฮิตคนอพยพ เขาเจอคนมากจากแทบทุกมุมโลก เขาทันคนและรู้ทันนะคะ
http://www.cic.gc.ca/EnGLIsh/immigrate/provincial/index.asp
http://www.cic.gc.ca/english/express-entry/
อะ ในกรณีที่เราเป็น Permanent Resident แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าตื่นมาวันถัดไป สมัครเป็นชาวแคนาเดียนเลย...ฮัลโหล ตื่น
อยากจะเป็นคนของเขา เรามีอะไรไปแลก หลักๆเราต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเขาบ้าง
สิ่งที่เขาเช็คนั้นก็มากมาย เช่น คุณสมบัตเรื่องอายุ พอได้ PR แล้วใช้ชีวิตทำมาหากินในแคนาดานานเท่าไหร่ (อย่างน้อยต้องอยู่ติดต่อกัน 4 ปี ใน 6 ปี จะมาได้ PR แล้วดีใจกลับไทย ไว้ค่อยกลับมาใหม่ตอนเกษียณไม่ได้ค่ะ) จ่ายแท็กถูกต้องไหม เคยแถถัดคดโกงไม่เสียภาษีหรือเปล่า ทักษะภาษา ความประพฤติ และแน่ละ จะเป็นพลเมืองแล้วต้องมีความรู้เรื่องการก่อร้างสร้างชาติ และความรู้เกี่ยวกับประเทศแคนาดา (ผ่านข้อสอบ)
ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีของผู้ที่จะใช้ทางลัด รัฐบาลประกาศตัวโตเลยว่า "You do not automatically become a citizen when you marry a Canadian."
http://www.cic.gc.ca/english/citizenship/become-eligibility.asp
ขอเล่าแค่นี้ผ่านๆเร็วๆ อยากรู้ละเอียดอ่านในCIC ในแนบไว้ เราขอเอาแบบให้พอมองภาพออกแล้วว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ภาพคนเข้าใจผิดมา อยากให้เข้าใจกันถูกๆค่ะ เรียนเมืองนอก เที่ยวเมืองนอกสนุกค่ะ ประสบการณ์เยอะ เปิดโลกกว้างมากจริงๆ สนุกแบบโคตรสนุกจนไม่อยากกลับบ้านเลย เราสนับสนุนให้คนมาเรียนแล้วอยู่ทำงานเอาประสบการณ์นะ แล้วถ้าชีวิตมันพาไปทางไหน หรือชอบทางไหนโดยบริสุทธิ์ใจแล้วทำตามความฝัน นี่โอเคเลย แต่การมาแบบตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนสัญชาติ เพราะไม่อยากอยู่ไทยแล้ว เพลียประเทศชาติ แถมจะมาใช้สวัสดิการของเขา จะมาอัพเกรดคุณภาพชีวิตโดยอยู่สวยๆหล่อๆในประเทศเขาตลอดกาล ถามว่าได้มั้ย ได้ แต่.....คุณเอาอะไรมาแลกกับเขา
หากเขียนอะไรไม่ถูกใจใคร พิมพ์ตกหล่นอะไรยังไง ขออภัยมากๆไว้ตรงนี้นะคะ ไม่ได้เจตนาค่ะ แค่อยากแชร์เรื่องจริงกัน เพราะเราก็คนนึงที่ตอนนั้นเงินน้อยนิด ยืมตังพ่อก็แล้ว เก็บตังทั้งหมดทั้งชีวิตมาเรียน เพราะเป็นความฝันอยากเรียนมาแต่เด็ก เข้าใจความรู้สึกของคนอยากมาเรียนเมืองนอกว่าอยากได้อะไรคุ้มๆ แต่อยากให้ตั้งอยู่บนความจริงค่ะ
กระจ่างซักที ความจริงเรื่องการไปเรียนแคนาดา2 ปี แล้วมีสิทธิ์ได้เป็น PR หรือ ขอสัญชาติ!
* ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจาก CIC Canada วันที่ 22 มีนาคม 2017 อาจมีการเปลี่ยนแปลง อัพเดทได้ทีเว็บไซต์ www.cic.gc.ca ค่ะ
พูดตรงๆว่า ไปเรียนๆนี่แล้วขอทำเรื่องอยู่ยาวหลังเรียนจบ และ/หรือขอสัญชาตได้มั้ย ตอบว่า....
ทำได้จริง !
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อ่านก่อนนะคะทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป มีจริงมีไม่จริง
ใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือไม่มีเวลาอ่านกระทู้ ว่างๆไปอ่านได้โดยตรงจาก CIC ของ แคนาดาเรื่องกฎเกณฑ์ขอสัญชาติได้ที่ http://www.cic.gc.ca/english/citizenship/become.asp
อธิบายคร่าวๆ PR ย่อมาจาก Permanent Resident คือคนที่ไม่ใช่สัญชาตินั้นๆแต่อยู่ทำมาหากินในประเทศนั้นอย่างถูกกฎหมายถาวร (ในระยะหนึ่ง) สถานะ PR นั้นมีวันจางหาย หรือหมดอายุได้เช่นกัน ไม่ใช่ได้แล้วได้เลย
Citizen คือพลเมือง ถือสัญชาตินั้นๆ เป็นแล้วเป็นเลยได้ตลอด บางประเทศให้คุณเลือกจะเป็นสัญญาติอะไรก็เอาสักอย่าง บางประเทศให้คุณถือได้หลายสัญญาติตามใจศรัทธาและกฎหมายอำนวย
เข้าเรื่อง....
ด้วยความที่เราเรียน ปริญญาโท ที่แคนาดาและจบแล้วทำงานอยู่นี่มาสักระยะ จนมาช่วยพี่ๆเอเจ้นที่เราเคยมาด้วยตอนมาเรียนตอบคำถามที่น้องๆนักเรียนไทยสงสัย และสิ่งที่เราตกใจคือน้องๆและเพื่อนไทย เหมือนโดนบางสื่อครอบงำให้เชื่อว่า แคนาดามีโปรแกรมที่เรียน 2 ปี แล้วหลังจากนันยื่นขอเป็น PR ได้เลย และหลังจากเป็น PR สักพัก ขอสัญชาตเป็นแคนาเดียนได้เลย คำถามแนว"เรียนอะไรได้เป็น PR เร็วสุด "มาบ่อยมาก
ยิ่งเมื่อทุกคนได้ข่าวเรื่องปธน สุดหล่อ Justin Trudeau มีนโยบายเปิดให้คนอพยพมากขึ้น ก็ยิ่งเข้าใจกันไปว่า เราก็ไปเป็นแคนาเดียนได้ด้วยเลย
ถามว่าเราทำเอเจ้นเราอยากขายของมั้ย เราอยากขาย แต่จะมาให้เออออห่อหมกว่าถูกต้องมาเถอะเดี๋ยวไม่ต้องเป็นคนไทยละ มาเป็นแคนาเดียน นั่นผิดบาปมากละ ความจริงคือ สถาบันการศึกษาของแคนาดานั้นมีมากมาย นักเรียนที่จบจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน "บางสถาบัน" นั้นสามารถขอ Post grad work permit ซึ่งเป็นใบอนุญาตทำงานได้หลังเรียนจบ สูงสุด 3 ปี (ของเราเป็นแบบนี้ เราเลยทำงาน Full-time ต่อได้ยาวไป) ไม่ใช่ทุกคนจะได้ใบอนุญาต 3 ปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเรียนยาวเท่าไหร่ แล้วสถาบันพวกนี้ไม่ได้ราคาถูกเลยค่ะ บอกตรงๆ อย่าบอกว่าเอเจ้นซี่คิดค่าหัวแพง เราเคยเห็นตัวเลขแล้ว สถาบันต่างๆเหล่านี้ เขาอยู่ได้ด้วยตัวของเขาเองอยู่แล้ว บางทีคลาสเต็มด้วยซ้ำ เขาไม่จำเป็นต้องมาจ่ายเงินมากมายเพื่อให้เด็กมาเรียนเพิ่ม
- เรียนน้อยกว่า 8 เดือน : ขอไม่ได้ เรียนจบอยู่เที่ยวต่อได้ ห้ามทำงาน
- 8 เดือนถึง 2 ปี : ขอใบอนุญาตทำงานได้เท่าระยะเวลาที่เราเรียน เช่น เรียน 1 ปีก็ทำงานได้หลังจากนั้น 1 ปี
-เรียนนานกว่า2 ปี : ขอใบได้สูงสุด3 ปี
ทั้งนั้นทั้งนั้น รัฐบาลเขาไม่ได้สัญยิงสัญญาอะไรว่าจะให้ เค้าเช็คเอกสารต่างๆประกอบด้วยค่ะ
http://www.cic.gc.ca/english/study/work-postgrad.asp
พอเราได้ใบทำงานมาแล้ว หลายคนก็เริ่มมีความเชื่อว่า ทำๆไป 1 ปีแล้วขอ PR ได้เลย คำตอบคือ....ทั้งจริงและไม่จริง
การยื่นขอ PR นั่นแบ่งเป็นหลายประเภท (ไม่นับการมีพรหมลิขิตเจอคู่ชีวิตแล้วแต่งงานอยู่กิน หรือประเภทนักลงทุนต่างๆที่นักเรียนและคนธรรมดาแบบเราไม่ค่อยจะเข้าข่ายนะคะ)
กรณีแรก เพื่อนไทยหลายคนเป็นหนึ่งในตองอู ฝีมือดีมาก จนนายจ้างที่นี่ต้องการ นายจ้างก็จะสปอร์นเซอร์ให้ อันนั้นเรียกว่า Provincial Nominee Program (PNP) ในกรณีนั้นทำได้จริง แต่นายจ้างมีภาระหนักในการแสดงเอกสารที่มาที่ไปของเรา และเหตุผลที่เพียงพอแสดงต่อรัฐว่าทำไมต้องมาจ้างเรา ทั้งๆที่มีคนในประเทศมากมายที่คุณสมบัตถึงและพร้อมจะทำงานในตำแหน่งนั้น เอกสารมากมาย และใช้เวลานานระดับหนึ่งถึงจะได้ เพื่อนไทยบางคนเข้าใจว่าเดี๋ยวไปหาร้านอาหารไทยทำงาน แล้วให้เค้าสปอร์นเซอร์ให้.... เช็คให้ละเอียดก่อนเด้อค่ะ CIC กำหนดคุณสมบัตของนายจ้างไว้สูงประมาณนึงเลย ไม่ใช่ทุกร้านจะสปอร์นเซอร์ได้
กรณีที่ 2 เป็นแบบนับคะแนน ใครคะแนนมาก มีโอกาสได้รับอนุญาตให้ยื่นมากกว่า และนี่คือแบบที่เอาประสบการณ์ทำงานไปยื่นขอหรือที่เรียกว่า Expres Entry งานที่ทำก็ไม่ใช่ "งานอะไรก็ได้" งานนั้นแบ่งเป็นเกรด ถ้างานเกรดที่ใครก็ทำได้เช่น ขายของในห้าง, แคชเชียร์ ต้องทำอย่างต่ำ 2 ปี ถ้างานระดับริหาร, งานใช้เทคนิคเฉพาะทาง ต้องทำอย่าน้อย 1 ปี แต่ถึงแม้ว่าคนไทยจะไม่แพ้ชาติใดในโลก การได้งานระดับ Management ในประเทศที่เราเพิ่งมาเรียน 2 ปี ไม่ได้ง่ายมากนะคะ (หลายคนก็ทำได้ ไม่ใช่ว่าจะมองว่าเป็นไปไม่ได้) และพอยื่นแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้าจ้า เราคะแนนสูงแล้ว มีคนสูงกว่าเราได้นะจ้ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าชีวิตออกแบบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจบมาได้งานเลย แต่ละคนมีช่วงหางานเปลี่ยนงานสั้นยาวไม่เท่ากันนะคะ
กรณี 3 (ฮ่าๆ)พูดแล้วจะหาว่าตลก หลายคนทำจริงๆ คือใช้เวลาในช่วงที่ยังมีสิทธิอาศัยในประเทศ หาพาร์ทเนอร์ที่มีสัญชาติแคนาดา เพื่อใช้สิทธิขอ PR ในกรณีนี้ขอไม่คอมเมนต์นะคะ ประเด็นเซ็นซิทีฟ แต่พูดกันตรงๆ ด้วยความที่แคนาดาเป็นเมืองรวมฮิตคนอพยพ เขาเจอคนมากจากแทบทุกมุมโลก เขาทันคนและรู้ทันนะคะ
http://www.cic.gc.ca/EnGLIsh/immigrate/provincial/index.asp
http://www.cic.gc.ca/english/express-entry/
อะ ในกรณีที่เราเป็น Permanent Resident แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าตื่นมาวันถัดไป สมัครเป็นชาวแคนาเดียนเลย...ฮัลโหล ตื่น
อยากจะเป็นคนของเขา เรามีอะไรไปแลก หลักๆเราต้องเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศเขาบ้าง
สิ่งที่เขาเช็คนั้นก็มากมาย เช่น คุณสมบัตเรื่องอายุ พอได้ PR แล้วใช้ชีวิตทำมาหากินในแคนาดานานเท่าไหร่ (อย่างน้อยต้องอยู่ติดต่อกัน 4 ปี ใน 6 ปี จะมาได้ PR แล้วดีใจกลับไทย ไว้ค่อยกลับมาใหม่ตอนเกษียณไม่ได้ค่ะ) จ่ายแท็กถูกต้องไหม เคยแถถัดคดโกงไม่เสียภาษีหรือเปล่า ทักษะภาษา ความประพฤติ และแน่ละ จะเป็นพลเมืองแล้วต้องมีความรู้เรื่องการก่อร้างสร้างชาติ และความรู้เกี่ยวกับประเทศแคนาดา (ผ่านข้อสอบ)
ทั้งนี้ทั้งนั้น กรณีของผู้ที่จะใช้ทางลัด รัฐบาลประกาศตัวโตเลยว่า "You do not automatically become a citizen when you marry a Canadian."
http://www.cic.gc.ca/english/citizenship/become-eligibility.asp
ขอเล่าแค่นี้ผ่านๆเร็วๆ อยากรู้ละเอียดอ่านในCIC ในแนบไว้ เราขอเอาแบบให้พอมองภาพออกแล้วว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ภาพคนเข้าใจผิดมา อยากให้เข้าใจกันถูกๆค่ะ เรียนเมืองนอก เที่ยวเมืองนอกสนุกค่ะ ประสบการณ์เยอะ เปิดโลกกว้างมากจริงๆ สนุกแบบโคตรสนุกจนไม่อยากกลับบ้านเลย เราสนับสนุนให้คนมาเรียนแล้วอยู่ทำงานเอาประสบการณ์นะ แล้วถ้าชีวิตมันพาไปทางไหน หรือชอบทางไหนโดยบริสุทธิ์ใจแล้วทำตามความฝัน นี่โอเคเลย แต่การมาแบบตั้งเป้าว่าจะเปลี่ยนสัญชาติ เพราะไม่อยากอยู่ไทยแล้ว เพลียประเทศชาติ แถมจะมาใช้สวัสดิการของเขา จะมาอัพเกรดคุณภาพชีวิตโดยอยู่สวยๆหล่อๆในประเทศเขาตลอดกาล ถามว่าได้มั้ย ได้ แต่.....คุณเอาอะไรมาแลกกับเขา
หากเขียนอะไรไม่ถูกใจใคร พิมพ์ตกหล่นอะไรยังไง ขออภัยมากๆไว้ตรงนี้นะคะ ไม่ได้เจตนาค่ะ แค่อยากแชร์เรื่องจริงกัน เพราะเราก็คนนึงที่ตอนนั้นเงินน้อยนิด ยืมตังพ่อก็แล้ว เก็บตังทั้งหมดทั้งชีวิตมาเรียน เพราะเป็นความฝันอยากเรียนมาแต่เด็ก เข้าใจความรู้สึกของคนอยากมาเรียนเมืองนอกว่าอยากได้อะไรคุ้มๆ แต่อยากให้ตั้งอยู่บนความจริงค่ะ