ขอไม่ระบุชื่อนะคะ
เริ่มจาก 2 ปีก่อน เราและแฟนเริ่มที่จะคิดทำธุรกิจส่วนตัวกัน ซึ่งเราเป็นราชการ ส่วนแฟนทำงานโรงแรม ซึ่งหลังแฟนที่คุกเข่าขอเราแต่งงาน เค้าก็มีความคิดที่จะลาออกเพื่อมาทำธุจกิจส่วนตัว เราได้พาเค้าไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้แถวบ้านเรา ซึ่งตอนนั้นมีแค่ 4-5 สาขา และเค้าก็ชอบสไตล์การแต่งร้าน รวมถึง รสชาดของอาหารก็ถูกปาก คนเต็มร้านทุกวันเลย เรากับแฟนเลยสนใจ เราจึงได้โทรไปสอบถามกับเจ้าของโดยตรง (ขอสมมติว่าร้านกนะคะ) ได้ความว่า ค่าเฟรนไชน์ 3 แสนบาท ได้แต่สูตรโดยที่จะส่งใครไปเรียนสูตรก็ได้เวลาเท่าไหร่ก็ได้ และมีสิทธิ์ในชื่อ ก ได้แค่นี้จริงๆ ตอนนั้นเราได้ไปดูอีกสาขานึงที่มีอยู่ ซึ่งคนก็เยอะมากเหมือนกัน ทำให้เราและแฟนเริ่มวาดฝันที่จะช่วยกันทำธุรกิจขายอาหารเพื่อสร้างอนาคตกัน เราเริ่มต้นค้นหา คำว่าแฟรนไชส์ "Franchise" แปลว่า สิทธิพิเศษที่บริษัทแม่มอบให้กับ ผู้ที่เข้าร่วมกิจการโดย สิทธิพิเศษนี้จะครอบคลุมระบบเกือบทั้งหมดเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจการนั้น สามารถทำธุรกิจได้แม้ จะไม่มีประสบการณ์มาเลย (อ้างอิง
http://www.novabizz.com/Business/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B9%8C.htm)
เราตกลงกับแฟนว่าจะเอาเงินเก็บของเราและเค้ามาลงทุนร่วมกัน (เราได้ทำการจดทะเบียนสมรสกับแฟนแต่ไม่มีงานฉลองใดๆเพราะเอาเงินมาลงทุนหมดเลย) แฟนลาออกจากงานประจำออกมาซื้อบ้านอยู่กับเรา(เราอยู่ตจว)
ขั้นตอนของการทำธุรกิจนี้ ก็เริ่มจาก
1. “หาทำเลที่ตั้ง" เราก็เลือกที่ดินเปล่า ใน อ.เมือง มีที่จอดรถสะดวกสบาย
2. "เริ่มตกลงทำสัญญาเป็นเฟรนไชน์” กับ ก โดยคุณ ก ก็มาหาเราถึงที่ มีการทำสัญญา จ่ายเช็ค และให้เราเขียนเลยว่า ในอ.เมืองของ จังหวัดนี้ จะไม่มีร้าน ก มาเปิดอีก
3. “เริ่มก่อสร้าง" เราลงทุน ค่าก่อสร้าง ค่าอุปกรณ์ ค่าเครื่องครัว นู่นนี่นั่น ไป ประมาณ 1.2 ล้านบาทค่ะ ร้านเรามีประมาณ 25 โต๊ะ รับลูกค้าได้เกือบๆ 100 คน
4. “เรียนสูตร” ในระหว่างก่อสร้าง แม่เรา เรา และแฟน รวมทั้งมีคนครัว 1 คนซึ่งเราคิดว่าจะให้เป็นแม่ครัวใหญ่ ไปเรียนสูตรกัน โดยที่เรา แม่เราและแฟน ก็ไปๆกลับๆ แต่เราให้คนครัวเราพักอยู่กับคนงานของร้าน ก สาขาใหญ่เกือบๆ 1 เดือน โดยที่พวกเราทั้งหมดไม่ได้เรียนโดยตรงกับคุณ ก แต่เรียนกับคนงานชาวเวียดนามที่เป็นพ่อครัวใหญ่ของเค้า ซึ่งบางทีเราถามจุกจิก เพราะเราอยากรู้ทุกอย่าง แต่เค้าก็จะแบบเหมือนรำคาญไม่ค่อยอยากตอบ บางทีก็บ่นอะไรไม่รู้เป็นภาษาอื่น ที่เราฟังไม่รู้เรื่อง
5. “วันเปิดร้าน” คุณ ก กับพรรคพวกมาช่วยร้านเราวันแรก 1 วัน และได้เอ่ยคำว่า "เราเป็นพี่น้องกันแล้ว เราจะไม่ทิ้งกันนะ”
ตอนที่เราสร้างเสร็จ เราเป็นสาขาเกือบ30 แล้ว และเราก็เริ่มเปิดร้านมาเรื่อยๆ มีปัญหาอะไรเราก็แก้กันเอง โทรไปหาคุณ ก เค้าก็ไม่ค่อยให้คำแนะนำอะไรนอกจาก สู้ๆนะ เฟรนไชน์ทุกสาขามีการพูดคุยกันในกลุ่มเฟซบุคโดยมีผจก.คุณก เป็นคนคอยตอบคำถาม แต่คุณ ก ไม่เคยมาตอบเลย ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี ร้านก๋วยเตี๋ยวนี้มี สาขา เกือบ 70สาขา เพราะคุณ ก วาดฝันให้พวกเราว่า การันตีกำไรต้องมากกว่าห้าหมื่นบาทต่อเดือนแน่ๆ เค้าพูดถึงรายได้วันธรรมดาเท่านี้ๆ เสาร์อาทิตย์วันหยุดได้วันละเกือบแสน 7-8เดือนคืนทุนแน่นอน แต่เค้าไม่ค่อยพูดถึงรายจ่ายที่เยอะมากเช่นกัน ซึ่ง คนที่ไม่ได้ทำร้านอาหารอย่างเราและสาขาอื่นๆ ก็ไม่ได้คิดถึงจุดนี้มากเท่าไหร่ ก็จะคิดแค่ว่ามีค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่ ค่าภาษี
ช่วงแรกๆ (สามปีก่อน) ทุกสาขาที่เปิดขายดีมากๆ แต่สองปีให้หลัง ด้วยภาวะเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจที่ไม่โปรเฟสชั่นนัลของคุณ ก ทำให้หลายสาขาต้องประกาศเซ้งร้านหรือปิดตัวลง ตัวอย่างเช่น มีสองสาขาในกทม. ที่อยู่ห่างกันแค่ 2 กม. (ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าให้เปิดใกล้กันแบบนั้น รู้ว่ากทม.คนเยอะแต่มันสมควรจะให้แย่งลูกค้ากันเองหรอ)
ล่าสุด หลายๆสาขา มีการพูดคุยกันว่า คุณ ก ควรจะทำอะไรเพื่อการตลาดหรือให้ชื่อดังยิ่งขึ้น เพราะยังไงทุกสาขาก็ใช้ชื่อ ร้านก๋วยเตี๋ยว ก ยังไงคนในประเทศไทยที่ไม่รู้ก็ต้องคิดว่าเป็นเจ้าของเดียวกัน เรามีการเสนอให้คุณ ก ไปออกร้านรายการ ครัว... เพื่อโปรโมตแบรนด์ แต่ผจก.เค้าก็ตอบว่า คุณ ก บอกว่ามันมีค่าใช้จ่ายในการออกรายการ อยากให้เฟรนไชน์ทุกสาขาช่วยกันสาขาละ 2000บาท (โห คุณเอาไป 3แสน70สาขา เป็นเงิน20กว่าล้าน ยังมาเก็บเงินกับพวกเราอีก) แต่พวกเราก็ไม่ได้จ่ายอะไรเพราะคิดว่า คุณก ควรจะลงทุนเองยังไงผลประโยชน์ทั้งหมดคุณ ก ก็ต้องได้ ถ้าร้านชื่อดัง คุณ ก ก็ขายเฟรนไชน์ได้อีก สาขาต่างๆ เป็นแค่ผลพลอยได้จากประโยชน์ของการออกรายการแค่นั้น และล่าสุด ผจก. คุณ ก บอกว่า คุณ ก ยืนยันนโยบายว่า ต่างคนต่างบริหารเอง เค้าขายแค่ชื่อป้าย และสูตรเท่านั้น
อีกเคสนึง เรื่องของการปรุงอาหาร คือ การเรียนสูตรของแบรนด์นี้คือเรียนการปรุงอาหาร ปรุงก๋วยเตี๋ยวเลย เค้าไม่ได้มาสอนว่า ถั่วลิสงควรคั่วยังไง ปั่นหยาบปั่นละเอียดแบบไหนดีกว่า หมูควรเลือกยังไง พริกขี้หนูถ้าปั่นทิ้งไว้นานๆจะดำ ต้องควรแช่เย็นไว้ กล้วยที่ทำกล้วยเชื่อมต้องใส่น้ำมะนาวลงในน้ำเชื่อมเพื่อไม่ให้กล้วยดำ และอีกหลายๆอย่าง ซึ่งเราต้องมาเรียนรู้จากแม่เราเอง (โชคดีที่แม่ทำอาหารเป็น) มีหลายสาขาในกลุ่มแชทถามถึงปัญหานู่นนี่เข้ามา ซึ่งเราว่าเค้าควรจะบอกตั้งแต่ตอนเรียนสูตรแล้วหรือเปล่าในเรื่องแบบนี้ กรณีของเราก็เสียวัตถุดิบไปเยอะกว่าจะหาจุดสมดุลได้
อีกกรณีนึง หลายๆสาขาที่กล่าวมาเริ่มประกาศเซ้งร้าน เราก็เป็นอีกสาขานึงที่เริ่มๆจะไม่ไหวเ เลยโทรไปหาคุณ ก เพื่อฝากประกาศเซ้งร้าน ซึ่งเค้าไม่มีการถามซักคำว่า เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรรึป่าว ได้แต่ตอบว่า ครับ เด๋วจัดการให้ ซึ่งปัจจุบัน เราก็ไม่ได้เซ้งนะ ก็กัดฟันสู้ต่อไป ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง ประคองตัวเองให้อยู่ให้ได้ (เราได้ถามในหลายๆสาขาที่ลงเซ้งร้าน ได้คำตอบว่า ไม่มีการถามถึงปัญหาในการเซ็งร้านใดๆเลยเหมือนกัน)
สมาชิกสาขาหนึ่งของคุณ ก ได้เสนอให้คุณ ก จัดมิตติ้งปีละครั้ง เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนกันกับทุกสาขาที่ซื้อเฟรนไชน์ไป ทางผจก.บอกว่า คุณ ก ก็บอกว่าเป็นไอเดียที่ดี แต่ก็เงียบไปจนผ่านมา 1 ปีแล้วหลังจากพี่คนนั้นเสนอไป
ปัจจุบัน ผจก.คุณ ก และสมาชิกที่คาดว่าเซ้งร้านไปแล้ว ได้ออกจากกลุ่มในเฟสบุคแล้ว ปล่อยให้เราสมาชิกดูแลและพูดคุยกันเอง
การเป็นลูกแฟรนไชน์แบรนด์นี้ คุณจะได้อะไรบ้าง???
1. คุณจะได้ครูชาวเวียดนามที่เป็นคนครัวในการสอนสูตรคุณ โดยที่ไม่ได้รับการสอนจากคุณ ก ซึ่งเป็นต้นตำรับสูตรก๋วยเตี๋ยวโดยตรง ซึ่งบางครั้งคุณ ก เองยังไม่รู้เลยว่าครัวเวียดนามนั้นใส่อะไรแปลกปลอมไปจากสูตรต้นตำรับเค้าบ้าง เพราะเค้าก็ไม่ค่อยมาดูแลเหมือนกัน
2. คุณจะมี พี่ เพื่มอีก 1 คน พี่ต่างพ่อแม่ที่เค้าจะไม่มาสนใจอะไรคุณหลังเค้ารับเงินสามแสนแล้ว
3. คุณจะต้องเรียนรู้การทำธุรกิจด้วยตัวเอง แต่บางกรณี เช่น เราอยากไปออกรายการเคเบิลท้องถิ่นหรืออะไรแบบนี้บ้าง แต่เราก็เป็นแค่ร้านลูกข่ายไง บางทีเค้าถามใครเป็นคุณ ก มันจะไปสู้ ตัวแม่เค้าไปออกรายการเองดีกว่ามั้ย
4. ถ้าคุณเจ๊ง คุณก็ต้องทำใจยอมรับ เค้าจะไม่แก้ไขปัญหาอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดวงคุณไม่ดีเองค่ะ
5. คุณจะไม่ได้รับการตลาดใดๆจากตัวคุณ ก แน่นอน
เราไม่ได้จะดิสเครดิตใดๆ เพียงแต่เราอยากให้ทุกคนที่กำลังคิดจะซื้อแบรนด์นี้ คิดเยอะๆหน่อย มันไม่ได้สวยงามแบบที่ฝันไว้ สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จะทำอะไรควรใช้สติและปัญญาให้มากๆ มองถึง SWOT analysis ซึ่งเราก็ไม่เคยทำธุรกิจแบบนี้ เราก็ไม่มีความรู้ ที่เราตัดสินใจซื้อเพราะคิดว่า เค้ามีหลายสาขาแสดงว่าเค้าต้องบริหารเป็น เค้าต้องดูแลเรา
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณทำแล้วขายดิบขายดี คืนทุนได้เร็ว เราดีใจและยินดีด้วยมากๆ แต่ ถ้าคุณทำแล้วเจ๊งก็เท่ากับว่า คุณเสียรู้คนเห็นแก่ตัวไปก็แล้วกัน....
เตือนภัย คนที่คิดจะซื้อเฟรนไชน์ร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง ที่มีมากกว่า 50 สาขาในประเทศไทย ระวังจะโดนลอยแพ
เริ่มจาก 2 ปีก่อน เราและแฟนเริ่มที่จะคิดทำธุรกิจส่วนตัวกัน ซึ่งเราเป็นราชการ ส่วนแฟนทำงานโรงแรม ซึ่งหลังแฟนที่คุกเข่าขอเราแต่งงาน เค้าก็มีความคิดที่จะลาออกเพื่อมาทำธุจกิจส่วนตัว เราได้พาเค้าไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้แถวบ้านเรา ซึ่งตอนนั้นมีแค่ 4-5 สาขา และเค้าก็ชอบสไตล์การแต่งร้าน รวมถึง รสชาดของอาหารก็ถูกปาก คนเต็มร้านทุกวันเลย เรากับแฟนเลยสนใจ เราจึงได้โทรไปสอบถามกับเจ้าของโดยตรง (ขอสมมติว่าร้านกนะคะ) ได้ความว่า ค่าเฟรนไชน์ 3 แสนบาท ได้แต่สูตรโดยที่จะส่งใครไปเรียนสูตรก็ได้เวลาเท่าไหร่ก็ได้ และมีสิทธิ์ในชื่อ ก ได้แค่นี้จริงๆ ตอนนั้นเราได้ไปดูอีกสาขานึงที่มีอยู่ ซึ่งคนก็เยอะมากเหมือนกัน ทำให้เราและแฟนเริ่มวาดฝันที่จะช่วยกันทำธุรกิจขายอาหารเพื่อสร้างอนาคตกัน เราเริ่มต้นค้นหา คำว่าแฟรนไชส์ "Franchise" แปลว่า สิทธิพิเศษที่บริษัทแม่มอบให้กับ ผู้ที่เข้าร่วมกิจการโดย สิทธิพิเศษนี้จะครอบคลุมระบบเกือบทั้งหมดเพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจการนั้น สามารถทำธุรกิจได้แม้ จะไม่มีประสบการณ์มาเลย (อ้างอิง http://www.novabizz.com/Business/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B9%8C.htm)
เราตกลงกับแฟนว่าจะเอาเงินเก็บของเราและเค้ามาลงทุนร่วมกัน (เราได้ทำการจดทะเบียนสมรสกับแฟนแต่ไม่มีงานฉลองใดๆเพราะเอาเงินมาลงทุนหมดเลย) แฟนลาออกจากงานประจำออกมาซื้อบ้านอยู่กับเรา(เราอยู่ตจว)
ขั้นตอนของการทำธุรกิจนี้ ก็เริ่มจาก
1. “หาทำเลที่ตั้ง" เราก็เลือกที่ดินเปล่า ใน อ.เมือง มีที่จอดรถสะดวกสบาย
2. "เริ่มตกลงทำสัญญาเป็นเฟรนไชน์” กับ ก โดยคุณ ก ก็มาหาเราถึงที่ มีการทำสัญญา จ่ายเช็ค และให้เราเขียนเลยว่า ในอ.เมืองของ จังหวัดนี้ จะไม่มีร้าน ก มาเปิดอีก
3. “เริ่มก่อสร้าง" เราลงทุน ค่าก่อสร้าง ค่าอุปกรณ์ ค่าเครื่องครัว นู่นนี่นั่น ไป ประมาณ 1.2 ล้านบาทค่ะ ร้านเรามีประมาณ 25 โต๊ะ รับลูกค้าได้เกือบๆ 100 คน
4. “เรียนสูตร” ในระหว่างก่อสร้าง แม่เรา เรา และแฟน รวมทั้งมีคนครัว 1 คนซึ่งเราคิดว่าจะให้เป็นแม่ครัวใหญ่ ไปเรียนสูตรกัน โดยที่เรา แม่เราและแฟน ก็ไปๆกลับๆ แต่เราให้คนครัวเราพักอยู่กับคนงานของร้าน ก สาขาใหญ่เกือบๆ 1 เดือน โดยที่พวกเราทั้งหมดไม่ได้เรียนโดยตรงกับคุณ ก แต่เรียนกับคนงานชาวเวียดนามที่เป็นพ่อครัวใหญ่ของเค้า ซึ่งบางทีเราถามจุกจิก เพราะเราอยากรู้ทุกอย่าง แต่เค้าก็จะแบบเหมือนรำคาญไม่ค่อยอยากตอบ บางทีก็บ่นอะไรไม่รู้เป็นภาษาอื่น ที่เราฟังไม่รู้เรื่อง
5. “วันเปิดร้าน” คุณ ก กับพรรคพวกมาช่วยร้านเราวันแรก 1 วัน และได้เอ่ยคำว่า "เราเป็นพี่น้องกันแล้ว เราจะไม่ทิ้งกันนะ”
ตอนที่เราสร้างเสร็จ เราเป็นสาขาเกือบ30 แล้ว และเราก็เริ่มเปิดร้านมาเรื่อยๆ มีปัญหาอะไรเราก็แก้กันเอง โทรไปหาคุณ ก เค้าก็ไม่ค่อยให้คำแนะนำอะไรนอกจาก สู้ๆนะ เฟรนไชน์ทุกสาขามีการพูดคุยกันในกลุ่มเฟซบุคโดยมีผจก.คุณก เป็นคนคอยตอบคำถาม แต่คุณ ก ไม่เคยมาตอบเลย ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี ร้านก๋วยเตี๋ยวนี้มี สาขา เกือบ 70สาขา เพราะคุณ ก วาดฝันให้พวกเราว่า การันตีกำไรต้องมากกว่าห้าหมื่นบาทต่อเดือนแน่ๆ เค้าพูดถึงรายได้วันธรรมดาเท่านี้ๆ เสาร์อาทิตย์วันหยุดได้วันละเกือบแสน 7-8เดือนคืนทุนแน่นอน แต่เค้าไม่ค่อยพูดถึงรายจ่ายที่เยอะมากเช่นกัน ซึ่ง คนที่ไม่ได้ทำร้านอาหารอย่างเราและสาขาอื่นๆ ก็ไม่ได้คิดถึงจุดนี้มากเท่าไหร่ ก็จะคิดแค่ว่ามีค่าแรง ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าที่ ค่าภาษี
ช่วงแรกๆ (สามปีก่อน) ทุกสาขาที่เปิดขายดีมากๆ แต่สองปีให้หลัง ด้วยภาวะเศรษฐกิจ และการดำเนินธุรกิจที่ไม่โปรเฟสชั่นนัลของคุณ ก ทำให้หลายสาขาต้องประกาศเซ้งร้านหรือปิดตัวลง ตัวอย่างเช่น มีสองสาขาในกทม. ที่อยู่ห่างกันแค่ 2 กม. (ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าให้เปิดใกล้กันแบบนั้น รู้ว่ากทม.คนเยอะแต่มันสมควรจะให้แย่งลูกค้ากันเองหรอ)
ล่าสุด หลายๆสาขา มีการพูดคุยกันว่า คุณ ก ควรจะทำอะไรเพื่อการตลาดหรือให้ชื่อดังยิ่งขึ้น เพราะยังไงทุกสาขาก็ใช้ชื่อ ร้านก๋วยเตี๋ยว ก ยังไงคนในประเทศไทยที่ไม่รู้ก็ต้องคิดว่าเป็นเจ้าของเดียวกัน เรามีการเสนอให้คุณ ก ไปออกร้านรายการ ครัว... เพื่อโปรโมตแบรนด์ แต่ผจก.เค้าก็ตอบว่า คุณ ก บอกว่ามันมีค่าใช้จ่ายในการออกรายการ อยากให้เฟรนไชน์ทุกสาขาช่วยกันสาขาละ 2000บาท (โห คุณเอาไป 3แสน70สาขา เป็นเงิน20กว่าล้าน ยังมาเก็บเงินกับพวกเราอีก) แต่พวกเราก็ไม่ได้จ่ายอะไรเพราะคิดว่า คุณก ควรจะลงทุนเองยังไงผลประโยชน์ทั้งหมดคุณ ก ก็ต้องได้ ถ้าร้านชื่อดัง คุณ ก ก็ขายเฟรนไชน์ได้อีก สาขาต่างๆ เป็นแค่ผลพลอยได้จากประโยชน์ของการออกรายการแค่นั้น และล่าสุด ผจก. คุณ ก บอกว่า คุณ ก ยืนยันนโยบายว่า ต่างคนต่างบริหารเอง เค้าขายแค่ชื่อป้าย และสูตรเท่านั้น
อีกเคสนึง เรื่องของการปรุงอาหาร คือ การเรียนสูตรของแบรนด์นี้คือเรียนการปรุงอาหาร ปรุงก๋วยเตี๋ยวเลย เค้าไม่ได้มาสอนว่า ถั่วลิสงควรคั่วยังไง ปั่นหยาบปั่นละเอียดแบบไหนดีกว่า หมูควรเลือกยังไง พริกขี้หนูถ้าปั่นทิ้งไว้นานๆจะดำ ต้องควรแช่เย็นไว้ กล้วยที่ทำกล้วยเชื่อมต้องใส่น้ำมะนาวลงในน้ำเชื่อมเพื่อไม่ให้กล้วยดำ และอีกหลายๆอย่าง ซึ่งเราต้องมาเรียนรู้จากแม่เราเอง (โชคดีที่แม่ทำอาหารเป็น) มีหลายสาขาในกลุ่มแชทถามถึงปัญหานู่นนี่เข้ามา ซึ่งเราว่าเค้าควรจะบอกตั้งแต่ตอนเรียนสูตรแล้วหรือเปล่าในเรื่องแบบนี้ กรณีของเราก็เสียวัตถุดิบไปเยอะกว่าจะหาจุดสมดุลได้
อีกกรณีนึง หลายๆสาขาที่กล่าวมาเริ่มประกาศเซ้งร้าน เราก็เป็นอีกสาขานึงที่เริ่มๆจะไม่ไหวเ เลยโทรไปหาคุณ ก เพื่อฝากประกาศเซ้งร้าน ซึ่งเค้าไม่มีการถามซักคำว่า เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรรึป่าว ได้แต่ตอบว่า ครับ เด๋วจัดการให้ ซึ่งปัจจุบัน เราก็ไม่ได้เซ้งนะ ก็กัดฟันสู้ต่อไป ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปบ้าง ประคองตัวเองให้อยู่ให้ได้ (เราได้ถามในหลายๆสาขาที่ลงเซ้งร้าน ได้คำตอบว่า ไม่มีการถามถึงปัญหาในการเซ็งร้านใดๆเลยเหมือนกัน)
สมาชิกสาขาหนึ่งของคุณ ก ได้เสนอให้คุณ ก จัดมิตติ้งปีละครั้ง เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนกันกับทุกสาขาที่ซื้อเฟรนไชน์ไป ทางผจก.บอกว่า คุณ ก ก็บอกว่าเป็นไอเดียที่ดี แต่ก็เงียบไปจนผ่านมา 1 ปีแล้วหลังจากพี่คนนั้นเสนอไป
ปัจจุบัน ผจก.คุณ ก และสมาชิกที่คาดว่าเซ้งร้านไปแล้ว ได้ออกจากกลุ่มในเฟสบุคแล้ว ปล่อยให้เราสมาชิกดูแลและพูดคุยกันเอง
การเป็นลูกแฟรนไชน์แบรนด์นี้ คุณจะได้อะไรบ้าง???
1. คุณจะได้ครูชาวเวียดนามที่เป็นคนครัวในการสอนสูตรคุณ โดยที่ไม่ได้รับการสอนจากคุณ ก ซึ่งเป็นต้นตำรับสูตรก๋วยเตี๋ยวโดยตรง ซึ่งบางครั้งคุณ ก เองยังไม่รู้เลยว่าครัวเวียดนามนั้นใส่อะไรแปลกปลอมไปจากสูตรต้นตำรับเค้าบ้าง เพราะเค้าก็ไม่ค่อยมาดูแลเหมือนกัน
2. คุณจะมี พี่ เพื่มอีก 1 คน พี่ต่างพ่อแม่ที่เค้าจะไม่มาสนใจอะไรคุณหลังเค้ารับเงินสามแสนแล้ว
3. คุณจะต้องเรียนรู้การทำธุรกิจด้วยตัวเอง แต่บางกรณี เช่น เราอยากไปออกรายการเคเบิลท้องถิ่นหรืออะไรแบบนี้บ้าง แต่เราก็เป็นแค่ร้านลูกข่ายไง บางทีเค้าถามใครเป็นคุณ ก มันจะไปสู้ ตัวแม่เค้าไปออกรายการเองดีกว่ามั้ย
4. ถ้าคุณเจ๊ง คุณก็ต้องทำใจยอมรับ เค้าจะไม่แก้ไขปัญหาอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดวงคุณไม่ดีเองค่ะ
5. คุณจะไม่ได้รับการตลาดใดๆจากตัวคุณ ก แน่นอน
เราไม่ได้จะดิสเครดิตใดๆ เพียงแต่เราอยากให้ทุกคนที่กำลังคิดจะซื้อแบรนด์นี้ คิดเยอะๆหน่อย มันไม่ได้สวยงามแบบที่ฝันไว้ สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้จะทำอะไรควรใช้สติและปัญญาให้มากๆ มองถึง SWOT analysis ซึ่งเราก็ไม่เคยทำธุรกิจแบบนี้ เราก็ไม่มีความรู้ ที่เราตัดสินใจซื้อเพราะคิดว่า เค้ามีหลายสาขาแสดงว่าเค้าต้องบริหารเป็น เค้าต้องดูแลเรา
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณทำแล้วขายดิบขายดี คืนทุนได้เร็ว เราดีใจและยินดีด้วยมากๆ แต่ ถ้าคุณทำแล้วเจ๊งก็เท่ากับว่า คุณเสียรู้คนเห็นแก่ตัวไปก็แล้วกัน....