[CR] ประสบการณ์เคลียร์สินค้านำเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยตัวเอง

พอดีวันนี้ได้มีโอกาสได้ไปเคลียร์สินค้านำเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้ Shipping เลย (แต่มีขอคำปรึกษา Shipping ใกล้ๆ ตัวในขั้นตอนต่างๆ)

เนื่องจากการเคลียร์สินค้ามีหลายเงื่อนไข ซึ่งผมก็ทราบไม่หมด จึงขออธิบายของตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อใครกำลังหาข้อมูลจะได้อ่านแล้วพอจะรู้ว่าเหมือนกรณีของท่านหรือเปล่านะครับ

ก่อนเข้าเรื่องการเคลียร์สินค้าขอให้รายละเอียดการสั่งซื้อ, ขนส่ง และเหตุผลว่าทำไมผมจึงตัดสินใจดำเนินการเอง ดังนี้
1. ผมสั่งซื้อ USB Drive จากจีน (เสิ่นเจิ่น) และมีการนำเข้าโดยใช้ UPS
2. เนื่องจากมีมูลค่าการสั่งซื้อเกิน 40,000 บาท ทำให้สินค้าถูกส่งเข้าคลัง ทำให้ต้องเสียเวลาในการเคลียร์เพิ่มเติม 3 วัน แต่เนื่องจากเคยใช้เจ้าอื่นแล้วเกิดความผิดพลาดทำให้การเคลียร์ของใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็ยังเคลียร์ไม่ได้ จนผมต้องไปดำเนินการเอง (ตอนนั้นใช้ Shipping ที่สนามบินดำเนินการให้ เพราะ รีบมาก)
ข้อมูลเพิ่มเติม: ถ้าสินค้ามีมูลค่าต่ำกว่า 40,000 บาทบริษัทที่ทำการจัดส่งสามารถดำเนินการแทนได้เลย โดยใช้เวลาไม่ถึงวัน
3. อยากลองเคลียร์ด้วยตัวเองดูบ้าง เรียกว่าเอาเป็นประสบการณ์

จริงๆ ผมอยากเอาเอกสารให้ดู แต่เนื่องจากจะต้องเซนเซอร์ข้อมูลหลายๆ จุด กลัวว่าถ้าทำก่อน กลัวจะลืมข้อมูลไป จึงขออธิบายเป็นข้อความก่อนนะครับ ยังไงจะพยายามจะอธิบายให้มากที่สุด อาจจะมีปัญหาเรื่องการอธิบายเอกสารที่ผมไม่ได้กลับมาด้วย แต่ยังไงจะพยายามให้มากที่สุดนะครับ

เริ่มกันเลยนะครับ
1. เดินทางไปยังอาคารกรมศุลกากร (จำชื่อเต็มไม่ได้ ขออภัย) ผมตั้งต้นจากการเดินทางไปยังอาคารผู้โดยสาร แล้วถามเจ้าหน้าที่เอา โดยผมจะต้องตามป้ายทางออก และออกทางออกแรก แล้วเลี้ยวซ้าย 2 ครั้ง เพื่อเข้า Free Zone แนะนำให้หาที่จอดด้านหน้าอาคารกรมศุลกากรครับ
Layout ของอาคารมีดังนี้ อาคารกรมศุลกากร, อาคารโรงอาหาร, AO4, AO3, AO2, AO1
2. เอกสารแรกเลยที่จะต้องมี คือ AWB (Air Way Bill), DO และ Commercial Invoice ซึ่งจะต้องไปรับจากบริษัทขนส่ง กรณีผมคือ UPS ซึ่งจะอยู่ที่อาคาร AO2 ชั้น 1 มุมตึก แนะนำว่าไปถึงอาคารแล้วถามคนแถวนั้นอีกทีครับ ผมไปถึงเข้าลิฟท์เลย ปรากฏว่ามีให้กดแค่ชั้น 1 และ ชั้น 4 พอขึ้นชั้น 4 หาไม่เจอถามคนข้างบน ต้องกลับลงมาข้างล่างและเดินอ้อมอาคารเลยทีเดียว ค่าแลกเอกสารของ UPS อยู่ที่ 350 บาท (รวม VAT แล้ว)
ผมไปถึงประมาณ 12:10 ซึ่งจริงๆ เป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว แต่มีพนักงานอยู่ จึงดำเนินการหาเอกสารให้ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ ที่ช่วยดำเนินการให้ในช่วงพักเที่ยง
3. ทำการตรวจสอบสถานะ Paper Less ที่ชั้น 2 ของอาคารกรมศุลกากร (ไม่ใช่ชั้นลอย) ออกลิฟท์แล้วเดินไปทางหน้าอาคารแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปสุดเลี้ยวซ้าย จะเจอ counter แปะกระดาษเกี่ยวกับการทำ Paper Less อยู่
ผมไปถึงประมาณ 12:30 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เหลือในส่วนของการทำงานแค่ 2 คน (จากทั้งหมดน่าจะมีประมาณ 10 คน) ผมก็รอจน 13:13 เจ้าหน้าที่เริ่มทำงาน ก็ได้ยื่นเอกสารของบริษัท (ทะเบียนการค่า, หนังสือรับรอง, ภพ.20, บอจ.3 และสำเนาบัตรผู้มีอำนาจ) ให้ช่วยตรวจสอบสถานะ พบว่าหมดอายุไปแล้ว ก็ได้เอกสารมากรอก 1 แผ่น เสร็จแล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ แล้วเสร็จประมาณ 13:30 น. ก็จะได้กระดาษแผ่นเล็กๆ เพื่อยืนยันว่าดำเนินการแล้ว แต่ในการไปขั้นตอนต่อไป (ยิงใบขน) จะดำเนินการได้ต้องรอประมาณ 30 นาที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใส่ข้อมูลเข้าระบบก่อน
4. อย่างที่บอกขั้นต่อไปคือการยิงใบขน ผมเข้าใจว่าจริงๆ แล้ว คือ การเอาเอกสาร AWB, DO, Commercial Invoice (CI) และสำเนาบัตรผู้ที่จะเข้าไปรับของจากคลังไปทำการตรวจสอบกับระบบของกรมศุลกากร แล้วจะได้เลขใบขน เพื่อจัดทำใบขนต่อไป ในขั้นตอนนี้ให้ไปที่อาคารโรงอาหาร ชั้นลอย จะมีบริษัทรับทำมากมาย เดาจากสายตาเกือบ 10 เจ้า ก็เลือกได้ตามใจชอบ ใบขนมีความสำคัญมาก เพราะ
- ใช้ในการเสียภาษีนำเข้า (ถ้ามี), ภาษีมูลค่าเพิ่ม และอื่นๆ (ถ้ามี) ถ้าข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผิด อาจจะทำให้ใบเสร็จของกรมศุลผิดตาม นั้นหมายความว่าอาจจะใช้ claim ภาษี(ซื้อ)ไม่ได้เลยทีเดียว
- ถ้าข้อมูลมีความผิดพลาดอาจจะทำให้เคลียร์ของไม่ได้ แต่จะต้องมาทำใหม่ เสียค่าใช้จ่ายเหมือนทำใหม่ สิ่งที่จะต้องตรวจสอบให้ถูกต้อง คือ ชื่อและที่อยู่ของบริษัท, ยอดเงินค่าสินค้าและค่าขนส่ง ส่วนที่เหลือถ้าสงสัยอะไร ก็สอบถามดูครับ
ผมใช้บริการของ IT Link ค่าทำ 140 บาท (ไม่รวม VAT แต่ได้บิล VAT นะครับ) เสร็จแล้วจะได้ใบขน 2 ใบ ให้ทำการจัดเอกสารออกเป็น 2 ชุด เพื่อใช้ในการเคลียร์ของในคลัง (พอดีมี Shipping อยู่ใกล้ๆ ทางบริษัทช่วยขอให้เค้าช่วยจัดเอกสารให้) ถ้าผมจำไม่ผิดแยก ดังนี้
(1) ใบขน, AWB, CI
(2) ใบขน, AWB, CI, สำเนาบัตรประชาชนคนที่จะเข้าไปในคลัง
ขั้นตอนนี้ผมแจ้งทำก่อนครบ 30 นาทีตามที่ขั้นตอน Paper Less แจ้ง ถ้าจำไม่ผิดเสร็จประมาณเกือบบ่ายสาม ไม่แน่ใจว่าช้าเพราะเป็นปกติหรือเปล่า
5. ไปที่อาคารกรมศุลกากร ชั้น 2 ออกจากลิฟท์แล้วไปทางหน้าอาคารแล้วเลี้ยวขวา เดินเข้าไปหา counter ที่เขียนว่าเสียภาษีเงินสด (มี 2-3 เคาเตอร์) ยื่นเอกสาร (1) เพื่อทำการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (ไม่มีภาษีนำเข้า) + ค่าธรรมเนียม 200 บาท เจ้าหน้าที่เขียนในใบขนว่า "ป" หมายถึง เปิดดู คือให้เจ้าหน้าที่กรมศุลตรวจสอบของอีกครั้งหนึ่ง เสร็จประมาณเกินบ่ายสามครึ่งไปหน่อย
6. เดินทางไปคลังเก็บสินค้า ในขั้นตอนนี้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะสักนิด
- ทำบัตรเข้าคลัง โดยจะต้องไปที่ห้องที่อยู่ติดกับประตู 1 ที่มีใกล้กับอาคาร AO1 ใกล้กับประตูที่ขับรถเข้ามา ผมใช้รถ VIOS ทางกรมศุลไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ เค้าบอกว่าให้เข้าเฉพาะรถที่มาบรรทุกของเท่านั้น คือ ตั้งแต่กะบะขึ้นไปถึงรถพ่วงเลย ค่าทำบัตรคน 30 บาท
- เดินไปเข้าพื้นที่ คือ พอเอารถเข้าพื้นที่ไม่ได้ ก็เลยต้องเดินเข้า เจ้าหน้าที่ใช้คำว่าเข้าที่ประตูที่ 7 ซึ่งจะอยู่ด้านข้างอาคารกรมศุลกากร โดยตอนเข้าจะต้องยื่นบัตรคน พร้อมบัตรประชาชนเพื่อเข้าพื้นที่
- เมื่อเข้าไปแล้ว จะมีรถมินิบัสวิ่งวนในพื้นที่ให้ขึ้นฟรี ขั้นตอนนี้ผมมีพลาดไปหน่อย คือ พื้นที่มันกว้างใหญ่มาก ทางเจ้าหน้าที่ UPS แจ้งกับผมว่าให้ไปที่คลังการบินไทย เมื่อรถไปสุดทางแล้ว วนกลับให้ลงเลย แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ก็เลยคุยกับคนขับรถแทนว่าผมน่าจะไปลงที่ไหน ได้ความว่า ไปที่คลังการบินไทยพื้นที่ International แต่จริงๆ ผมต้องไปพื้นที่เร่งด่วน ก็เลยต้องเดินกลับเองก็ประมาณ 200 เมตรได้ ซึ่งคลังของการบินไทยจะมีการแบ่งชองย่อยๆ และมีเลขกำกับไว้ทุกช่อง ถ้าผมจำไม่ผิด ต้องเดินจากเลขที่ 12x ไปจนถึง 1 เลย
- ไปที่ช่อง 12 (ถ้าไม่ผิด แต่ประมาณนี้) เพื่อใช้บัตรประชาชนแลกเป็นบัตรสีเขียวเพื่อเข้าพื้นที่คลัง
- ไปที่ช่อง 1 เข้าพื้นที่คลัง
- ไปยื่นเอกสาร (2) ของข้อ 4 ไปยื่นห้องเล็กด้านหน้าคลัง เพื่อลงบันทึกในสมุดที่หน้าห้อง ในห้องนี้มีนักศึกษาฝึกงานจะจับเวลาของแต่ละคน ของผมก็มีคนหนึ่งเริ่มจับเวลา
- แล้วนำเอกสาร (2) ที่ห้องเล็กด้านใน(เลยห้องใหญ่เข้าไปอีก) ให้กับเจ้าหน้าที่วิชาการของการศุล ให้เราเขียนชื่อย่อของเราไว้ด้านบน เผื่อตอนหลังจะได้หาง่ายๆ เวลาเอกสารเยอะ
- ยื่นเอกสาร (1) ของข้อ 4 ที่ห้องใหญ่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ใบ DO Permit ขอกำหนดเป็น (อ1) + เอกสารให้นักวิชาการกรมศุลใช้ตรวจสอบและเซ็นชื่อ ขอกำหนดเป็น (อ2) และเอกสารสำหรับไปเสียค่าโกดัง (อ3) นะครับ ได้มาอย่างละ 2 แผ่น ก็ให้ก็นำใช้ลวดเย็บกระดาษ (แม็กอ่ะนะครับ) รวมเอกสารชุด (2) อย่างละ 1 แผ่นขอเรียกเป็น (2+) นะครับ ที่เหลือเก็บไว้ก่อน
- เดินไปที่ช่อง 50 แล้วขึ้นบันไดชั้น 2 เลี้ยวขวาเข้าห้องกระจก ยื่นเอกสาร (อ3) เพื่อทำการเสียค่าโกดัง หากคิดว่าจะมากกว่า 1,000 ให้นำเอกสารหัก ณ ​ที่จ่ายมาด้วยนะครับ ผมไม่ทราบก็เลยไม่ได้นำไป เลยหักไม่ได้ ของผมเสีย 1,070 บาท (รวม VAT) เสร็จแล้วกลับมาที่ช่อง 1 นำใบเสร็จค่าโกดังมายื่นที่ห้องใหญ่ เจ้าหน้าที่พิมพ์เอกสารเพื่อรับของจากคลัง (อ4) และทำการเย็บรวมกับ (2+) เป็น (2++)
- ให้เข้าไปที่ห้องเล็กด้านในเพื่อพบกับเจ้าหน้าที่วิชาการของกรมศุล และให้ดูว่าทำการเสียค่าโกดังเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลของเรากับระบบ และจะเซ็นชื่อบนเอกสารให้
- ให้นำเอกสาร (2++) ไปให้เจ้าหน้าที่คลัง เพื่อให้เจ้าหน้าที่คลังไปเอาของออกมาให้
- เมื่อได้ของมาแล้ว ให้นำเอกสาร (2++) ไปที่ห้องใหญ่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิมพ์ใบ Permit ใบนี้สำคัญมาก เพราะใช้ในการนำของออกจากพื้นที่ ถ้าไม่มี จะไม่สามารถนำของออกได้
- นำเอกสารทั้งหมดและของไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่กรมศุลก่อนออกจากช่อง 1 ซึ่งเรียกจุดนี้ว่า "Go Down" ในจุดนี้ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่สงสัย ก็ปั๊มตรายางและผ่านได้เลย แต่ถ้าสงสัย อาจจะให้ทำการเปิดดูของได้ โดยเจ้าหน้าที่จะเก็บเอกสาร (2++) ไป
ผมเสร็จขั้นตอนนี้ประมาณสี่โมงครึ่งกว่าๆ น้องฝึกงานจับเวลารวมได้ประมาณ 28 นาที น้องบอกว่าปกติจะประมาณ 45 นาที พี่เดินเร็วมาก ขอบอก
- เดินไปรอรถมินิบัสเพื่อให้ไปส่งด้านหน้าใกล้ๆ ทางเข้า แต่ผมไม่สามารถออกทางคนได้ เพราะ มีของออกมาด้วย และเพื่อป้องกันการขนของหนีภาษี จึงต้องเดินไปออกทางรถออก ซึ่งจะต้องถือของเดินไปอีกประมาณ 150 เมตร เมื่อถึงช่องก็ให้ยื่นเอกสาร Permit ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และเนื่องจากผมเดินออก ก็เลยมีเจ้าหน้าที่กรมศุลมาตรวจสอบเอกสารใบขนและอื่นๆ และตรวจสอบของที่นำออกอีกรอบ

จบทุกขั้นตอนแล้วครับ แต่เหนื่อยมากๆๆๆ ถ้าใครจะเคลียร์เอง แนะนำให้ใช้รถบรรทุกนะครับ ดีว่าของผมพอยกได้ (2 กล่องรวม 25 กิโล) ถ้ายกไม่ได้ และไม่มีรถมานี่คงต้องหาจ้างรถในนั้นละครับ

สำหรับค่าใช้จ่ายที่พอมาดูทีหลังเทียบกับข้อมูลที่ UPS ให้มา มีประหยัด และ มีเกิน ดังนี้
1. ค่าเคลียร์สินค้า 1,284 บาท อันนี้พอทำเองก็ไม่ต้องเสีย แต่อาจจะรวมค่าแลก DO มาแล้ว ก็ถือว่าประหยัดไปบางส่วน
2. ค่าธรรมเนียมแรกเข้า 749 บาท อันนี้ไม่เห็นมี
3. ค่าโกดัง 107 บาทต่อวัน อันนี้ผมเสียตั้ง 1,000 บาท ทั้งๆ ที่ของพึ่งเข้ามาแค่ 1-2 วันเอง ไม่รู้ว่าพลาดตรงไหนหรือเปล่า พอดีรีบกลับจะเอาของไปส่งลูกค้าไม่ได้เลยไม่ได้คิดอะไรตอนนั้น
4. ค่ายิงใบขน 140 บาท (ไม่รวม VAT) อาจจะเป็นของข้อ 2 ก็ได้
5. ค่าบัตรคน 30 บาท
เรื่องค่าใช้จ่ายอาจจะงงๆ หน่อยนะครับ เพราะผมไม่รู้ว่าทาง UPS เอาอะไรไปรวมอันไหน ก็เลยแจ้งรวมๆ เอา

โดยรวมแล้วใช้เวลาทั้งหมด ตั้งแต่ทำ Paper Less จนถึงได้ของออกจากช่อง 1 (ไม่รวมเดินออกจากคลัง) ประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งครับ

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่และ Shipping ที่ให้คำปรึกษาทุกท่านนะครับ บางท่านเห็นผมหมุนไปหมุนมาก็มาแนะนำให้เลย น่ารักที่ซู๊ด...

สุดท้ายนี้ขออนุญาตส่งข้อเสนอแนะถึงหน่วยรับทำ Paper Less ดังนี้
1. อยากให้เอากระจกกั้นออก เพราะ มีช่องให้ยื่นเอกสารนิดเดียว เวลาคุยจะต้องก้มไปที่ช่องนั้น เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ รู้สึกลำบากมากเลยครับ ตอนผมไปมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทอื่นมา เห็นเดินเข้าประตูที่เปิดตลอดเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่เลย ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ผมก็สามารถเข้าไปได้หรือเปล่า
2. ตอนพักเที่ยงปิดไฟบ้างก็ได้ครับ เห็นเปิดเต็มพื้นที่ตลอดเวลาเลยครับ บางพื้นที่เป็นพื้นที่โล่งก็เปิดไฟไว้เต็มพิกัด ไม่มีปิดเลยครับ
ชื่อสินค้า:   เคลียร์สินค้านำเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่