รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เว็ปไซต์ราชกิจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ซึ่งรวบรวมกฎหมาย 7 ฉบับไว้ด้วยกัน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษี โดยเฉพาะเหล้า ยาสูบ และไพ่ โดยให้เก็บภาษีทั้งตามมูลค่าและตามปริมาณ จากเดิมที่เก็บตามมูลค่าหรือตามปริมาณแล้วแต่ประเภทใดจะได้เงินสูงกว่า เช่น ภาษียาสูบคิดหน่วยละ 5 บาทต่อปริมาณหนึ่งมวน และคิดตามมูลค่า 90% ,เบียร์และไวน์ คิดหน่วยละ 3,000 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตร และคิดตามมูลค่า 30% ,เหล้าขาว คิดหน่วยละ 1,000 บาทต่อปริมาณหนึ่งลิตร และคิดตามมูลค่า 30%
ส่วนสถานอาบน้ำ หรืออบตัวและนวด คิดหน่วยละ 1,000 บาทต่อรอบ และคิดตามมูลค่า 30% ขณะที่ผับ บาร์ คอกเทลเล้าจ์ คิดตามปริมาณตารางเมตรละ 3,000 บาท และคิดตามมูลค่าที่ 30% ขณะที่รถยนต์ คิดอัตราภาษีตามมูลค่า คือ รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน และคิดตามมูลค่า 80% ,รถกระบะ คิดตามมูลค่า 40% ,รถจักรยานยนต์ คิดตามมูลค่า 30% ,เรือยอชต์เรือสำราญ คิดตามมูลค่า 50% น้ำหอม หัวน้ำหอม และหัวน้ำมันหอม คิดตามมูลค่าที่ 20% ,ไพ่ จัดเก็บที่100 ใบ หรือ 1 สำรับ คิดตามมูลค่า 60% และคิดตามมูลค่า 500 บาท ด้านสนามม้า คิดตามมูลค่าที่ 30% สนามกอล์ฟ คิดตามมูลค่าที่ 50% เช่นเดียวกับกิจการโทรคมนาคม เก็บตามมูลค่าที่ 30%
ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดังกล่าว หากเป็นสินค้าให้ถือตามราคาขายปลีกแนะนำ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การบริการให้ถือตามรายรับของสถานบริการนั้นเป็นหลัก
ด้าน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.สรรพสามิตได้ลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 20 มี.ค,60 ที่ผ่านมา แต่จะมีผลให้บังคับใช้เมื่อพ้น 180 วันนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือในช่วงกลางเดือนก.ย.60 ซึ่งระหว่างนี้จะมีการออกกฎหมายลูก 80 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแม่ โดยเฉพาะอัตราการจัดเก็บภาษีสินค้าต่างๆ เนื่องจากกฎหมายแม่กำหนดไว้เป็นเพดานสูงสุด แต่อัตราการจัดเก็บจริงจะปรับลดลงมาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคตามมติของครม. เพราะในกฎหมายแม่นั้นเพดานสูงเพราะมองถึงอนาคต 20 ปี ดังนั้นระหว่างนี้จึงขอให้ประชาชนอย่างแตกตื่น หรือร้านค้ามีการกักตุนสินค้าจนทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน
“อัตราจัดเก็บจริงจะอ้างอิงการจัดเก็บภาษีในปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แต่เป็นห่วงว่า เมื่อกฎหมายลงราชกิจจาฯไปจะมีการนำเพดาน ภาษีไปคูณราคาขายปลีกและนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนทำให้เกิดความสับสนเข้าใจกฎหมายแบบผิดๆ หรือมีการกักตุนสินค้ารับราคาใหม่ จึงอยากให้รอฟังอัตราจริง และประกาศจากกรมสรรพสามิตเสียก่อน”
นายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะช่วยสร้างความยั่งยืนด้านการจัดเก็บรายได้ให้กับกรมสรรพสามิตในระยะยาวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาษีในช่วงนี้ เพราะระบบภาษีแบบใหม่ที่จะจัดเก็บแบบระบบผสม คือ เก็บทั้งด้านมูลค่าและด้านปริมาณซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงอันจะทำให้รัฐได้รายได้มากขึ้นและยังสอดคล้องกับเป้าหมายในการควบคุมการบริโภคยาสูบอีกด้วย สำหรับเรื่องอัตราการจัดเก็บจริงนั้นคงจะต้องรอดูความชัดเจนในกฎหมายลูกอีกครั้ง แต่กรมสรรพสามิตก็ยืนยันมาตลอดว่าจะเน้นรักษารายได้เท่าเดิม ไม่เพิ่มภาระผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้การปฏิรูปภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นได้. ... อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/economic/563279
ราชกิจจานุเบกษา ก.ม.ภาษีสรรพสามิตใหม่ บุหรี่ 5 บาทต่อมวน-อาบอบนวด 1พันต่อรอบ
ส่วนสถานอาบน้ำ หรืออบตัวและนวด คิดหน่วยละ 1,000 บาทต่อรอบ และคิดตามมูลค่า 30% ขณะที่ผับ บาร์ คอกเทลเล้าจ์ คิดตามปริมาณตารางเมตรละ 3,000 บาท และคิดตามมูลค่าที่ 30% ขณะที่รถยนต์ คิดอัตราภาษีตามมูลค่า คือ รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน และคิดตามมูลค่า 80% ,รถกระบะ คิดตามมูลค่า 40% ,รถจักรยานยนต์ คิดตามมูลค่า 30% ,เรือยอชต์เรือสำราญ คิดตามมูลค่า 50% น้ำหอม หัวน้ำหอม และหัวน้ำมันหอม คิดตามมูลค่าที่ 20% ,ไพ่ จัดเก็บที่100 ใบ หรือ 1 สำรับ คิดตามมูลค่า 60% และคิดตามมูลค่า 500 บาท ด้านสนามม้า คิดตามมูลค่าที่ 30% สนามกอล์ฟ คิดตามมูลค่าที่ 50% เช่นเดียวกับกิจการโทรคมนาคม เก็บตามมูลค่าที่ 30%
ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดังกล่าว หากเป็นสินค้าให้ถือตามราคาขายปลีกแนะนำ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่การบริการให้ถือตามรายรับของสถานบริการนั้นเป็นหลัก
ด้าน นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ร.บ.สรรพสามิตได้ลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 20 มี.ค,60 ที่ผ่านมา แต่จะมีผลให้บังคับใช้เมื่อพ้น 180 วันนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือในช่วงกลางเดือนก.ย.60 ซึ่งระหว่างนี้จะมีการออกกฎหมายลูก 80 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแม่ โดยเฉพาะอัตราการจัดเก็บภาษีสินค้าต่างๆ เนื่องจากกฎหมายแม่กำหนดไว้เป็นเพดานสูงสุด แต่อัตราการจัดเก็บจริงจะปรับลดลงมาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคตามมติของครม. เพราะในกฎหมายแม่นั้นเพดานสูงเพราะมองถึงอนาคต 20 ปี ดังนั้นระหว่างนี้จึงขอให้ประชาชนอย่างแตกตื่น หรือร้านค้ามีการกักตุนสินค้าจนทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน
“อัตราจัดเก็บจริงจะอ้างอิงการจัดเก็บภาษีในปัจจุบันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แต่เป็นห่วงว่า เมื่อกฎหมายลงราชกิจจาฯไปจะมีการนำเพดาน ภาษีไปคูณราคาขายปลีกและนำไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนทำให้เกิดความสับสนเข้าใจกฎหมายแบบผิดๆ หรือมีการกักตุนสินค้ารับราคาใหม่ จึงอยากให้รอฟังอัตราจริง และประกาศจากกรมสรรพสามิตเสียก่อน”
นายพงศธร อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตครั้งนี้จะช่วยสร้างความยั่งยืนด้านการจัดเก็บรายได้ให้กับกรมสรรพสามิตในระยะยาวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาษีในช่วงนี้ เพราะระบบภาษีแบบใหม่ที่จะจัดเก็บแบบระบบผสม คือ เก็บทั้งด้านมูลค่าและด้านปริมาณซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงอันจะทำให้รัฐได้รายได้มากขึ้นและยังสอดคล้องกับเป้าหมายในการควบคุมการบริโภคยาสูบอีกด้วย สำหรับเรื่องอัตราการจัดเก็บจริงนั้นคงจะต้องรอดูความชัดเจนในกฎหมายลูกอีกครั้ง แต่กรมสรรพสามิตก็ยืนยันมาตลอดว่าจะเน้นรักษารายได้เท่าเดิม ไม่เพิ่มภาระผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้การปฏิรูปภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นได้. ... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/563279