เตรียมตัวอย่างไรถ้าต้องการมาต่อ ปริญญาตรีและปริญญาโทที่เยอรมัน?
เนื่องจากช่วงนี้พ่อบ้าน ตอบหลังไมค์แทบไม่ทันเลยเพราะว่าน้องๆ และคุณแม่หลายท่านต้องการรู้เป็นพิเศษว่าอยากให้ลูกมาเรียนต่อที่เยอรมัน จะต้องทำอย่างไร และในช่วงนี้ลูกๆ หลานๆ ก็ใกล้ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวกันแล้วเลยค่อนข้างร้อนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม พ่อบ้านเลยรวบรวมข้อมูลให้จ้า
มาๆๆๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า จะเรียงเป็นหัวข้อง่ายๆ ให้เข้าใจ ได้ง่ายขึ้น และจะแบ่งเป็นปริญญาตรีและปริญญาโท ก่อน สำหรับปริญญาเอกเดี๋ยวมาเขียนต่อให้ครับ
***"การเตรียมตัวมาศึกษาระดับปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมนี"***
ขั้นตอนการสมัครเรียนเข้าระดับปริญญาตรีที่เยอรมันนั้นค่อนข้างมีความยุ่งยากมากกว่าระดับปริญญาโทและเอก มากกว่าเพราะว่าจะต้องเข้าไปเรียนกับ Stk โดยจะมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้นะครับ
1. มาเยอรมันต้องเรียนปรับพื้นฐานก่อน
ใช่แล้วน้องๆ ต้องเข้าใจก่อนเลยนะครับว่า ประกาศนียบัตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศไทย (ทั้ง ม.6 หรือ ปวช. และ ปวส.) ยังไม่เทียบเท่ากับของเยอรมัน สำหรับการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ผู้สมัครจึงต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ (Feststellungsprüfung / Assessment test)
ก่อนการสอบ ผู้สมัครเข้าเรียนต้องเข้าเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบประเมินความรู้ในโรงเรียนปรับพื้นฐานที่เรียกว่า "Studienkolleg" เป็นเวลา 1 ปี โดยการสมัครสอบเข้าเรียนใน Studienkolleg นั้น ผู้สมัครจะต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันในระดับ B1 ถึง B2 แล้วแต่ละที่จะตั้งเกณฑ์
แล้วหลักสูตรภาษาอังกฤษหล่ะ?
การเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษมีการเตรียมตัวน้อยกว่าหลักสูตรภาษาเยอรมันคือ ไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา DSH แต่ก็มีข้อด้อยเพราะค่าเล่าเรียนจะแพงกว่า(แต่ส่วนตัวก็ยังถือว่าไม่แพงนะ) แต่ต้องมีผลสอบระดับภาษาอังกฤษที่ดีด้วย สำหรับค่าเล่าเรียนนั้นจะแตกต่างกันไปตามคณะและมหาวิทยาลัย
2. รู้จัก Studienkolleg หรือบางคนเรียก Stk หรือบางคนเรียก ม.7
Studienkolleg หรือ ระดับเตรียมมหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนต่างชาติที่สำเร็จ ม. 6 หรือเทียบเท่าเกรดสิบสอง จะต้องเข้าเรียนป็นเวลาหนึ่งปี แบ่งเป็น 2 ภาคเรียน หลักสูตร Studienkolleg จะกำหนดให้เรียนวิชาพื้นฐานทั่วๆ ไป ตามความต้องการของผู้เรียนที่จะศึกษาในมหาวิทยาลัย
คอร์สเรียนเพื่อเตรียมสอบ ของ Studienkolleg แบ่งตามสาขาวิชา มีดังต่อไปนี้
T-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ยกเว้นชีววิทยา) เรียนและสอบภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์และหรือเคมี
M-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ชีววิทยา เรียนและสอบภาษาเยอรมัน ชีววิทยาและหรือเคมี ฟิสิกส์และหรือคณิตศาสตร์
W-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ กฎหมาย เรียนและสอบภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และหรือบริหารธุรกิจ (ถ้าพ่อบ้านเรียนจะอยู่สายนี้ ;) )
G-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านภาษาและวรรณคดีเยอรมัน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา กฎหมาย การแสดง เรียนและสอบภาษาเยอรมัน วรรณคดีเยอรมัน ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษาหรือภูมิศาสตร์
S-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านอักษรศาสตร์ ยกเว้นภาษาและวรรณคดีเยอรมัน เรียนและสอบ ภาษาเยอรมัน ภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษา ประวัติศาสตร์หรือสังคมศึกษาหรือภูมิศาสตร์หรือวรรณคดีเยอรมัน
2.1 ประเภทของ Studienkolleg จะแบ่งออกเป็น 2 สถาบัน คือ Studienkolleg สำหรับ UNI และ Studienkolleg สำหรับ FH ข้อแตกต่างคือ ถ้าการจบจาก Studienkolleg สำหรับ UNI สามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้ทั้ง UNI และ FH แต่การจบจาก Studienkolleg สำหรับ FH สามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้เพียงที่ FH อย่างเดียว
Uni = เน้นวิชาการ เน้น ทีสิส วิจัย
FH = เน้นประยุกต์ ทำงานจริง วิชาการน้อยลงมานิดนึง
ซึ่งในการศึกษา Stk ทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้จัดคอร์สเรียนตามคณะที่จะสมัครเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ดังนั้น การเลือกและตัดสินใจว่าจะสัมตรเข้าเรียนในสาขาใดจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดแผนเข้าศึกษาที่ระดับเตรียมมหาวิทยาลัย
การสมัครเข้า Studienkollege การสมัครเข้าเรียน Studienkolleg นั้น ลำดับแรกต้องเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการจะเรียนก่อน เพราะสถาบันแต่ละแห่งหรือแต่ละคณะจะเปิดรับสมัครไม่พร้อมกัน เงื่อนไขการสมัครไม่เหมือนกัน เข้าไปดูได้ ตาม Link
http://www.studienkollegs.de/Adressen_STK_DAAD.htm
3. หลักฐานในการสมัคร Stk ที่ต้องเตรียม
3.1 หลักฐานความรู้ภาษาเยอรมัน ระดับ B1 - B2
3.2 Transcript ตัวจริงและที่แปลเป็นภาษาเยอรมันด้วยพร้อมรับรองโดยสถานทูต
3.3 หลักฐานทางการเงิน ขอได้ที่ธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีของผู้ปกครองในประเทศไทย
3.4 ใบรับรองว่าเราจบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก หรือ ปวช. แปลเป็นภาษาเยอรมัน และรับรองโดยสถานทูตเยอรมนีในประเทศไทย
3.5 ใบสมัคร Stk หรือ ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เพื่อกรอกใบสมัครนี้ส่งไป
การสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสำคัญอีกประการ คือมีกฏว่านักเรียนทุกคนมีสิทธิ์สอบเข้า Studienkolleg เพียง 2 ครั้งเท่านั้นจำไว้นะครับสำคัญมาก
4. สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้
4.1 นักเรียนที่จบมัธยมปลาย ของเยอรมันสามารถเข้าเรียนต่อโดยตรงในมหาวิทยาลัยที่รัฐ Nordrhein-Westfalen ได้ เนื่องจากรัฐNordrhein-Westfalen มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายมหาวิทยาลัย (จะประหยัดเวลาได้ดีมาก)
4.2 การสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนีในปัจจุบัน หลายแห่งจะต้องสมัครผ่าน องค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่เรียกว่า uni-assist เท่านั้น นักเรียนสามารถตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยที่จะเรียนอยู่ในองค์กรหรือไม่
http://www.uni-assist.de/index.php ?id=4&ebene=3&lang=en การสมัครผ่าน uni-assist นั้น สามารถสมัครหลายมหาวิทยาลัยได้พร้อมกัน โดยส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปให้ครบถ้วน ขอให้ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่
http://www.uni-assist.de/
4.3 เอกสารทุกอย่างต้องเตรียมให้พร้อมแต่เนิ่นๆ เพราะการเตรียมการค่อนข้างมาก อย่าท้อครับพ่อบ้านเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน หนทางการประสบความสำเร็จรอน้องๆอยู่ครับ
4.4 ทุนปริญญาตรี สำหรับเยอรมันนั้นมีไม่มาก เพราะว่าเรียนฟรีอยู่แล้วครับ หรือถ้ามีมักจะเป็นทุนเรียนดี หรืออื่นๆ โดยค้นหาได้จาก Website หรือหน่วยงาน International ของมหาวิทยาลัยที่เราต้องการไปศึกษา
4.5 มีหลายคน อาจจะเรียนจบปริญญาตรีในไทยหรือประเทศอื่นก่อนแล้วไปต่อปริญญาโทเลยก็เยอะเพราะว่า ไม่ต้องไปเรียนเพิ่ม เหมือนตอนต่อ ปริญญาตรี จ้าาาา
"การเตรียมตัวมาศึกษาระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี"
ขอบอกว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ จะได้รับการเทียบเท่าจากทางการเยอรมนีรับเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทในหลักสูตรต่างๆเช่น M.A. / MSc. ประมาณ 2 ปี โดยที่ไม่ต้องไปเรียน Stk หรือปรับพื้นฐาน เหมือนตอนที่จะมาต่อปริญญาตรี
ช่องทางในการเลือกคณะ ได้ทั้ง ป.ตรี/โท/เอก
https://www.daad.de/deutschland/studienangebote/studiengang/en/?a=result&q=°ree=&courselanguage=&locations=&admissionsemester=&sort=name&page=1
ซึ่งจะมีข้อแตกต่างหลักๆ 2 ข้อในการเลือกมาศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมัน คือหลักสูตรที่นี่จะแบ่งเป็น หลักสูตรคือหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นเยอรมัน และเป็นภาษาอังกฤษโดยจะมีข้อแตกต่างในเบื้องต้นและวิธีในข้างล่างคร๊าบบ
1. เลือกเรียนหลักสูตรเยอรมัน
การเลือกเรียนในสถาบันในหลักสูตรภาษาเยอรมัน จำเป็นต้องเรียนภาษาเยอรมันก่อนและสอบภาษาเยอรมันให้ได้ โดยทั่วไปสถาบันต้องการความรู้เยอรมันระดับที่ผ่านการสอบ DSH หรือ TestDAF เทียบเท่า นักเรียนสามารถสอบได้ที่สถาบันภาษา และในโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย
ซึ่งในปัจจุบันที่เยอรมัน ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งยังคงไม่เก็บค่าเทอม หรือถ้าเสียก็อาจจะนิดหน่อย ประมาณ เทอมละ 200-300 Euro แม้จะเรียนปริญญาโทก็ตาม ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินของนักศึกษาได้ เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศอื่นๆ ที่เก็บค่าเทอมค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันบางรัฐกำลังพิจารณาในการขึ้นค่าเทอมอยู่แต่น่าจะไม่มาก
ซึ่งในส่วนนี้แม้เราจะเป็นนักเรียนต่างชาติ ที่มาเรียนในเยอรมัน แต่ก็ได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนนี้ รวมไปถึงเราจะได้รับสวัสดิการนักเรียน และเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมือนกับนักเรียนที่เป็นคนเยอรมันเลย ขึ้นรถ เดินทาง สมัครเล่นกีฬาทำกิจกรรมต่างๆในราคาที่ถูกมากกกก
1. เลือกเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ
กรณีเลือกเรียนในหลักสูตรอินเตอร์ สามารถใช้ผล TOEFL/IELT แทนได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละมหาลัย แต่บางหลักสูตรนั้นเท่าที่ทราบอาจจะมีเนื้อหาในส่วนของเยอรมันประมาณ 15-20% อาจจะมีข้อกำหนดทางภาษาเยอรมันเพิ่มเติม ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียด Requirements ของแต่ละคณะได้ แต่สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษนั้นอาจจะมีทั้งเรียนฟรี หรือเสียเงิน โดยส่วนตัวถึงแม้ว่าจะเสียเงิน แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นยังถือว่าน้อยกว่ามากอยู่ อ๊ะๆ และก็ยังได้สิทธิประโยชน์การเป็นนักศึกษาเหมือนกันนะครับผม
ข้อควรระวังและต้องรู้
1. ระยะเวลาในการรับสมัครแต่ละหลักสูตรแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เท่ากัน ต้องดูดีๆ
2. ที่เยอรมันนั้นจะเปิดเรียน 2 คือต้นปีและปลายปี ในช่วง มีนาคม และ ตุลาคม ซึ่งระยะเวลาในแต่ละคณะโดยเฉลี่ยคือ 3-4 เดือนก่อนเปิดเทอม และถ้าขอทุนจะใช้เวลานานกว่านั้น อย่างน้อย 5-6 เดือน ในกรณีที่เอกสารพร้อมทั้งหมด
3. ต่อสาขาที่ตรงสายหรือต่อเนื่องกับปริญญาตรี จะได้เปรียบมากกว่าข้ามสายเพราะ Culture ของคนที่นี่มักจะสนับสนุนการเรียนต่อที่ตรงสายมากกว่า หรือว่าถ้าเราต้องการข้ามสายจริงๆ นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับคณะหรือประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเป็นตัวช่วย เพื่อสร้างความโดดเด่น
4. Motivation letter สำคัญมากเพราะถือว่าเป็นจดหมายที่ใช้แนะนำตัวของเรา บอกให้ชัดเจนว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ แรงบันดาลใจคืออะไร
5. สิ่งที่จะทำให้เราได้เปรียบกว่านักศึกษาคนอื่นๆ มี หลักๆ 3 ข้อคือ
5.1 ประสบการณ์ทำงาน(บางคณะอาจจะไม่เน้นมากก็มี)
5.2 กิจกรรมที่เคยทำหรือผ่านมาอาจจะเป็นในเวลาเรียน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาเรียนจะดีมาก
5.3 ประวัติการทำกิจกรรมหรือการทำเพื่อสังคม
6. การสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนีในปัจจุบัน หลายแห่งจะต้องสมัครผ่าน องค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่เรียกว่า uni-assist เท่านั้น นักเรียนสามารถตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยที่จะเรียนอยู่ในองค์กรหรือไม่
http://www.uni-assist.de/index.php ?id=4&ebene=3&lang=en การสมัครผ่าน uni-assist นั้น สามารถสมัครหลายมหาวิทยาลัยได้พร้อมกัน โดยส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปให้ครบถ้วน ขอให้ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่
http://www.uni-assist.de/
7. สำหรับเรื่องทุนไม่ต้องห่วง ทุนของประเทศเยอรมันนั้นถือว่าดังมาก เข้าไปดูต่อได้เลยยที่
https://ppantip.com/topic/36158125
อย่าลืมนะครับว่าทุกมหาลัย ทุกที่ต้องการคนที่ร่วม Participation ในห้องเรียนได้เป็นอย่างดี ขอให้น้องๆ และทุกท่านโชคดีและประสบความสำเร็จนะครับผม ;) อยากรู้เรื่องดีๆ จากเยอรมัน ติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/
**Website แหล่งเก็บข้อมูลที่สำคัญที่ต้องรู้**
แหล่งข้อมูล Stk
http://www.studienkollegs.de/home.html
แหล่งข้อมูล DAAD
https://www.daad.or.th/th/
Website องค์กร Uni-asist
http://www.uni-assist.de/
รายละเอียดการขอ Visa นักศึกษา
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Langzeit-Studium.html
ปล. สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ ลองดูได้ที่ข้อกำหนดแต่ละมหาวิทยาลัย
เอาหล่ะอย่าลืม อยากรู้เรื่องดีๆ จากเยอรมัน ติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/
เปิด!!!!! ขั้นตอนการเตรียมตัวศึกษาต่อปริญญาตรีและโทที่เยอรมัน พร้อม Website ที่คุณห้ามพลาด!!!!
เนื่องจากช่วงนี้พ่อบ้าน ตอบหลังไมค์แทบไม่ทันเลยเพราะว่าน้องๆ และคุณแม่หลายท่านต้องการรู้เป็นพิเศษว่าอยากให้ลูกมาเรียนต่อที่เยอรมัน จะต้องทำอย่างไร และในช่วงนี้ลูกๆ หลานๆ ก็ใกล้ถึงเวลาที่ต้องเตรียมตัวกันแล้วเลยค่อนข้างร้อนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติม พ่อบ้านเลยรวบรวมข้อมูลให้จ้า
มาๆๆๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า จะเรียงเป็นหัวข้อง่ายๆ ให้เข้าใจ ได้ง่ายขึ้น และจะแบ่งเป็นปริญญาตรีและปริญญาโท ก่อน สำหรับปริญญาเอกเดี๋ยวมาเขียนต่อให้ครับ
***"การเตรียมตัวมาศึกษาระดับปริญญาตรีที่ประเทศเยอรมนี"***
ขั้นตอนการสมัครเรียนเข้าระดับปริญญาตรีที่เยอรมันนั้นค่อนข้างมีความยุ่งยากมากกว่าระดับปริญญาโทและเอก มากกว่าเพราะว่าจะต้องเข้าไปเรียนกับ Stk โดยจะมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้นะครับ
1. มาเยอรมันต้องเรียนปรับพื้นฐานก่อน
ใช่แล้วน้องๆ ต้องเข้าใจก่อนเลยนะครับว่า ประกาศนียบัตรการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศไทย (ทั้ง ม.6 หรือ ปวช. และ ปวส.) ยังไม่เทียบเท่ากับของเยอรมัน สำหรับการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ผู้สมัครจึงต้องผ่านการสอบประเมินความรู้ (Feststellungsprüfung / Assessment test)
ก่อนการสอบ ผู้สมัครเข้าเรียนต้องเข้าเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบประเมินความรู้ในโรงเรียนปรับพื้นฐานที่เรียกว่า "Studienkolleg" เป็นเวลา 1 ปี โดยการสมัครสอบเข้าเรียนใน Studienkolleg นั้น ผู้สมัครจะต้องมีความรู้ภาษาเยอรมันในระดับ B1 ถึง B2 แล้วแต่ละที่จะตั้งเกณฑ์
แล้วหลักสูตรภาษาอังกฤษหล่ะ?
การเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษมีการเตรียมตัวน้อยกว่าหลักสูตรภาษาเยอรมันคือ ไม่ต้องสอบวัดระดับภาษา DSH แต่ก็มีข้อด้อยเพราะค่าเล่าเรียนจะแพงกว่า(แต่ส่วนตัวก็ยังถือว่าไม่แพงนะ) แต่ต้องมีผลสอบระดับภาษาอังกฤษที่ดีด้วย สำหรับค่าเล่าเรียนนั้นจะแตกต่างกันไปตามคณะและมหาวิทยาลัย
2. รู้จัก Studienkolleg หรือบางคนเรียก Stk หรือบางคนเรียก ม.7
Studienkolleg หรือ ระดับเตรียมมหาวิทยาลัย สำหรับนักเรียนต่างชาติที่สำเร็จ ม. 6 หรือเทียบเท่าเกรดสิบสอง จะต้องเข้าเรียนป็นเวลาหนึ่งปี แบ่งเป็น 2 ภาคเรียน หลักสูตร Studienkolleg จะกำหนดให้เรียนวิชาพื้นฐานทั่วๆ ไป ตามความต้องการของผู้เรียนที่จะศึกษาในมหาวิทยาลัย
คอร์สเรียนเพื่อเตรียมสอบ ของ Studienkolleg แบ่งตามสาขาวิชา มีดังต่อไปนี้
T-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ (ยกเว้นชีววิทยา) เรียนและสอบภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ฟิสิกส์และหรือเคมี
M-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ชีววิทยา เรียนและสอบภาษาเยอรมัน ชีววิทยาและหรือเคมี ฟิสิกส์และหรือคณิตศาสตร์
W-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ กฎหมาย เรียนและสอบภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์และหรือบริหารธุรกิจ (ถ้าพ่อบ้านเรียนจะอยู่สายนี้ ;) )
G-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านภาษาและวรรณคดีเยอรมัน ประวัติศาสตร์ ปรัชญา กฎหมาย การแสดง เรียนและสอบภาษาเยอรมัน วรรณคดีเยอรมัน ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษาหรือภูมิศาสตร์
S-Kurs สำหรับผู้ต้องการเรียนด้านอักษรศาสตร์ ยกเว้นภาษาและวรรณคดีเยอรมัน เรียนและสอบ ภาษาเยอรมัน ภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษา ประวัติศาสตร์หรือสังคมศึกษาหรือภูมิศาสตร์หรือวรรณคดีเยอรมัน
2.1 ประเภทของ Studienkolleg จะแบ่งออกเป็น 2 สถาบัน คือ Studienkolleg สำหรับ UNI และ Studienkolleg สำหรับ FH ข้อแตกต่างคือ ถ้าการจบจาก Studienkolleg สำหรับ UNI สามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้ทั้ง UNI และ FH แต่การจบจาก Studienkolleg สำหรับ FH สามารถสมัครเข้าเรียนต่อได้เพียงที่ FH อย่างเดียว
Uni = เน้นวิชาการ เน้น ทีสิส วิจัย
FH = เน้นประยุกต์ ทำงานจริง วิชาการน้อยลงมานิดนึง
ซึ่งในการศึกษา Stk ทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้จัดคอร์สเรียนตามคณะที่จะสมัครเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ดังนั้น การเลือกและตัดสินใจว่าจะสัมตรเข้าเรียนในสาขาใดจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการกำหนดแผนเข้าศึกษาที่ระดับเตรียมมหาวิทยาลัย
การสมัครเข้า Studienkollege การสมัครเข้าเรียน Studienkolleg นั้น ลำดับแรกต้องเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการจะเรียนก่อน เพราะสถาบันแต่ละแห่งหรือแต่ละคณะจะเปิดรับสมัครไม่พร้อมกัน เงื่อนไขการสมัครไม่เหมือนกัน เข้าไปดูได้ ตาม Link
http://www.studienkollegs.de/Adressen_STK_DAAD.htm
3. หลักฐานในการสมัคร Stk ที่ต้องเตรียม
3.1 หลักฐานความรู้ภาษาเยอรมัน ระดับ B1 - B2
3.2 Transcript ตัวจริงและที่แปลเป็นภาษาเยอรมันด้วยพร้อมรับรองโดยสถานทูต
3.3 หลักฐานทางการเงิน ขอได้ที่ธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก หรือบัญชีของผู้ปกครองในประเทศไทย
3.4 ใบรับรองว่าเราจบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาปีที่หก หรือ ปวช. แปลเป็นภาษาเยอรมัน และรับรองโดยสถานทูตเยอรมนีในประเทศไทย
3.5 ใบสมัคร Stk หรือ ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ เพื่อกรอกใบสมัครนี้ส่งไป
การสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ข้อสำคัญอีกประการ คือมีกฏว่านักเรียนทุกคนมีสิทธิ์สอบเข้า Studienkolleg เพียง 2 ครั้งเท่านั้นจำไว้นะครับสำคัญมาก
4. สิ่งจำเป็นที่ต้องรู้
4.1 นักเรียนที่จบมัธยมปลาย ของเยอรมันสามารถเข้าเรียนต่อโดยตรงในมหาวิทยาลัยที่รัฐ Nordrhein-Westfalen ได้ เนื่องจากรัฐNordrhein-Westfalen มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายมหาวิทยาลัย (จะประหยัดเวลาได้ดีมาก)
4.2 การสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนีในปัจจุบัน หลายแห่งจะต้องสมัครผ่าน องค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่เรียกว่า uni-assist เท่านั้น นักเรียนสามารถตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยที่จะเรียนอยู่ในองค์กรหรือไม่ http://www.uni-assist.de/index.php ?id=4&ebene=3&lang=en การสมัครผ่าน uni-assist นั้น สามารถสมัครหลายมหาวิทยาลัยได้พร้อมกัน โดยส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปให้ครบถ้วน ขอให้ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ http://www.uni-assist.de/
4.3 เอกสารทุกอย่างต้องเตรียมให้พร้อมแต่เนิ่นๆ เพราะการเตรียมการค่อนข้างมาก อย่าท้อครับพ่อบ้านเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน หนทางการประสบความสำเร็จรอน้องๆอยู่ครับ
4.4 ทุนปริญญาตรี สำหรับเยอรมันนั้นมีไม่มาก เพราะว่าเรียนฟรีอยู่แล้วครับ หรือถ้ามีมักจะเป็นทุนเรียนดี หรืออื่นๆ โดยค้นหาได้จาก Website หรือหน่วยงาน International ของมหาวิทยาลัยที่เราต้องการไปศึกษา
4.5 มีหลายคน อาจจะเรียนจบปริญญาตรีในไทยหรือประเทศอื่นก่อนแล้วไปต่อปริญญาโทเลยก็เยอะเพราะว่า ไม่ต้องไปเรียนเพิ่ม เหมือนตอนต่อ ปริญญาตรี จ้าาาา
"การเตรียมตัวมาศึกษาระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี"
ขอบอกว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากประเทศไทย หรือประเทศอื่นๆ จะได้รับการเทียบเท่าจากทางการเยอรมนีรับเข้าศึกษาในระดับปริญญาโทในหลักสูตรต่างๆเช่น M.A. / MSc. ประมาณ 2 ปี โดยที่ไม่ต้องไปเรียน Stk หรือปรับพื้นฐาน เหมือนตอนที่จะมาต่อปริญญาตรี
ช่องทางในการเลือกคณะ ได้ทั้ง ป.ตรี/โท/เอก
https://www.daad.de/deutschland/studienangebote/studiengang/en/?a=result&q=°ree=&courselanguage=&locations=&admissionsemester=&sort=name&page=1
ซึ่งจะมีข้อแตกต่างหลักๆ 2 ข้อในการเลือกมาศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมัน คือหลักสูตรที่นี่จะแบ่งเป็น หลักสูตรคือหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นเยอรมัน และเป็นภาษาอังกฤษโดยจะมีข้อแตกต่างในเบื้องต้นและวิธีในข้างล่างคร๊าบบ
1. เลือกเรียนหลักสูตรเยอรมัน
การเลือกเรียนในสถาบันในหลักสูตรภาษาเยอรมัน จำเป็นต้องเรียนภาษาเยอรมันก่อนและสอบภาษาเยอรมันให้ได้ โดยทั่วไปสถาบันต้องการความรู้เยอรมันระดับที่ผ่านการสอบ DSH หรือ TestDAF เทียบเท่า นักเรียนสามารถสอบได้ที่สถาบันภาษา และในโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัย
ซึ่งในปัจจุบันที่เยอรมัน ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งยังคงไม่เก็บค่าเทอม หรือถ้าเสียก็อาจจะนิดหน่อย ประมาณ เทอมละ 200-300 Euro แม้จะเรียนปริญญาโทก็ตาม ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินของนักศึกษาได้ เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศอื่นๆ ที่เก็บค่าเทอมค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบันบางรัฐกำลังพิจารณาในการขึ้นค่าเทอมอยู่แต่น่าจะไม่มาก
ซึ่งในส่วนนี้แม้เราจะเป็นนักเรียนต่างชาติ ที่มาเรียนในเยอรมัน แต่ก็ได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนนี้ รวมไปถึงเราจะได้รับสวัสดิการนักเรียน และเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ เหมือนกับนักเรียนที่เป็นคนเยอรมันเลย ขึ้นรถ เดินทาง สมัครเล่นกีฬาทำกิจกรรมต่างๆในราคาที่ถูกมากกกก
1. เลือกเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ
กรณีเลือกเรียนในหลักสูตรอินเตอร์ สามารถใช้ผล TOEFL/IELT แทนได้ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละมหาลัย แต่บางหลักสูตรนั้นเท่าที่ทราบอาจจะมีเนื้อหาในส่วนของเยอรมันประมาณ 15-20% อาจจะมีข้อกำหนดทางภาษาเยอรมันเพิ่มเติม ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียด Requirements ของแต่ละคณะได้ แต่สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษนั้นอาจจะมีทั้งเรียนฟรี หรือเสียเงิน โดยส่วนตัวถึงแม้ว่าจะเสียเงิน แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นยังถือว่าน้อยกว่ามากอยู่ อ๊ะๆ และก็ยังได้สิทธิประโยชน์การเป็นนักศึกษาเหมือนกันนะครับผม
ข้อควรระวังและต้องรู้
1. ระยะเวลาในการรับสมัครแต่ละหลักสูตรแต่ละมหาวิทยาลัยไม่เท่ากัน ต้องดูดีๆ
2. ที่เยอรมันนั้นจะเปิดเรียน 2 คือต้นปีและปลายปี ในช่วง มีนาคม และ ตุลาคม ซึ่งระยะเวลาในแต่ละคณะโดยเฉลี่ยคือ 3-4 เดือนก่อนเปิดเทอม และถ้าขอทุนจะใช้เวลานานกว่านั้น อย่างน้อย 5-6 เดือน ในกรณีที่เอกสารพร้อมทั้งหมด
3. ต่อสาขาที่ตรงสายหรือต่อเนื่องกับปริญญาตรี จะได้เปรียบมากกว่าข้ามสายเพราะ Culture ของคนที่นี่มักจะสนับสนุนการเรียนต่อที่ตรงสายมากกว่า หรือว่าถ้าเราต้องการข้ามสายจริงๆ นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับคณะหรือประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาเป็นตัวช่วย เพื่อสร้างความโดดเด่น
4. Motivation letter สำคัญมากเพราะถือว่าเป็นจดหมายที่ใช้แนะนำตัวของเรา บอกให้ชัดเจนว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ แรงบันดาลใจคืออะไร
5. สิ่งที่จะทำให้เราได้เปรียบกว่านักศึกษาคนอื่นๆ มี หลักๆ 3 ข้อคือ
5.1 ประสบการณ์ทำงาน(บางคณะอาจจะไม่เน้นมากก็มี)
5.2 กิจกรรมที่เคยทำหรือผ่านมาอาจจะเป็นในเวลาเรียน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาเรียนจะดีมาก
5.3 ประวัติการทำกิจกรรมหรือการทำเพื่อสังคม
6. การสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในเยอรมนีในปัจจุบัน หลายแห่งจะต้องสมัครผ่าน องค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่เรียกว่า uni-assist เท่านั้น นักเรียนสามารถตรวจสอบว่ามหาวิทยาลัยที่จะเรียนอยู่ในองค์กรหรือไม่ http://www.uni-assist.de/index.php ?id=4&ebene=3&lang=en การสมัครผ่าน uni-assist นั้น สามารถสมัครหลายมหาวิทยาลัยได้พร้อมกัน โดยส่งเอกสารและหลักฐานต่างๆ ไปให้ครบถ้วน ขอให้ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ http://www.uni-assist.de/
7. สำหรับเรื่องทุนไม่ต้องห่วง ทุนของประเทศเยอรมันนั้นถือว่าดังมาก เข้าไปดูต่อได้เลยยที่ https://ppantip.com/topic/36158125
อย่าลืมนะครับว่าทุกมหาลัย ทุกที่ต้องการคนที่ร่วม Participation ในห้องเรียนได้เป็นอย่างดี ขอให้น้องๆ และทุกท่านโชคดีและประสบความสำเร็จนะครับผม ;) อยากรู้เรื่องดีๆ จากเยอรมัน ติดตามกันได้ที่ https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/
**Website แหล่งเก็บข้อมูลที่สำคัญที่ต้องรู้**
แหล่งข้อมูล Stk
http://www.studienkollegs.de/home.html
แหล่งข้อมูล DAAD
https://www.daad.or.th/th/
Website องค์กร Uni-asist
http://www.uni-assist.de/
รายละเอียดการขอ Visa นักศึกษา
http://www.bangkok.diplo.de/Vertretung/bangkok/th/08/Langzeit-Studium.html
ปล. สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ ลองดูได้ที่ข้อกำหนดแต่ละมหาวิทยาลัย
เอาหล่ะอย่าลืม อยากรู้เรื่องดีๆ จากเยอรมัน ติดตามกันได้ที่ https://www.facebook.com/Germanhousehusbands/