ลองพิจารณาตามนี้
1.ข้อเท็จจริง GL ปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยแพงๆ 15-25% คนกู้มีฐานนะดี (มีคำถามว่าฐานะการเงินดีทำไมต้องมากู้แพงๆ)
2.คนกู้มีเงินเพียงพอที่จะซื้อหุ้น GL แต่ไม่มีเงินไปดำเนินกิจการ
3.กำไรของ GL จากการปล่อยกู้รายการนี้เป็นส่ดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับกำไรทั้งหมด
4.มีข้อสงสัยเหลือเกินว่าผู้กู้เกี่ยวข้องกับ GL และสงสัยว่าจะหนึ่งในนั้นเป็นบริษัท เคอาร์ และ คูการ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GL
ก่อนจะไปข้อที่ 5 เรามาพิจารณาสมมติฐานว่าหากสมการนี้เป็นไปเรื่อยๆ ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ย-> GL บันทึกกำไร -> ราคาหุ้น GL สูงขึ้นเนื่องจากกำไรเพิ่ม โดยที่ PE ของ GL สูงถึง 70 เท่า ->แปลว่ากำไร 1 ล้านแปลงเป็น market cap 70 ล้าน -> GL ปล่อยกู้ให้ผู้กู้รายนี้หรือรายอื่นในลักษณะนี้เพิ่ม ->... วนไปเรื่อยๆ -> หากถึงจุดที่ผู้ทำราคาพอใจกับ capital gain และ take profit แล้วนำเงินมาคืน GL ->ทุกอย่างที่ว่ามามันจะกลายเป็นฝันร้ายทันที
ไม่ว่า master dealer จะปล่อยกู้ขาดทุนแค่ไหนก็ไม่ทำให้ master dealer เสียหายเพราะเขามาขายทำกำไรหุ้น GL ได้
5.ที่ผ่านมา บริษัท เคอาร์ และ คูการ์ ได้เข้าซื้อหุ้น GL ซึ่งตรงกับคำกล่าวอ้างของบริษัทที่ว่า master dealer เห็นว่า gl มีอนาคตดีจึงเข้าไปซื้อ ทั้งสองเริ่มถือหุ้นในวันปิดสมุด 30/12/2558 จำนวน 99 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าพันล้านบาท (แต่ไม่มีเงินพอที่จะทำธุรกิจ)
ล่าสุด 2 บริษัทนี้ถือ gl อยู่ 75.7 ล้านหุ้น หายไปราวๆ 10 กว่าล้านหุ้น
5.1 เพราะบริษัท เคอาร์ และ คูการ์มีชื่อในผู้ถือหุ้นเรานักลงทุนจึงติดตามได้ แต่ในส่วนที่ไม่ปรากฎก็ยังเป็นที่น่าสงสัย
6.เป็นที่น่าสงสัยว่าผู้กู้ทำธุรกิจจริงหรือไม่ และถ้าไปดูงบการเงิน gl ยอดสินเชื่อในกัมพูชาเหมาะสมกับเงินกู้ตรงนี้หรือไม่
7.ถ้าผู้กู้ทำธุรกิจจริง "จะทำกำไรได้อย่างไร" เพราะการปล่อยกู้มีค่าใช้จ่ายบริหาร หนี้เสีย และอื่นๆมากมาย แล้วจะเหลือกำไรซักเท่าไหร่
8.ลองฟังคำอธิบายของนายคนนี้ดูว่าเป็นอย่างไร
https://www.facebook.com/265248580335598/videos/579826182211168/ ผมฟังแล้วมันไม่สมเหตุสมผลมากๆ
9.การเข้าซื้อกิจการในศรีลังกาเป็นราคาที่แพงเกินไป
10.เมื่อพิจารณธุรกิจในไทยของ GL พบว่าไม่ได้เรื่องเลย
11.บริษัทเน้นเสมอว่าจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพราะบันทึกกำไรได้ง่ายกว่าด้วยวิธีดังกล่าว
12.ในกรณีนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการตั้งสำรองเลย เพราะไม่จำเป็นต้องตั้งสำรอง ถึงแม้ GL จะกลับไปตั้งสำรองก็ไม่ทำให้ขอสงสัยหมดไปแม้แต่น้อย
13.ข้อสงสัยที่สำคัญที่สุดคือ GL ทำธุรกิจในต่างประเทศจริงๆหรือไม่
14.GL พยายามอธิบายอ้อมเรื่อง tax id และไม่มี tax id เรื่องกฎหมายของกัมพูชา แต่มันไม่เข้าประเด็น
15.ข้ออ้างที่ว่า master dealer เป็น Executive Right ของมอเตอร์ไซด์บางยี่ห้อ ทำให้บางคนหลงประเด็นได้ เพราะ TK ก็ปล่อยกู้หรือขายได้ทุกยี่ห้อ
ถ้าหากเป็นแบบนี้นั้นหมายความว่า มีบางกลุ่มกำลังปรุงอาหารอยู่รอเสริฟที่โต๊ะ บังเอิญมีคนไหวตัวทันเลยลุกไปก่อน ทำให้คนลุกช้าต้องชดใช้จ่ายรอบวง
มันยังมีประเด็นอีกมากมาย แต่มันเป็นแค่ประเด็นยิบย่อยเพราะประเด็นจริงๆก็คือ GL สร้างกำไรขึ้นมาเองหรือไม่
แต่หากว่า GL ทำธุรกิจจริงๆ คุณก็ยังต้องระวังกับกำไรที่มันไม่สมเหตุผลของธุรกิจ และมันจะอยู่ได้ไม่นาน
*** แก้ไขชื่อประเทศครับจากบังกาลเทศเป็นศรีลังกา
อธิบายเรื่อง GL ให้ฟัง
1.ข้อเท็จจริง GL ปล่อยกู้โดยคิดดอกเบี้ยแพงๆ 15-25% คนกู้มีฐานนะดี (มีคำถามว่าฐานะการเงินดีทำไมต้องมากู้แพงๆ)
2.คนกู้มีเงินเพียงพอที่จะซื้อหุ้น GL แต่ไม่มีเงินไปดำเนินกิจการ
3.กำไรของ GL จากการปล่อยกู้รายการนี้เป็นส่ดส่วนที่สูงมากเมื่อเทียบกับกำไรทั้งหมด
4.มีข้อสงสัยเหลือเกินว่าผู้กู้เกี่ยวข้องกับ GL และสงสัยว่าจะหนึ่งในนั้นเป็นบริษัท เคอาร์ และ คูการ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GL
ก่อนจะไปข้อที่ 5 เรามาพิจารณาสมมติฐานว่าหากสมการนี้เป็นไปเรื่อยๆ ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ย-> GL บันทึกกำไร -> ราคาหุ้น GL สูงขึ้นเนื่องจากกำไรเพิ่ม โดยที่ PE ของ GL สูงถึง 70 เท่า ->แปลว่ากำไร 1 ล้านแปลงเป็น market cap 70 ล้าน -> GL ปล่อยกู้ให้ผู้กู้รายนี้หรือรายอื่นในลักษณะนี้เพิ่ม ->... วนไปเรื่อยๆ -> หากถึงจุดที่ผู้ทำราคาพอใจกับ capital gain และ take profit แล้วนำเงินมาคืน GL ->ทุกอย่างที่ว่ามามันจะกลายเป็นฝันร้ายทันที
ไม่ว่า master dealer จะปล่อยกู้ขาดทุนแค่ไหนก็ไม่ทำให้ master dealer เสียหายเพราะเขามาขายทำกำไรหุ้น GL ได้
5.ที่ผ่านมา บริษัท เคอาร์ และ คูการ์ ได้เข้าซื้อหุ้น GL ซึ่งตรงกับคำกล่าวอ้างของบริษัทที่ว่า master dealer เห็นว่า gl มีอนาคตดีจึงเข้าไปซื้อ ทั้งสองเริ่มถือหุ้นในวันปิดสมุด 30/12/2558 จำนวน 99 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่าพันล้านบาท (แต่ไม่มีเงินพอที่จะทำธุรกิจ)
ล่าสุด 2 บริษัทนี้ถือ gl อยู่ 75.7 ล้านหุ้น หายไปราวๆ 10 กว่าล้านหุ้น
5.1 เพราะบริษัท เคอาร์ และ คูการ์มีชื่อในผู้ถือหุ้นเรานักลงทุนจึงติดตามได้ แต่ในส่วนที่ไม่ปรากฎก็ยังเป็นที่น่าสงสัย
6.เป็นที่น่าสงสัยว่าผู้กู้ทำธุรกิจจริงหรือไม่ และถ้าไปดูงบการเงิน gl ยอดสินเชื่อในกัมพูชาเหมาะสมกับเงินกู้ตรงนี้หรือไม่
7.ถ้าผู้กู้ทำธุรกิจจริง "จะทำกำไรได้อย่างไร" เพราะการปล่อยกู้มีค่าใช้จ่ายบริหาร หนี้เสีย และอื่นๆมากมาย แล้วจะเหลือกำไรซักเท่าไหร่
8.ลองฟังคำอธิบายของนายคนนี้ดูว่าเป็นอย่างไร https://www.facebook.com/265248580335598/videos/579826182211168/ ผมฟังแล้วมันไม่สมเหตุสมผลมากๆ
9.การเข้าซื้อกิจการในศรีลังกาเป็นราคาที่แพงเกินไป
10.เมื่อพิจารณธุรกิจในไทยของ GL พบว่าไม่ได้เรื่องเลย
11.บริษัทเน้นเสมอว่าจะขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพราะบันทึกกำไรได้ง่ายกว่าด้วยวิธีดังกล่าว
12.ในกรณีนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการตั้งสำรองเลย เพราะไม่จำเป็นต้องตั้งสำรอง ถึงแม้ GL จะกลับไปตั้งสำรองก็ไม่ทำให้ขอสงสัยหมดไปแม้แต่น้อย
13.ข้อสงสัยที่สำคัญที่สุดคือ GL ทำธุรกิจในต่างประเทศจริงๆหรือไม่
14.GL พยายามอธิบายอ้อมเรื่อง tax id และไม่มี tax id เรื่องกฎหมายของกัมพูชา แต่มันไม่เข้าประเด็น
15.ข้ออ้างที่ว่า master dealer เป็น Executive Right ของมอเตอร์ไซด์บางยี่ห้อ ทำให้บางคนหลงประเด็นได้ เพราะ TK ก็ปล่อยกู้หรือขายได้ทุกยี่ห้อ
ถ้าหากเป็นแบบนี้นั้นหมายความว่า มีบางกลุ่มกำลังปรุงอาหารอยู่รอเสริฟที่โต๊ะ บังเอิญมีคนไหวตัวทันเลยลุกไปก่อน ทำให้คนลุกช้าต้องชดใช้จ่ายรอบวง
มันยังมีประเด็นอีกมากมาย แต่มันเป็นแค่ประเด็นยิบย่อยเพราะประเด็นจริงๆก็คือ GL สร้างกำไรขึ้นมาเองหรือไม่
แต่หากว่า GL ทำธุรกิจจริงๆ คุณก็ยังต้องระวังกับกำไรที่มันไม่สมเหตุผลของธุรกิจ และมันจะอยู่ได้ไม่นาน
*** แก้ไขชื่อประเทศครับจากบังกาลเทศเป็นศรีลังกา