ภาพ St.Roch ในยุคกลางมีหนอนกินีโผล่ออกมา

นักวิจัยชาวอิตาลีได้ตรวจสอบภาพวาดในยุคกลาง
ได้พบภาพที่เห็นได้ชัดและอธิบายได้ถึง
โรคพยาธิ/หนอนกินี Dracunculiasis
ที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิปรสิตที่น่ากลัว
เพราะจะมีหนอนยาวราว 3 ฟุตโผล่ออกมาจากผิวหนัง

ปัจจุบันนี้ พยาธิปรสิตชนิดนี้ยังมีถิ่นที่อยู่
ในพื้นที่ ชาด เอธิโอเปีย มาลี และซูดานใต้
โรคชนิดนี้แพร่ระบาดไปยังผู้ที่ดื่มน้ำ
ที่มีตัวอ่อนของหนอนกินี Dracunculus medinensis
เป็นพาหะแห่งโรคชนิดนี้ฝังตัวอยู่ในหมัดน้ำ สกุล Cyclops

หนึ่งปีหลังจากที่คนดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนตัวหนอนชนิดนี้
หนอนตัวยาวเหมือนเส้นสปาเกตตีขนาด 2 ถึง 3 ฟุต (0.6 ถึง 1 เมตร)
จะปะทุโผล่ออกมาจากบริเวณที่ผุพองของผิวหนังคน
ส่วนมากพวกมันมักจะอยู่ในบริเวณด้านล่างของขาคน
ตามข้อมูลขององค์กรอนามัยโลก World Health Organization

เพื่อลดอาการเจ็บปวดและความรู้สึกที่เหมือนไฟไหม้
จากตัวหนอนที่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง
เพราะมันพยายามจะระเบิดตัว/โผล่ตัวขึ้นมา
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมักจะหาน้ำมาล่อมัน
เพื่อให้ตัวหนอนได้โผล่หัวออกมา
มันจะได้ปลดปล่อยลูกของมันลงในน้ำ
เพื่อเป็นการเริ่มต้นวัฏจักรชีวิตของพวกมันใหม่อีกครั้ง

ผลการศึกษาเรื่องนี้จะตีพิมพ์ในวารสาร
Journal of Dracunculiasis
โรค Dracunculiasis ได้พบเห็นเป็นครั้งแรก
จากภาพวาดของ St.Roch ในศตวรรษที่ 15
ที่จัดแสดงไว้ที่  Pinacoteca di Brera
ตั้งอยู่ที่มิลาน อิตาลี (มีภาพงดงามแสดงจำนวนมาก)

งานศิลป์ชิ้นนี้เป็นภาพวาดผสมแบบโกธิคยุคหลังกับไบเซนไทน์
Late Gothic and Byzantine iconic style
ที่หายากมากของเมือง Bari ในปลายยุคของนครรัฐ Puglia
แสดงให้เห็นถึง St.Roch
นักบุญชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 14
ผู้ได้รับการกล่าวขานยกย่องกันว่า
ได้ช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นไข้กาฬโรค
และท่านก็ติดเชื้อโรคกาฬโรคด้วยเช่นกัน

 
" แท้ที่จริงแล้ว St.Roch
ได้แสดงอาการโรค(หนอนกินี) นี้ที่ต้นขา "

ภาพวาดของจิตรกรนิรนาม
ใน Bari เมืองท่าของนครรัฐ Puglia ในอดีต
ภาพ St. Roch ที่มีผมหยักศกและเคราสีทอง
มีอาการบวมที่ต้นขาด้านซ้าย
หลังจากที่ถลกผ้าคลุมเท้าออกมา

" อย่างไรก็ตามภาพเขียนชิ้นนี้
ได้เพิ่มรายละเอียดที่สมจริงสมจังมากขึ้น
มีเส้นใยสีขาวบาง ๆ โผล่ออกมาจากบาดแผล
และเส้นใยสีขาวนั้นยาวเกือบถึงเข่า "

Raffaele Gaeta นักพยาธิโบราณวิทยา
University of Pisa ให้สัมภาษณ์กัย Live Science

Raffaele Gaeta ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
นักประวัติศาสตร์ศิลป์มักจะระบุองค์ประกอบภาพนี้ไม่ถูกต้อง
โดยมักจะอธิบายว่าเป็น น้ำหนองที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่ติดเชื้อ

" เราเชื่อว่า จิตรกรผู้นี้ได้อธิบายถึงกรณีที่เป็นโรคสมัยโบราณ
คือ โรค Dracunculiasis ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากพยาธิปรสิตตัวจิ๋ว
โรค Dracunculus medinensis ก็เป็นที่รู้จักกันดีในสมัยโบราณ"
Raffaele Gaeta, Fabrizio Bruschi และ Valentina Giuffra
ทั้งสามท่านได้ร่วมกันเขียนผลการศึกษาครั้งนี้

โรค Dracunculiasis เข้าสู่ร่างกายมนุษย์นับเป็นพัน ๆ ปีแล้ว
ตามคริสตธรรมคัมภีร์ไบเบิลฉบับเก่าย้อนหลังไปถึง 1450 ก่อนคริสตศักราช
ทั้งยังมีการกล่าวถึงหนอน ในการแพทย์ของอียิปต์
Ebers Papyrus มีการเขียนไว้ในช่วง 1550 ก่อนคริสตศักราช
ด้วยการแนะนำวิธีดึงตัวหนอนออกจากร่างกาย
โดยการพันตัวมันไปมารอบ ๆ กับแท่งไม้
แล้วค่อย ๆ ดึงมันออกมาจากร่างกาย
และวิธีการดังกล่าวก็ยังใช้กันอยู่จนทุกวันนี้
ตามรายงานอ้างอิงของ Carter Center

ทั้งนี้ยังมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมในยุคอียิปต์โบราณ
เรื่องการมีอยู่ของหนอนที่ค้นพบในช่วงปี 1970
เพราะพบหนอนกินีขดอยู่เป็นก้อน
ในช่องท้องของมัมมี่อายุกว่า 3,000 ปี

Raffaele Gaeta นักพยาธิโบราณวิทยา
เชื่อว่าในคัมภีร์ไบเบิ้ลที่ระบุว่า
งูพิษไฟ ที่โจมตีชาวอิสราเอล
ที่อพยพหนีออกจากอียิปต์อาจจะเป็นหนอนกินี
เพราะมีการติดเชื้อเกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย
ในแถบตะวันออกกลางในช่วงที่พวกยิวอพยพ
แม้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็ยังมีการแพร่ระบาดอยู่

" หนอนนี้ไม่ได้ฆ่าคน
แต่จะทำให้เหยื่อทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส
พยาธิปรสิตที่มีฉายาว่า งูพิษไฟ
เพราะมันทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมาก
เหมือนไฟที่เผาไหม้ผ่านชั้นผิวหนังขึ้นมา "

แม้ว่าโรคชนิดนี้จะไม่มีการจดบันทึกไว้ในอิตาลีสมัยก่อน
แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า จิตรกรนิรนามรายนี้
ได้สังเกตเห็นหนอนนี้ในบาดแผลของผู้เคราะห์ร้าย
ที่เป็นนักเดินทางบางรายที่เดินทางมาถึง Bari
ท่าเรือที่สำคัญสำหรับผู้เดินทางมาจากตะวันออกกลาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากซีเรียและปาเลสไตน์

" หลังจากนั้นจิตรกรนิรนาม
ก็เขียนเส้นใยสีขาวยาวและบาง ๆ
ที่โผล่ออกมาจากขาผู้เคราะห์ร้าย
ทำให้เห็นชัดเป็นข้อสังเกตที่สมจริงที่สุด "
Raffaele Gaeta ให้ข้อสังเกต

" ผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ให้ความสำคัญกับ
การป้องกันโรคติดเชื้อ/โรคระบาด
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในโลกยุคใหม่

ผมคิดว่า มันค่อนข้างมีเสน่ห์
กับการที่จิตรกรได้ให้สมมุติฐานในภาพว่า
โรคนี้เป็นโรคเฉพาะถิ่น (ไม่แพร่หลายทั่วไป)
มาจากคนบางคนที่มาถึง Bari
มาจากภูมิภาคแห่งอื่น
ที่ไม่ใช่ในคาบสมุทรอิตาลี "

Francesco Galassi นักพยาธิวิทยาโบราณ
Zurich University's Institute of Evolutionary Medicine
ให้สัมภาษณ์ Live Science

ผลลัพธ์จากการรณรงค์มากว่า 30 ปี
ที่นำโดย Carter Center
องค์กรการกุศลเพื่อคุณภาพชีวิตชาวโลก
ที่มีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
Jimmy Carter เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรนี้

โรค Dracunculiasis น่าจะเป็นลำดับที่ 2
ของโรคติดต่อ/โรคระบาดรองจากไข้ทรพิษ
ที่ถูกกำจัดไปเกือบหมดแล้วในประวัติศาสตร์โลก
และน่าจะเป็นโรคพยาธิตัวแรกของโลก
ที่ถูกกำจัดออกไปโดยไม่ต้องใช้ยาหรือวัคซีน

ในปีค.ศ.2016 ตามรายงานขององค์กรอนามัยโลก WHO
มีผู้ป่วยจากโรคพยาธิ/หนอนกินีเพียง 25 รายทั่วโลก
ลดลงจากผู้ป่วยที่ประมาณการว่ามีถึง 3.5 ล้านรายในปีค.ศ.1986

เรียบเรียง/ที่มา

https://goo.gl/cyJWbf





ที่มา https://goo.gl/vWV8XF



ที่มา https://goo.gl/heDWT8



ที่มา  Journal of Dracunculiasis



ที่มา https://goo.gl/sBHhO3



ที่มา https://goo.gl/FMALWJ



ที่มา https://goo.gl/eUzhKN



ที่มา https://goo.gl/2tLoMJ



2007 อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา Jimmy Carter ขณะพยายามปลอบโยน
Ruhama Issah เด็กหญิงวัย 6 ขวบจากกาน่า ที่มีหนอนกินีฝังตัวอยู่ในขา
ประเทศกาน่า รายงานว่า พบหนอนกินีตัวสุดท้ายในปีค.ศ.2010

Jimmy Carter: I Want the 'Last Guinea Worm to Die Before I Do'
Credit: The Carter Center | L. Gubb
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่