หลวงพ่อทัตตชีโว กับตลาดหุ้น เชื่อหรือไม่เชื่อ???

หลวงพ่อทัตตชีโว กับตลาดหุ้น เชื่อหรือไม่เชื่อ???


หลายท่านคงทราบข่าวคราวเรื่องที่วัดพระธรรมกาย โดยหลวงพ่อทัตตชีโว ไปเกี่ยวพันกับตลาดหุ้นแล้ว เมื่อมีข่าวนี้ออกมาย่อมแน่นอนว่า ความเชื่อต้องถูกแบ่งออกเป็น ๒ สาย คือเชื่อกับไม่เชื่ออยู่แล้ว

๑. ฝ่ายที่เชื่อก็มีเหตุผลอยู่ ๒ อย่าง คือ

๑.๑ เชื่อเพราะอยากจะเชื่ออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอะไรก็ตามที่ออกมา
เป็นด้านลบของวัดก็พร้อมจะเชื่อทันที เชื่อเพื่อสนองความปรารถนาของตน แต่ถ้าเป็นข่าวด้านบวก ก็ขอคิดดูก่อน

๑.๒ เชื่อเพราะเอาตัวเองไปเทียบ ในเมื่อชีวิตฆราวาส เงิน คือ ตัวความสุข
เงิน คือ ชีวิต ไม่มีอะไรสำคัญกว่าเงิน พระก็คงเช่นเดียวกันกับเรา เมื่อมีช่องทางทำกำไรท่านก็คงจะเลือก โดยลืมไปว่า รูปแบบการครองชีวิตของท่านกับของเรา คนละอย่างละเรื่องกันเลย

๒. ฝ่ายที่ไม่เชื่อก็มีเหตุผลอยู่ ๒ อย่าง

๒.๑ ไม่เชื่อเพราะ เอาตัวเองไปเปรียบ เช่นเดียวกับกรณี นักข่าวสพ.ไทยรัฐประกาศไม่เชื่อข่าวสีกากับพระยันตระ หลังจากได้ร่วมเดินธุดงค์หนึ่งเดือน

๒.๒ ไม่เชื่อเพราะคิดรอบคอบแล้ว หลวงพ่อทัตตชีโว ท่านได้ตั้งใจบวชตลอดชีวิตเพื่อทำงานรับใช้ศาสนา โดยได้เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ตั้งแต่
วัยหนุ่ม และปัจจุบันอายุถึง ๗๖ ปีแล้ว ท่านจะเล่นหุ้นไปเพื่ออะไร? และที่สำคัญพระที่มีปฏิทางดงาม เป็นครูที่ดี ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงวัยชรา ' ท่านสละชีวิตฝากไว้กับพุทธศาสนา จำเป็นอะไรที่จะต้องใช้เงินถึงกับต้องไปเล่นหุ้นเฉกเช่นฆราวาสเล่า!! '' เพราะชีวิตท่านอยู่ได้เพราะอาศัยศีล อาศัยธรรมมิใช่อาศัยเงินเช่นฆราวาส '

#แต่ถ้าคิดอย่างผู้ไม่ประมาทจะพบว่า หลวงพ่อทัตตชีโว คือพระสงฆ์เบอร์ ๑ ที่ถูกวางตัวให้เป็นเจ้าอาวาสรูปต่อไป แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่ใช่แผนสกัด ไม่ให้ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาส หรือคิดว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย!!

Cr. ผู้ศรัทธาในรอยธรรม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เชื่อเพราะ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัยแล้ว

ความคิดเห็นที่ 1
ไม่เชื่อเพราะ
1.พระภิกษุเล่นหุ้นไม่ได้
2.จะโอนให้คนอื่นเล่นแทนก็เสี่ยงไป
3.เจ้าภาพมีกำลังทรัพย์มากมาย รับปัจจัยที่นำมาถวายเลยง่ายกว่า
4.รายจ่ายในวัดไม่ใช่น้อย งานก่อสร้างเพียบ จะมีเงินเอาไว้เล่นซักเท่าไหร่ เสียเวลา เสี่ยงด้วย
อันนี้พูดแบบที่คนทั่วไปน่าจะลองคิดเล่นๆ
ส่วนที่คนวัดมองคือ วัดมีกฎระเบียบชัด ตั้งแต่สมัยคุณยายยังอยู่ว่าห้ามทำธุรกิจกันในวัด
ถ้าท่านทำซะเอง ท่านอยู่ไม่ได้แน่นอน
ความคิดเห็นที่ 57
ไม่เช่ือ  อย่างยิ่ง
ท่านอายุ 72 ปีแล้ว เป็นพระ ไม่มีทายาท
และ ลองอ่านบทความนี้ดู


     " ข้อกล่าวหา "เอาเงินวัดมาเล่นหุ้น" คนกล่าวหา มีความรู้เรื่องการเงินติดลบทีเดียว
    วัดหรือโบสถ์ในศาสนจักรทุกแห่งทั่วโลก รวมทั้งสำนักคุณไสยสารพัด มีสินค้าหลักที่เป็นจุดขายโดดเด่นคือ ศรัทธา" ซึ่งไม่สามารถตีค่าต้นทุนได้ แต่ตีออกมาเป็นมูลค่าทางธุรกรรมได้
    การตลาดที่เน้นศรัทธาแบบนี้เรียกว่า  holistic marketing ที่ส่งต่อให้เกิดธุรกรรมทางการเงินในแบบ holistic finance ได้
    
     หลักการง่ายๆของ holistic finance คือ แปลงศรัทธาให้เป็นทุนทรัพย์ หรือ เรียกให้เพราะคือ holistic OPM นั่นเอง โดยที่ ศรัทธาวัดต้นทุนไม่ได้ จึงมีค่าต้นทุนในทางบัญชีใกล้กับ 0 แต่สามารถสร้าง"ส่วนเหลื่อม"หรือ พรีเมี่ยมของมูลค่า ได้หลายสิบหลายร้อยเท่า
     การะดมทุนทรัพย์โดยมีจุดขายเป็นศรัทธานี้ ดีกว่าตลาดการเงิน ตลาดหุ้น หรือตลาดตราสารหนี้มากน้อยแค่ไหน ตอบได้ว่าดีกว่าหลายร้อยหลายพันเท่า เพราะHolistic OPM เป็นไปตามหลัก"3ไม่" คือ   1) ไม่ต้องจ่ายปันผลเหมือนระดมทุนขายหุ้น   2) ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเหมือนตราสารหรี้หรือสินเชื่อเงินกู้ หรือบัตรเครดิต  3) ไม่มีใครอ้างเป็นหุ้นส่วน   4) ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีหน้าที่ต่อกันและกันภายหน้าในธุรกรรมที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง
    สวนลอยแห่งบาบิโลเนียนในอดีต ,วิหารทองคำในรัฐปัญจาบของชาวซิกข์ ,หินกาบะห์ที่เมกกะของมุสลิม ,วาติกันของสำนักคาธอลิก ,วัดเส้าหลินของพุทธมหายาน และวัดพระธรรมกายของพุทธหีนยาน ถูกสร้างขึ้นมาให้เห็นความมั่งคั่งที่เป็นรูปธรรม ในรายละเอียดที่ต่างกันออกไป แต่มีฐานรากเดียวกันคือ ศรัทธา
    ในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา การะดมทุนขนาดใหญ่ สามารถทำได้หลากรูป แต่ที่ง่ายสุด และทำกันประจำคือ การทอดผ้าป่า (ปีละหลายครั้ง)และ ทอดกฐินปีละครั้ง (ไม่นับงานกิจกรรมอื่นๆ)
     ไม่มีความจำเป็นต้องหาเงินเพิ่มด้วยการทำอย่างอื่น โดยเฉพาะเอาเงินให้คนมาเล่นหุ้น ที่ใครๆก็รู้ดีว่า เป็นขาขึ้นปีละแค่ 4 เดือน เป็นขาลงเสีย 8 เดือน ที่สำคัญ .... ถูกตรวจสอบเส้นทางเงินง่ายสุด "
  
( ชัดเจน เข้าใจง่าย)
    (  Cr.คุณ วิษณุ  )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่