[CR] 14 วัน 11 เมือง 7 ประเทศ: ประสบการณ์แบ็กแพ็กเที่ยวยุโรปครั้งแรก

สวัสดีครับ นี่คือกระทู้แรกของผม แนะนำตัวก่อน ผมเป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ในฟิลิปปินส์ ทริปครั้งนี้เป็นการเที่ยวในเขตประเทศเชงเก้น ประกอบด้วยเมืองต่างๆ ดังนี้: Tromsø -> Amsterdam -> Brussels -> Paris -> Zermatt -> Milan -> Venice -> Pisa -> Florence -> Rome -> Barcelona ส่วนใหญ่เน้นเดินลุยกันทั้งวัน

ขอท้าวความก่อนนิดนึง ตอนแรกทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน (2016) จากการที่เพื่อนผมที่ออฟฟิศมากระซิบบอกว่ามีตั๋วถูกไปกลับ กรุงเทพ-ออสโล ของ Norwegian เดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน (ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้ว่ามันถูกจริงรึเปล่า) เราจึงเกิดไอเดียไปดูแสงเหนือกันที่นอร์เวย์ขึ้น สรุปก็ซื้อตั๋วเรียบร้อย มีเวลาในทริปนี้ราว 2 สัปดาห์ แต่ไปๆ มาๆ เริ่มคิดได้ว่าเออ ถ้าไหนๆ จะขอวีซ่าเชงเก้นแล้ว ไมไม่เที่ยวหลายๆ ประเทศไปเลยล่ะ แถมถ้าอยู่นอร์เวย์ตั้ง 2 อาทิตย์ก็ไม่รู้จะทำไร ยิ่งถ้าไม่ได้เห็นแสงเหนือนี่ยิ่งแป่กเลยนะ นั่นแหละการตะลอนในยุโรปก็เริ่มจากตรงนั้น ในขณะที่ภารกิจดูแสงเหนือถูกบดบังจนแทบจะกลายเป็นลูกเมียน้อยไปเลย

ค่าใช้จ่าย:
- ค่าเดินทาง ทริปนี้ผมนั่งเครื่องบินไป 6 ครั้ง มีไฟลท์ กรุงเทพ-ออสโล, ออสโล-ทรุมเซ่อ, ทรุมเซ่อ-ออสโล, ออสโล-อัมสเตอร์ดัม, โรม-บาร์เซโลน่า และบาร์เซโลน่า-กรุงเทพ ไม่ขอนับตั๋วไปกลับ มะนิลา-กรุงเทพ เพราะเป็นตั๋วที่ได้จากบริษัท และนั่งรถไฟไปอีก 12 ขบวน รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณ 47,000 บาท (ถ้าไม่ซื้อตั๋วขากลับออสโล-กรุงเทพไว้ตอนแรกก็ประหยัดกว่านี้ไปได้ประมาณ 7 พัน)
- ค่าที่พัก มีแค่ทรุมเซ่อที่พักบ้านโฮสต์จาก Airbnb นอกนั้นเช่าโฮสเทลนอนสลับกับโรงแรมใน booking.com ทั้งหมด 13 คืนเป็นเงินราว 11,000 บาท
- ค่าทำวีซ่า+ค่าธรรมเนียม เป็นเงินราว 3,500 บาท
- ค่าทำประกันราว 2,500 บาท
- นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลในระหว่างทริป ทั้งค่ากิน+ค่าระบบขนส่งในเมือง+ค่าซื้อของ+ค่าเข้าสถานที่เที่ยว ใช้ไปประมาณ 36,000 บาท สรุปแล้วทริปนี้หมดไปประมาณแสนหน่อยๆ ต่อคน

ขั้นแรกเลย ก่อนจะทำอะไรก็ต้องขอวีซ่าให้ได้เสียก่อน ผมไปขอวีซ่าเชงเก้นกับสถานทูตนอร์เวย์ในมะนิลา ขั้นตอนง่ายดาย ไปกรอกข้อมูลในเว็บก่อน เสร็จแล้วจ่ายตังค์เพื่อจองคิว คิวโล่งมาก เหมือนไม่มีใครจองไรเลย แถมไม่ต้องไปถึงสถานทูตเพราะที่นี่มีเอเจนซี่คอยดูแลอีกทีนึง พอถึงวันนัดก็เตรียมเอกสารไปยื่นให้เขา คนแทบไม่มีเลย ตอนยื่นเอกสาร พนักงานถามข้อมูลนิดหน่อย มีถ่ายรูป สแกนลายนิ้วมือเล็กน้อยก็เสร็จ ปรากฎว่า 5 วันต่อมาไปเอาได้เลย รวดเร็วเกินคาด ส่วนตัวแล้วผมมองว่าการขอวีซ่าเชงเก้นนั้นไม่ยาก เตรียมเอกสารที่เขาต้องการให้ครบ ทำ statement ให้ดูดีสมเหตุผลกับทริปที่ไป และเขียน itinerary ให้ make sense ก็น่าจะไม่มีปัญหา

ขั้นต่อมาก็เป็นมหกรรมจองตั๋วทุกอย่างทั้งเครื่องบิน รถไฟ และที่พัก ตั๋วเครื่องบินนี่ต้องคอยสอดส่องหาตั๋วถูกกันไป ถ้าอันไหนไม่ทันก็ต้องยอมจ่ายแพงหน่อย แต่มีสายการบินอย่าง Scandinavia ที่ออกราคาตั๋วถูกแบบสุ่มๆ วันนึงแพง วันนึงถูก ไม่รู้มีหลักการยังไง ส่วนตั๋วรถไฟผมหาจาก SNCF สะดวกดี ส่วนในอิตาลีซื้อจาก Italiarail ล้วนๆ

ต่อมาคือการเตรียมตัวว่าจะไปไหนยังไงบ้าง เนื่องด้วยแผนการเที่ยวของผมหากไม่นับในนอร์เวย์จะค่อนข้างแน่นเอี้ยดมากเพราะเวลาน้อย ผมกับเพื่อนจึงได้ทำ Itinerary for Dummies ขึ้นมาเพื่อบันทึกทุกอย่างว่าไปที่ไหน ไปยังไง กี่โมง ข้อมูลละเอียดชนิดที่ยังไงก็ไม่หลงสำหรับพวกบื้อๆ  แบบเราสองคน และที่สำคัญหากรู้ทุกอย่างแน่นปึ้กจะช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องมาเดินหลงไปหลงมาด้วย อันนี้ผมทำใส่กูเกิ้ลด็อคแล้วตั้งอ่านแบบออฟไลน์ในมือถือได้

เสร็จก็เตรียมสัมภาระและอุปกรณ์ เนื่องจากเป็นการแบ็กแพ็กเที่ยวเปลี่ยนเมืองไปเรื่อยๆ เราจึงต้องคล่องตัว ผมเอากระเป๋าสะพายใหญ่ที่ใส่ของทุกอย่างไป 1 ใบ, กระเป๋าสะพายเล็กไว้ใส่ตอนเดินเที่ยว (ที่สามารถกันฝนและยัดใส่ใบใหญ่ได้) 1 ใบ, เสื้อผ้าสำหรับอากาศหนาว, Universal Adapter อันนี้สำคัญจริงๆ ได้ใช้ตลอด และ กระเป๋าคาดพุง ไว้ใช้ในบางเมืองที่รู้สึกว่าการเอาของสำคัญใส่ในกระเป๋ากางเกงนั้นไม่ปลอดภัย ส่วนเรื่องเน็ทมือถือ ผมซื้อซิม sim to fly ของเอไอเอสมาใช้ 899 บาทมีแพ็คเกจใช้โรมมิ่งได้ 15 วันในประเทศที่กำหนด เข้าข่ายประเทศที่ผมไปอยู่ 4 จาก 7 ประเทศเลยซื้อดาต้าเพิ่มบางประเทศที่ไม่มี

ทีนี้ก็ได้เวลาออกเดินทาง ขึ้นเครื่องจากสุวรรณภูมิตอน 9 โมงเช้า เป็นเที่ยวบินตรงใช้เวลา 13 ชั่วโมง ยาวๆ ไปครับ ดูหนัง 5 เรื่องรวดสลับกับอ่านหนังสือ ตื่นบ้างหลับบ้าง แป๊ปๆ ก็ถึงสนามบิน Gardermoen ที่ออสโลตอนสี่โมงเย็น เดินออกมาจากเครื่องปั๊บสัมผัสถึงความหนาวได้ทันที ตม. ใช้เวลาเช็คแต่ละคนนานพอสมควรและค่อนข้างเข้มงวด ผมสังเกตุดูหากใครตอบตะกุกตะกักหรือไม่เคลียร์ เค้าจะยิ่งซักยิ่งดุ ถ้าเค้าถามไรก็ตอบให้ชัดเจนครับ ผ่านฉลุยแถมไม่โดนดุ

พอผ่านตม. มาก็เป็นอันถึงนอร์เวย์อย่างเป็นทางการ ตอนนั้นเวลาห้าโมงกว่าแล้ว ท้องฟ้ามืดตึ้บ ผมไม่ขอนับว่ามาเที่ยวออสโลเพราะเหมือนมาเพื่อนอนเน่ารอเปลี่ยนเครื่องไปทรุมเซ่ออย่างเดียวมากกว่า คืนแรกจองโรงแรมใกล้สนามบินเอาไว้ โรงแรมมีบริการโทรเรียกให้รถไปรับที่สนามบินได้ ตอนนั้นหิมะตกแล้ว เดินออกไปข้างนอกนี่ตัวสั่นทันที ไม่ชินกับความหนาวขนาดนี้ สาวจากโรงแรมที่ขับรถมารับบอกว่าเป็น first snow พอดีเลย โรงแรมชื่อ Gardermoen Hotel Bed & Breakfast  มีอาหารเช้าให้ฟรี ตักกินไม่อั้น คืนเดียวค่าห้อง 695 โครน + ค่ารถอีกคนละ 140 ถือว่าแพงสุดในทริปนี้แล้ว มีความ ironic เบาๆ คืนนั้นหลับยาวเลย นั่งเครื่องบินมานานจัด
ภายในโรงแรมที่ออสโล

เช้าวันต่อมาก็ต้องให้โรงแรมไปส่งที่สนามบินเดิม หิมะยังคงโปรยปราย รอบนี้อัดเสื้อผ้าแบบหนาๆ แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี 6 โมงแล้วฟ้ายังมืดอยู่เหมือนเดิม รอขึ้นเครื่องไปทรุมเซ่อ สนามบิน Gardermoen มีเน็ทให้ใช้ฟรีด้วย เมื่อวานยังมึนๆ บวกตื่นเต้น วันนี้สติกลับมา เริ่มสังเกตแวดล้อมรอบข้าง ผู้คนที่นี่ตัวสูงกันเป็นยักษ์ปักหลั่นหมดเลย แม้แต่ผู้หญิงก็สูงกว่าผมทั้งนั้น ขนาดตัวเองสูง 175 แล้วนะ ส่วนข้าวของราคาแพงระดับนึงตามคำร่ำลือ
กลับมาที่สนามบิน Gardermoen หิมะยังคงโปรยปราย

จากออสโลไปทรุมเซ่อใช้เวลา 2 ชั่วโมง ลงที่สนามบิน Tromsø ตามชื่อเมือง โฮสต์จาก Airbnb ขับรถมารับที่สนามบิน เป็นผู้หญิงตัวใหญ่ๆ (แหงล่ะ) ชื่อ Gry ป่านนี้ยังไม่รู้เลยชื่อเค้าออกเสียงไง มีอายุแต่ยังดูวัยรุ่นอยู่ นิสัยดีมาก เคยไปเรียนดำที่เกาะเต่าด้วยเมื่อ 15 ปีก่อน ทรุมเซ่อเป็นเมืองเกาะเล็กๆ ทางตอนเหนือของนอร์เวย์ ตอนไปถึง หิมะยังไม่ตกแต่ก็ยังหนาวจนต้นหญ้าเป็น frost อยู่ดี อุณหภูมิประมาณ -4 บ้านโฮสต์ขนาดกำลังดี ข้างในสะอาดเอี่ยม โฮสต์นอนห้องเล็ก ส่วนห้องนอนแขกใหญ่กว่า มี 3 เตียง นอนสบาย ผ้าห่มเพียบ สามารถหยิบนู่นหยิบนี่กินได้ ราคาสองคืนคนละ 31 ยูโร แนะนำกันเสร็จ โฮสต์จะเข้าตัวเมืองเลยขอติดรถไปด้วย ช่วงตัวเมืองที่เค้าเรียกว่า sentrum ก็เล็กๆ เดินชั่วโมงนึงก็ทั่วแล้ว มีโบสถ์ มีมิวเซี่ยมโน่นนี่ มีศูนย์นักท่องเที่ยว มีเซเว่น มีร้านสัก มีร้านนวดไทยแต่ไม่มีร้านอาหารไทย มีโรงหนัง ที่ชอบสุดคือห้องสมุด เหมือนห้องสมุดในฝัน สวยดูไฮโซ มีหนังกับหนังสือให้ดูให้อ่านเพียบ มีไวไฟแรงโคตรๆ ให้ใช้ฟรีด้วย ถ้าไม่รู้จะไปไหนมาหมกตัวอยู่นี่ได้สบาย เมืองนี้พระอาทิตย์ทำงานพาร์ทไทม์ กว่าจะขึ้นก็แปดโมงกว่า พอบ่ายสองตกดินและ สามสี่โมงยังกะสามสี่ทุ่ม สรุปบรรยากาศชิว เงียบสงบ ธรรมชาติและทัศนียภาพงดงาม (สัสๆ) เป็นเมืองที่ผมประทับใจสุดในทริปนี้
ด้านหน้าสนามบิน Tromso
Tromsø Cathedral
Polaria
ห้องสมุด Tromso Bibliotek og Byarkiv เริศศศศ

คนแถวนี้ให้ความเคารพกฎจราจรกันมาก ทุกอย่างมีมาตรฐาน ที่สำคัญการใช้รถใช้ถนนจะให้ความสำคัญกับคนข้ามถนนก่อน ถ้าสมมติทางม้าลายตรงไหนไม่มีสัญญาณไฟ สามารถเดินข้ามได้เลยโดยที่รถต้องเป็นฝ่ายหยุดให้ ชอบมาก

เป้าหมายวันนี้คือการล่าแสงเหนือ ผมซื้อทัวร์ดูแสงเหนือเอาไว้ จ่ายไปคนละ 990 โครน รถมารับที่จุดนัดตอนทุ่มนึง เป็นรถตู้คันใหญ่ๆ มีเพื่อนร่วมเดินทางไปเกือบเต็มคัน มีวิดีโอเกี่ยวกับแสงเหนือให้ดูก่อน ไกด์แอบขายฝันว่าวันนี้จะได้เจอ รถขับออกมาไกลหลายสิบโล แวะนูนแวะนี่หาจุดเหมาะๆ ไปเรื่อย พอลงรถมานอกจากหนาวแล้วลมยังแรง โดนซัดหนักๆ เข้าก็ไม่ไหว สุดท้ายขอขึ้นไปนั่งสั่นในรถขนาดใส่ thermal suit ที่เค้าเตรียมให้ สรุปวันนั้นฟ้าปิด มืดตื๋อ ไม่เห็นไรซักอย่าง กินแห้วกันไป ซื้อทัวร์ไว้แค่วันนี้วันเดียวซะด้วย

วันต่อมาทำใจ วันนี้ค้างคืนที่ทรุมเซ่อวันสุดท้ายไงก็คงไม่ได้เห็นแสงเหนือ เช้าออกมาเดินถ่ายรูปเล่นตรงทะเลสาบหน้าบ้านโฮสต์ อากาศดีมาก แดดออกด้วย ตั้งแต่มานอร์เวย์พึ่งโดนแดดส่องหน้าครั้งแรก วันนี้โฮสต์ขับรถพาไปดูโบสถ์บางแห่งที่อยู่นอกตัวเมือง เสร็จขอติดรถโฮสต์ไปลงที่ตัวเมืองเหมือนเดิม ตามเก็บที่ที่เมื่อวานไม่ได้ไป แป๊ปเดียวเกลี้ยงเมือง กลับไปตายรังห้องสมุดเช่นเดิม ไปลองกินเบอร์เกอร์คิง เครื่องดื่มมีให้กดเองได้ไม่อั้น ตอนกดน้ำแข็งด้วยความเคยชิน คนหันมองทั้งร้าน พอตกบ่าย (ซึ่งมืดตื๋อแล้ว) เจอโฮสต์ที่ห้องสมุดพอดีเคยขอติดรถกลับบ้านด้วย
วิวปากซอยบ้านโฮสต์
บ้านโฮสต์
ด้านในห้องนั่งเล่น
นี่คือโฮสต์ถ่ายกับเพื่อนผมหน้าโบสถ์ Elverhøy kirke ขออนุญาตปิดหน้าเพื่อน 555
โบสถ์ Arctic Cathedral
โรงหนัง Aurora Kino Fokus อยู่ติดกับห้องสมุดเลย

พอดีมีเพจนึงรายงานว่าค่า kp แสงเหนือตอนนี้อยู่ที่ 4.00 แถมวันนี้ฟ้าไม่ปิด พอมืดได้ที่เลยออกไปเสี่ยงดวงกับเพื่อนดูที่ริมทะเลสาบหน้าบ้านโฮสต์ ตอนเพิ่งออกมาหน้าบ้าน เงยหน้าดูเห็นท้องฟ้าสีแปลกๆ ลองเอากล้องถ่ายดู ปรากฎมีสีเขียว เข้!! รีบวิ่งเลยครับ ตื่นเต้นมาก หมกมุ่นอยู่ 2-3 ชั่วโมง แสงเหนือมาเรื่อยๆ มองด้วยตาเปล่าเป็นสีซีดๆ ขาวๆ เสียดายไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาเพราะฝากความหวังทั้งหมดไว้กับทัวร์ แถมแสงไฟจากเมืองก็เยอะ อากาศหนาวอีก ถือกล้องทีมือสั่นงักๆ รูปกดไปเป็นร้อยที่พอดูได้มีไม่ถึงสิบ แต่ก็พอใจล่ะ ได้เห็นแสงเหนือแบบโง่ๆ งงๆ ครั้งแรกในชีวิต
ชื่อสินค้า:   แบ็กแพ็กเที่ยวยุโรป
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่