ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนเลยนะคะ
เราเปิดร้านขายของออนไลน์เล็กๆ ภายใต้บริษัทของตัวเอง ดีลงานกับเซลล์ชาวจีนท่านนึงมาเกือบ 1 ปีแล้ว
มีสินค้าตัวนึงขายได้เรื่อยๆ เป็น
กำไรหลักของร้านเลย ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่า
สินค้าบางตัวที่สั่งมาจำหน่ายในไทยนั้น
ทางบริษัทได้สั่งโรงงานข้างนอกทำอีกทีนึง
จุดพีคมันมาอยู่ที่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เซลล์ท่านนี้ ลาออกจากบริษัทไป พอเค้าลาออกไปก็มีหัวหน้าผู้หญิงมารับช่วงแทน ซึ่งธุรกิจก็ดำเนินต่อไป
หลังจากนั้น 2-3 วัน เซลล์ท่านนี้อีเมล์มาหาเรา แจ้งว่าจริงๆแล้วเรารู้หรือไม่ว่าบริษัทนี้ได้จ้างโรงงานผลิตสินค้าตัวนี้อีกทอดหนึ่ง
ซึ่งขณะนี้เค้าได้ทำงานให้โรงงานนี้แหละ และ
เสนอขายสินค้าตัวนี้ให้ในราคาที่ถูกกว่าถึง 1.25 USD ต่อชิ้น
เค้าพยายามติดต่อเราถี่มาก ล่าสุดเราสั่งของที่บริษัทเดิมไป เซลล์ท่านนี้อีเมล์มาบอกว่า
"สั่งของกับบริษัทไปใช่ไหม ของติดเทรดมาร์กนะ บริษัทส่งของให้ไม่ได้หรอก แต่โรงงานของเรามีพร้อมส่ง
เราส่งไปให้ก่อนได้เลย ค่อยไปขอเงินคืนจากบริษัทแล้วมาจ่ายเราที่หลังได้"
เราก็อีเมล์ไปถามทางบริษัทๆ ตอบกลับมาว่าได้ส่งของเข้าโกดังเราแล้ว พอเช็คก็เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งค่ะ
ซึ่งเราก็อีเมล์ประณีประนอมทั้งสองฝ่ายนะคะ เราแจ้งทางบริษัทด้วยว่าเซลล์คนเก่าของคุณทำแบบนี้ๆนะ
ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ไปว่าๆเซลล์ทำไม่ดีหรือใส่ร้ายอะไร เขายังดำเนินธุรกิจกับเราต่อปกติ
วันนี้เราได้รับอีเมล์หนึ่งซึ่งทำให้เราค่อนข้างกลุ้ม เค้าบอกว่าหากเรายังซื้อของกับบริษัทอยู่ โรงงานของเค้าจะปล่อยสินค้าตัวนี้ให้เจ้าอื่นในไทยในราคาที่ถูกกว่าของเรานี่แหละ แล้วคนเดือดร้อนก็จะเป็นร้านเรานะ.....(เนื้อหาอีเมล์ซ่อนไว้นะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้I will find another customer in Thailand market for this model with lower price than yours. It is not good for you.
เราไม่ได้กลัวเลยว่าเค้าจะปล่อยของให้เจ้าอื่นมาขายแข่ง เพราะเรามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และเป็นปกติของธุรกิจนั่นแหละ
อีกอย่างคือตราแบรนด์ตีคนละแบรนด์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เรากลัวคือเขาจะกั๊กของไม่ส่งให้บริษัทที่เราติดต่อค่ะ
สาเหตุที่เราเลือกทำธุรกิจต่อกับบริษัทคือเครดิตทั้งของเค้าและของเรา เพราะมันเชื่อใจกันได้แล้ว ซื้อขายกันมามากกว่าหกหลักแล้ว
เราควรที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไงดีคะ?
ของถูกกว่าก็อยากได้นะ เพราะลดต้นทุนได้เยอะ ตีคร่าวๆ 1000 ชิ้นลด 40 บาท ก็ 40,000 บาท เลยทีเดียว
แต่เราไม่ไว้ใจเซลล์ค่ะ เลยคิดว่าจะเมล์ไปขอบคุณเค้าที่ให้โอกาส แต่ขอคราวหน้าละกัน
ขอคำปรึกษาค่ะ เราจะจัดการกับกรณีเซลล์แบบนี้อย่างไร
เราเปิดร้านขายของออนไลน์เล็กๆ ภายใต้บริษัทของตัวเอง ดีลงานกับเซลล์ชาวจีนท่านนึงมาเกือบ 1 ปีแล้ว
มีสินค้าตัวนึงขายได้เรื่อยๆ เป็นกำไรหลักของร้านเลย ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าสินค้าบางตัวที่สั่งมาจำหน่ายในไทยนั้น
ทางบริษัทได้สั่งโรงงานข้างนอกทำอีกทีนึง
จุดพีคมันมาอยู่ที่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เซลล์ท่านนี้ ลาออกจากบริษัทไป พอเค้าลาออกไปก็มีหัวหน้าผู้หญิงมารับช่วงแทน ซึ่งธุรกิจก็ดำเนินต่อไป
หลังจากนั้น 2-3 วัน เซลล์ท่านนี้อีเมล์มาหาเรา แจ้งว่าจริงๆแล้วเรารู้หรือไม่ว่าบริษัทนี้ได้จ้างโรงงานผลิตสินค้าตัวนี้อีกทอดหนึ่ง
ซึ่งขณะนี้เค้าได้ทำงานให้โรงงานนี้แหละ และเสนอขายสินค้าตัวนี้ให้ในราคาที่ถูกกว่าถึง 1.25 USD ต่อชิ้น
เค้าพยายามติดต่อเราถี่มาก ล่าสุดเราสั่งของที่บริษัทเดิมไป เซลล์ท่านนี้อีเมล์มาบอกว่า
"สั่งของกับบริษัทไปใช่ไหม ของติดเทรดมาร์กนะ บริษัทส่งของให้ไม่ได้หรอก แต่โรงงานของเรามีพร้อมส่ง
เราส่งไปให้ก่อนได้เลย ค่อยไปขอเงินคืนจากบริษัทแล้วมาจ่ายเราที่หลังได้"
เราก็อีเมล์ไปถามทางบริษัทๆ ตอบกลับมาว่าได้ส่งของเข้าโกดังเราแล้ว พอเช็คก็เป็นไปตามที่บริษัทแจ้งค่ะ
ซึ่งเราก็อีเมล์ประณีประนอมทั้งสองฝ่ายนะคะ เราแจ้งทางบริษัทด้วยว่าเซลล์คนเก่าของคุณทำแบบนี้ๆนะ
ซึ่งเค้าก็ไม่ได้ไปว่าๆเซลล์ทำไม่ดีหรือใส่ร้ายอะไร เขายังดำเนินธุรกิจกับเราต่อปกติ
วันนี้เราได้รับอีเมล์หนึ่งซึ่งทำให้เราค่อนข้างกลุ้ม เค้าบอกว่าหากเรายังซื้อของกับบริษัทอยู่ โรงงานของเค้าจะปล่อยสินค้าตัวนี้ให้เจ้าอื่นในไทยในราคาที่ถูกกว่าของเรานี่แหละ แล้วคนเดือดร้อนก็จะเป็นร้านเรานะ.....(เนื้อหาอีเมล์ซ่อนไว้นะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราไม่ได้กลัวเลยว่าเค้าจะปล่อยของให้เจ้าอื่นมาขายแข่ง เพราะเรามีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และเป็นปกติของธุรกิจนั่นแหละ
อีกอย่างคือตราแบรนด์ตีคนละแบรนด์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เรากลัวคือเขาจะกั๊กของไม่ส่งให้บริษัทที่เราติดต่อค่ะ
สาเหตุที่เราเลือกทำธุรกิจต่อกับบริษัทคือเครดิตทั้งของเค้าและของเรา เพราะมันเชื่อใจกันได้แล้ว ซื้อขายกันมามากกว่าหกหลักแล้ว
เราควรที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไงดีคะ?
ของถูกกว่าก็อยากได้นะ เพราะลดต้นทุนได้เยอะ ตีคร่าวๆ 1000 ชิ้นลด 40 บาท ก็ 40,000 บาท เลยทีเดียว
แต่เราไม่ไว้ใจเซลล์ค่ะ เลยคิดว่าจะเมล์ไปขอบคุณเค้าที่ให้โอกาส แต่ขอคราวหน้าละกัน