ศาสนาอิสลามในประเทศไทย : ความเชื่อ ข้อเท็จจริงและการแสวงหาประโยชน์



ชาวมุสลิมที่อาศัยพักอยู่ในประเทศหรือแถวๆประเทศไทยนั้น ร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้นพวกเขามีส่วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นดำรงอยู่เป็นรัฐชาติ โดยมีชาวมุสลิมจากมาเลเข้ามาอพยพอยู่ใจกลางเมืองหรือแม้แต่ทางตอนเหนือของประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว จึงทำให้เกิดชนกลุ่มอิสลามขึ้นมา ชาวมุสลิมเปอร์เซียเองก็ได้เข้ามาอพยพในช่วงศตวรรษที่ 17 และก็ได้ทำการเจรจาการค้าทำธุรกิจและเข้ามาควบคุมการค้าขายและการสมรส

วันนี้ชาวมุสลิมก็มีประชากรคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12 % จากประชากรทั้งหมดของประเทศไทย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางสังคมและโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ มีทั้งภัตตาคารต่างๆ มีธุรกิจต่างๆและมีสุเหร่ามัสยิดต่างๆทั่วประเทศเช่นเดียวกับวัดวาอารามของชาวพุทธ และก็มีธุรกิจทางโลกและมีสถาบันต่างๆ การใช้ความอดทนและการให้ความเคารพซึ่งกันและกันถือเป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างประชาชนคนไทย และประชาชนชาวไทยต่างก็ให้ความเคารพให้เกียรติ์พวกเขาด้วยความเลื่อมใส

ในทางกลับกันมีความเชื่อว่ามีประชาชนกว่า 7.5 ล้านในประเทศไทยที่เป็นชาวมุสลิม และมีเพียงแค่ 1.4 ล้านที่อาศัยอยู่ในจังหวัดที่มีความรุนแรงทางภาคใต้ อย่างไรก็ตามในภาคใต้นั้น มีชาวมุสลิมอาศัยกว่า 70 % และสังเกตได้ว่า ทั้งวัฒนธรรมและจุดยืนความคิดทางการเมืองส่วนหนึ่งก็มาจากชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในประเทศส่วนหนึ่ง ชาวมุสลิมบางส่วนไม่ได้คิดว่าพวกเขาเป็น “คนไทย” แต่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของมาเล

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งยะลา ปัตตานีกับนราธิวาสนั้น ถือเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์พิเศษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอิทธิพลความเชื่อทางด้านศาสนาสูงและรวมไปถึงความพยายามแยกตัวเองออกจากประเทศไทยกับมลายู (ตอนนี้ก็คือมาเลเซีย)

เป็นเวลาหลายร้อยปี 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นที่รู้จักกันในชื่อของรัฐปัตตานี ซึ่งมีการรวมเข้าด้วยกันตามลักษณะสังคมของประเทศไทย จึงมีแนวคิดการแบ่งแยกดินแดนและมีการใช้ความรุนแรงในการก่อกบฏ

ความพยายามก่อการแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง และยังมีผู้ฉกฉวยโอกาสในการแบ่งแยกเอกราช ผู้เล่นที่อยู่นอกประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีการใช้ประเด็นนี้ในการกดดันประเทศไทยเช่นกัน

วันนี้ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีเป้าหมายในการสังหารทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิมและก็ประชาชนทั่วไป มีการติดกองกำลังอาวุธ โดยทางด้านวิกิลีกก็มีการเปิดเผยว่า นอกจากจะมีผู้ที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนแล้ว ยังมีการใช้ศาสนาบังหน้าทางการเมืองและบงการโดยอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรที่ได้ใช้ความรุนแรงโดยอ้างถึงภัยความมั่นคงประเทศและภูมิภาค

ในปี 2009 เอกสารภายใต้ชื่อ “Southern Violence: Midday Bomb Attack in Narathiwat August 25 Meant to Send a Signal” ทางด้านเอกอัครราชทูตอเมริกาก็มีติดต่อกับกลุ่มเคลื่อนไหวและบ่งชี้ว่าทักษิณมีการใช้ความรุนแรงเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง (เพิ่มเติมใจความสำคัญ) :

    การใช้โปสเตอร์ต่อต้าน...ในงานวันเกิดนั้น ถือเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติและเป็นที่รับรู้ได้ แต่ความจริงก็คือ โปสเตอร์ต่างๆทำมาจากไวนิล มีการสร้างโปสเตอร์มาจากส่วนกลางของไทยมากกว่าที่จะมาจากท้องถิ่นมาเลและมีประเด็นต่างๆไม่แสดงให้เห็นเลยว่า ภาคใต้อยู่เบื้องหลังแต่เป็นลักษณะของตัวแทนมากกว่า ส่วนใหญ่มักจะมีการกล่าวหาให้คนเสื้อแดงว่า อาจถูกว่าจ้างให้มีการสร้างสถานการณ์โจมตีสุเหร่าเพื่อมุ่งร้ายไปที่สถาบันโดยเฉพาะ

นอกจากนั้นแล้วเอกอัครราชทูตอเมริกาก็มีการเปิดเผยอีกว่า

    รองผู้ว่ายะลากฤษฎาพบกับความแปลกใจเมื่อพวกเราได้เจอโปสเตอร์ต่างๆเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม แต่เขาก็ยืนยันว่าโปสเตอร์เหล่านี้ถูกทำขึ้นมาโดยส่วนกลางของไทย และกล่าวได้ว่าการทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลต่อภาคใต้เลย เหมือนกับกรณีบลูไดมอนด์ กฤษฎาได้กล่าวว่า พระนาย สุวรรณรัฐ ผู้อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ออกมายอมรับว่า โปสเตอร์ต่างๆเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นของกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่า ไม่ได้เป็นของผู้ก่อกบฏ สุนัยก็ได้บอกกับพวกเราว่า โปสเตอร์ที่แพร่กระจายตามที่ต่างๆแสดงให้เห็นว่า เป็นองค์กรที่เข้มแข็งและมีความเป็นไปได้ว่ามีการสนับสนุนทางการเงินให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงปัตตานี

ความตึงเครียดการรวมรัฐสยาม-ปัตตานีเข้าด้วยกันมาจากการใช้อิทธิพลของจักรวรรดิอังกฤษและก่อนหน้านั้นพม่าเป็นฝ่ายรุกราน แต่วันนี้ปรากฏให้เห็นว่าประเทศอเมริกาและตัวแทนทางการเมืองซึ่งรวมไปถึงอดีตนายกทักษิณ ชินวัตรก็มีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายอำนาจท้องถิ่นและเป้าหมายของพวกเขาในการปกครองตนเองก็สร้างแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ต่อกรุงเทพที่สุดท้ายก็มีการรับใช้ตนเอง

เช่นกันก็มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า อเมริกาได้อยู่เบื้องหลังการเมืองในการพยายามที่จะสร้างความตึงเครียดทางด้านศาสนาระหว่างชาวไทยพุทธกับชาวมุสลิมที่มุ่งเน้นดำรงชีวิตอย่างสันติในประเทศไทย มีความพยายามที่จะทำให้อดีตนายกทักษิณตั้งกองบัญชาการในการคัดเลือกกลุ่มคนมุสลิมและอุตสาหกรรมฮาลาลก็จะถูกนำไปบิดเบือนให้คิดว่า เชื่อมโยงกับความรุนแรงทางการเมืองในภาคใต้อย่างลึกสำหรับชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่

กลยุทธ์แบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่า การเล่นการเมืองของอดีตนายกทักษิณเองก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดการแบ่งแยกหรือสร้างความได้เปรียบทางการเมืองขึ้นมาแต่อย่างใด

แม้ว่าความขัดแย้งรากลึกในภาคใต้ถือเป็นปัญหาที่เกิดมาจากผู้เล่นทั้งสองฝ่าย การแบ่งแยกทางศาสนาในสังคมของอเมริกากับการใช้ตัวแทนทางการเมืองในประเทศไทยถือเป็นความพยายามที่จะทำให้ประเทศเข้าสู่จุดตกต่ำเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าประเทศกำลังเผชิญกับภัยความมั่นคง เมื่อความตึงเครียดจุดติดขึ้นมาแล้ว การยกระดับการก่อการร้ายก็ถูกจัดฉากขึ้นมาโดยมีอเมริกาอยู่เบื้องหลังในการจู่โจมตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน ก็จะต้องทำให้เกิดภัยความมั่นคงของประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจและบ่อนทำลายความมีเสถียรภาพและการดำรงชีวิต กลยุทธ์คล้ายๆกันนั้นก็ประสบความสำเร็จในประเทศพม่าในการสร้างสังคมให้เกิดความแตกแยกและกัดกร่อนประเทศไม่ให้มีเสถียรภาพจนกระทั่งคนของอเมริกาสามารถเข้ามาแทรกแซงได้

เป็นที่น่าแปลกใจที่คนไทยมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงจากการยั่วยุปลุกปั่นและมีความพยายามที่จะไม่ให้ประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดจนมีการยั่วยุปลุกปั่นในลักษณะคล้ายๆกัน หัวใจสำคัญก็คือ การตื่นตัวนี้จะยังคงอยู่ต่อไปหรือแม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนโปรแกรมจากภาครัฐและเริ่มดำเนินการควบคุมสื่อไทยในการสร้างความสับสนอลหม่านจากเหตุการณ์ภายนอกเพื่อให้ประเทศเตรียมรับมือล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนหรือเป็นปี

คนไทยประสบความสำเร็จในการใช้ความอดทนกับผู้คนหลากหลายศาสนาและให้ความเคารพกันและกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว จึงเป็นประเทศหนึ่งที่มีจุดแข็งมากในเรื่องนี้ และประเด็นในเรื่องภัยความมั่นคงก็ยังคงต้องจับตาดูกันต่อไป

ผู้แปล : Mr.lawrence10

ที่มา : sott.net
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่