Spoil Alert !! รวมเนื้อเรื่อง MonsterVerse ซึ่งมี Godzilla (2014) และ Kong: Skull Island (2017) by หลวงจีนหอไตร




ประมาณยุค 40' เรือ USS Lawton ถูกบางสิ่งโจมตีอย่างหนักกลางทะเล ทุกคนบนเรือตายหมด ยกเว้นชายหนุ่มที่ชื่อ William Randa ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว แรนด้ารู้ว่าสิ่งที่โจมตีเรือเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ขนาดมหึมา แรนด้าจึงเริ่มค้นคว้าหาสิ่งยืนยันถึงการมีอยู่จริงของสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ยังซ่อนอยู่ในโลก (จากคำบอกเล่าของแรนด้าที่บอกกับพันโทแพคคาร์ดในภาพยนตร์เรื่อง Kong: Skull Island)


ปี 1944 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังระอุ ร้อยโท Hank Marlow นักบินของกองทัพสหรัฐฯ กำลังยิงต่อสู้กับนักบินของญี่ปุ่นอย่างเอาเป็นเอาตาย สุดท้ายเครื่องบินของทหารทั้งสองสัญชาติก็เสียหายหนักจนร่วงทั้งคู่ เครื่องบินทั้งสองลำมาตกที่เกาะ Skull Island เกาะลึกลับบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้

มาร์ลโลว์กับทหารหนุ่มญี่ปุ่นดึงร่มชูชีพทัน ทำให้ตกลงมาโดยไม่บาดเจ็บ ทั้งสองยิงปืนสาดกระสุนใส่กันจนหมดแม็ก และยังวิ่งไล่ฆ่ากันไปทั่วเกาะกระโหลก ขณะที่ทหารหนุ่มชาวญี่ปุ่นกำลังจะปักมีดสั้นลงไปที่คอของมาร์ลโลว์ Kong ลิงยักษ์ขนาดมหึมาก็ปรากฎตัวขึ้น..

ทหารญี่ปุ่นและมาร์ลโลว์พบกับคองครั้งแรก


ปี 1946 แฮร์รี่ ทรูแมน อนุมัติงบลับเพื่อสนับสนุนโครงการ Monarch ให้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อค้นคว้าสัตว์โบราณและสถานที่ลึกลับบนโลกที่ยังไม่เคยปรากฎ วิลเลี่ยม แรนด้า จึงเข้ามาร่วมเป็นนักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซด้วย

ปี 1954 เรือดำน้ำของสหภาพโซเวียต ได้ดำลึกลงไปในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก และลงไปได้ลึกที่สุดเท่าที่มนุษยชาติจะทำได้ในตอนนั้น จนกระทั่งบังเอิญไปปลุกสัตว์ประหลาดยักษ์ดึกดำบรรพ์ที่นอนจำศีลมาหลายล้านปี เป็นคิงในยุคโบราณ ที่ถูกมนุษย์ขนานนามว่า โกจิร่า (Gojira) หรือ ก็อดซิลล่า (Godzilla)


“ก็อดซิลล่า” คิง ออฟ มอนสเตอร์


ตอนแรกนั้นสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ต่างโทษกันไปโทษกันมาเรื่องก็อดซิลล่า ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้าม จนกระทั่งสองประเทศมหาอำนาจได้รับข้อมูลจากโมนาร์ซ ที่ค้นคว้าวิจัยสัตว์ดึกดำบรรพ์โดยเฉพาะ ว่าเจ้าสิ่งนั้นคือก็อดซิลล่า สัตว์ดึกดำบรรพ์ที่กำเนิดมาก่อนมนุษย์หลายล้านปี

นักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซยุค 50′


โซเวียตและอเมริกาจึงถล่มนิวเคลียร์อัดใส่ก็อดซิลล่าตู้มใหญ่เพื่อหวังสังหาร และปล่อยข่าวว่าคือการทดลองนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่สามารถฆ่าก็อดจิได้ และเมื่อก็อดจิโดนโจมตี ก็เบื่อๆ เลยดำน้ำหายไปในห้วงทะเลอันมืดมิดในมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่มีใครพบเห็นก็อดจิอีกเลย เมื่อเข้าสู่ยุค 60' หลังจากนั้นโซเวียตกับสหรัฐฯก็เริ่มทำสงครามเย็นกัน..

นิวเคลียร์ที่หวังจะฆ่าก็อดจิ


เข้าสู่ยุค 70′ สหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความตึงเครียดต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มส่งสายลับเข้าแทรกแซงประเทศอื่นๆ ชาวโลกเรียกบรรยากาศนี้ว่า “สงครามเย็น”

ประเทศเวียตนาม กลายเป็นหนึ่งในสงครามเย็นครั้งนี้ เมื่อสหภาพโซเวียตสนับสนุนเวียตนามเหนือ และอเมริกาสนับสนุนเวียตนามใต้ ชาวโลกเรียกสงครามนี้ว่า “สงครามตัวแทน” อเมริกันส่งทหารของตนเข้าไปสู้ในเวียตนามมากมาย แต่ก็รบไม่ชนะเวียตนามเหนือซักที



ปี 1973 จนกระทั่งอเมริกาเริ่มถอดใจ และสั่งให้ทหารอเมริกันที่ยังเหลือทยอยกลับบ้าน รวมถึงพันโท Preston Packard นายทหารรุ่นใหญ่ที่หมกมุ่นกับการรบ ก็กำลังจะถูกส่งกลับบ้านเช่นกัน แต่เหมือนพันโทแพ็คคาร์ดยังอยากรบอยู่ จึงทำเรื่องขอให้รัฐบาลสหรัฐฯส่งตนเองและหน่วยของตนไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่การกลับไปนอนเล่นที่บ้าน

พันโทแพ็คคาร์ด


และก็สมใจผู้พันแพ็คคาร์ด เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯต้องการทหารฝีมือดีชุดหนึ่งไปนำทางการสำรวจ “เกาะกระโหลก” เนื่องด้วยโครงการดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติแห่งสหรัฐที่ชื่อ Landsat จับภาพเกาะกระโหลกทางดาวเทียมได้เบื้องต้น โดยได้ Victor Nieves เจ้าหน้าที่ระดับสูงของแลนด์แซทเป็นผู้นำภารกิจนี้

ภาพถ่ายทางดาวเทียมของเกาะกระโหลก


แต่เรื่องที่แลนด์แซทรู้ตำแหน่งที่ตั้งของเกาะกระโหลกและกำลังจะไปสำรวจนั้น ก็รู้ไปถึงหู Monarch ซึ่งเป็นโครงการวิจัยของเอกชนที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ค้นหาสิ่งต่างๆที่ยังไม่มีการเปิดเผยให้โลกรู้ นำโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่าง William Randa  และนักธรณีวิทยาคนสนิทของวิลเลี่ยมคือ Houston Brooks

ซึ่งแรนด้าเป็นผู้รอดชีวิตเมื่อ 30 ปีที่แล้วจากเรือยูเอสเอสลอว์ตัน จากการโดนสัตว์โบราณโจมตี แรนด้ารู้ว่า มีสิ่งมีชีวิตโบราณที่โลกยังไม่เคยค้นพบอีกมาก เพราะแรนด้าศึกษามาโดยตลอด 30 ปี แต่ไม่มีใครเชื่อแรนด้า เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน ซึ่งเรื่องทุกอย่างที่แรนด้ารู้ แรนด้าก็เล่าให้บรู้คส์รู้เช่นกัน แรนด้าและบรูคส์ จึงรีบไปพบกับวุฒิสมาชิกผู้อนุมัติเงินสนับสนุนโมนาร์ซ และขอไปร่วมสำรวจกับแลนด์แซทด้วย

วิลเลี่ยม แรนด้า และ ฮูสตัน บรู้คส์


เมื่อแรนด้าได้ไฟเขียวร่วมทีมสำรวจ แรนด้าก็ต้องการนายพรานฝีมือสูงนำทางภารกิจ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินต้องหนีออกจากป่า แรนด้าจึงไปพบกับนายทหารนักบินหนุ่มชาวอังกฤษที่ปลดประจำการแล้ว นั่นคือกัปตัน James Conrad ที่ตัวเมืองไซง่อนในประเทศเวียตนาม และจ่ายค่าจ้างก้อนโตให้คอนราด คอนราดจึงร่วมทีมไปอีกคน

เจมส์ คอนราด นายทหารผู้เชี่ยวชาญการเอาตัวรอดในป่า


รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ส่งให้ตากล้องสงครามฝีมือดีอย่าง Mason Weaver ไปร่วมทีมสำรวจเกาะกระโหลกครั้งนี้กับแลนแซทด้วย เพราะรัฐบาลสหรัฐฯต้องการภาพขั้นตอนการทำภารกิจนี้อย่างละเอียดกลับมา วีฟเวอร์คือสุดยอดตากล้องด้านงานลุยถ่ายภาพสงคราม และวีฟเวอร์ต้องการไปด้วย เพราะเธอรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างที่รัฐบาลปกปิดประชาชนอยู่

เมสัน วีฟเวอร์ ตากล้องสาวขาลุย


สุดท้ายเลย แรนด้าต้องการนักชีววิทยา แรนด้าจึงเรียกตัวนักวิทยาศาสตร์สาวชาวจีนในโมนาร์ซมาร่วมภารกิจอีกคนคือ San Lin เมื่อทุกคนในทีมสำรวจเกาะกระโหลกที่แรนด้าต้องการพร้อมแล้ว ทุกคนจึงมาบรีฟงานรับภารกิจกับวิคเตอร์กันรอบสุดท้ายที่ “ประเทศไทย” ก่อนที่เรือรบของสหรัฐฯ จะนำทีมสำรวจมุ่งหน้าสู่ตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อไปที่ สกัลล์ ไอแลนด์ หรือ เกาะกระโหลก

หลิน นักชีววิทยาของโมนาร์ซ

สรุปดังนี้

ทีมแรนด้ามี 5 คน คือ แรนด้า / บรู้คส์ / หลิน / คอนราด

ทีมพันโทแพ็คคาร์ด คือทหารจากเวียตนาม ประมาณเกือบๆ 20 คน

ทีมแลนด์แซท ขึ้นเกาะไปแค่ 2 คน คือ วิคเตอร์ และ ลูกน้องนักวิทยาศาสตร์แลนด์แซทอีกคน

วีฟเวอร์คือเอกเทศ ไม่ได้มากับใคร ถูกรัฐบาลส่งมาถ่ายรูปอย่างเดียว

วิคเตอร์และบรู้คส์ ขณะกำลังอธิบายภารกิจ


เมื่อไปถึงบริเวณเกาะกระโหลก ที่มีเมฆพายุล้อมรอบเกาะตลอดเวลา ทีมสำรวจทุกทีมจึงต้องกระจัดกระจายขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับเหล่าทหาร และบินฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองฟ้าฝ่าเข้าไป จนเมื่อเข้าบริเวณเกาะ ทุกอย่างก็สงบ ทีมสำรวจมีเวลา 3 วันทำการสำรวจให้จบและกลับมาที่จุดนัดพบเพื่อขึ้นเรือรบกลับ

สภาพอากาศที่แปรปรวนรอบๆเกาะกระโหลก



บรู้คส์เริ่มสั่งให้ทหารทิ้งระเบิดสั่นสะเทือนลงบนผิวเกาะ เพื่อสำรวจชั้นดินว่าเป็นเช่นไร (บรู้คส์เป็นนักธรณีวิทยา) และบรู้คส์ก็พบว่า เกาะกระโหลกนั้นมีโพรงใต้ดิน เป็นแผ่นดินซ้อนแผ่นดินอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว

ทันใดนั้น คอง ลิงยักษ์ตัวมหึมาสูงเท่าตึกนับสิบๆชั้น ก็โผล่ออกมาโจมตีฝูงเฮลิคอปเตอร์ของพันโทแพ็คคาร์ด ทำให้ลูกน้องทหารพันโทแพ็คคาร์ดมากมายตายลงไป แต่ทีมสำรวจของวิลเลี่ยมและทีมของวิคเตอร์ยังอยู่กันครบ

คองสู้กับทหารอเมริกัน


เมื่อคองเล่นงานเหล่ามนุษย์ผู้บุกรุกจนกระเจิดกระเจิง คองก็จากไป ทิ้งความแค้นให้พันโทแพ็คคาร์ดเป็นอย่างมากที่เสียลูกน้องไปเยอะ และตอนนี้ ผู้รอดชีวิตก็แตกเป็ม 3 กลุ่ม กระจัดกระจายไปทั่วเกาะ

กลุ่มที่ 1 คือ พันโทแพ็คคาร์ด / กับลูกน้องทหาร 5-7 คน / คนของแลนด์แซท 1 คน / และแรนด้า

กลุ่มที่ 2 คือ คอนราด / วีฟเวอร์ / บรู้คส์ / หลิน / วิคเตอร์ / และทหารลูกน้องผู้พันแพ็คคาร์ด 1 คน

กลุ่มที่ 3 มีเพียงคนเดียวคือ พันตรี  Jack Chapman กับอาวุธทำลายล้างมากมายที่อยู่บน ฮ. ของตน

วีฟเวอร์ และ คอนราด


กลุ่มที่ 1 คือพันโทแพ็คคาร์ดนั้น มุ่งหน้าไปบริเวณตะวันตกของเกาะ เพื่อตามหาพันตรีแชปแมน จุดประสงค์จริงๆของพันโทแพคคาร์ดคือ ต้องการอาวุธทำลายล้างที่อยู่บน ฮ. และนำมาฆ่าคองแก้แค้นให้ลูกน้องตน

กลุ่มที่ 2 คือคอนราด ก็พาทีมของตนเองมุ่งหน้าไปตะวันออกเพื่อไปจุดนัดพบรับกลับ จนไปพบกับชาวพื้นเมืองบนเกาะกระโหลก และได้พบกับ ร้อยโทแฮงค์ มาร์ลโลว์ ทหารอเมริกันผู้ที่ติดอยู่บนเกาะนี้ 29 ปีเข้าไปแล้ว

มาร์ลโลว์เล่าให้พวกคอนราดฟังว่า “คอง” ถือว่าเป็น “คิง” ของเกาะกระโหลกแห่งนี้ สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่คอง แต่เป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ใต้ดินต่างหาก มาร์ลโลว์เรียกพวกสัตว์ประหลาดใต้ดินว่า “สกัลล์ครอว์เลอร์” ซึ่งคองมีหน้าที่ป้องกันพวกสกัลล์ครอว์เลอร์ไม่ให้มารุกรานสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลก

ทีมคอนราดกำลังฟังประวัติของเกาะกระโหลก


คอนราดโน้มน้าวให้มาร์ลโลว์หนีไปด้วยกัน มาร์ลโลว์จึงให้พวกของคอนราดช่วยสร้างเรือยนต์ที่เขาและนักบินญี่ปุ่นเพื่อนรักของเขาสร้างให้เสร็จ (นักบินญี่ปุ่นผู้นั้นชื่อ กังเต อิคาริ จากศัตรูกลายมาเป็นเพื่อนรัก และตายไปนานแล้ว)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่