ตอนนี้ ผมกลายเป็นสาวกของวง rhcp อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
จากที่เมื่อก่อน ได้แค่ฟังผ่านๆ เพราะไม่ค่อยชอบสำเนียงและซาวดนตรี(ที่ฟังแล้วมันรู้สึกแปลกๆแทม่งๆยังไงชอบกล)
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงสากลอยู่แล้ว ฟังไล่มาตั้งแต่ยุค 60-90 จนมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่แล้ว บวกกับ ได้ฟังเพลง และศึกษาเรื่องราวของดนตรีแต่ละยุคสมัย ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อมสังคมในตอนนั้นๆด้วย มันก็ยิ่งทำให้เรื่องราวมันยิ่ง ดุ เดือด เผ็ด มันส์ ร้อนระอุเพิ่มขึ้นไปเอง (อ่าว -_- นี้ตูเริ่มจะนอกเรื่องไปไกลละ)
เอ้า มาเข้าเรื่องกันดีกว่า พอดีเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาศฟังเพลง Dark Necessities ในอัลบั้มใหม่ getaway ที่พึ่งปล่อยเอมวีเพลงออกมา พอได้เสพ และรับชมรับฟังแล้ว เลยรู้สึกได้ว่า
เฮียยยยยยย !!! ทำไมพวกลุงโครตจะเจ๋งจังเลยวะ
ทั้งที่อายุของพวกลุงๆแกแต่ละคนก็ปาไปเลข5แล้ว(ยกเว้นมือกีตาร์คนใหม่) ไม่ใช่หนุ่มเลือดผลาญ ที่ร้อนแผดเผาไปแทบทุกเวที(ร้อนสมชื่อวง)เหมื่อนดั่งเช่นสมัยก่อน(ที่พวกแกแก้ผ้าเล่นคอนเสิร์ต )
ผมเลยทำการศึกษาประวัติความเป็นมาของวงนี้อย่างจริงๆจังๆ แล้วได้พบว่า วงนี้เป็นวงที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านปัญหา ผ่านความสำเร็จ ผ่านมรสุมชีวิต มามากมายอยู่พอสมควร...
วง rhcp เป็นวงร็อกสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งวงที่แอลเอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1983
เรื่องแนวเพลงของวงนั้นมีความหลากหลายอยู่พอสมควร มีการผสมผสานกันระหว่างเพลงร้อคดั่งเดิมและแนวฟังค์(ส่วนตัว ผมคิดว่า jimi hendrix มีอิทธิพลต่อซาวเพลงของวง rhcp มากๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด) บางเพลงก็มีซาวออกแนวไซเคเดลิคผสมผสานเขากันกับฟังค์ บางเพลงก็มีซาวดนตรีพั้งเข้ามาแทรกเป็นบางท่อนบางช่วง หรือไม่บางเพลงซาวก็ผสมกันจนหนักไปทางไปเฮฟวี่เมทัลเลย
สมาชิกแรกเริ่มมี แอนโทนี คีดิส (ร้องนำ) ฟลี(มือเบส) แจ็ก ไอออนส์ (มือกลอง) สโลวัก (มือกีตาร์) ในภายหลังสโลวักตายด้วยการเสพเฮโรอีนเกิดขนาด ในปี1988 ไอออนส์เลยขอออกจากวงไป และต่อมามือกีตาร์ได้ถูกแทนที่ด้วย หนุ่มน้อยไฟแรง จอห์น ฟรานซิแอนเต้ ส่วนมือกลองได้ ดี.เอส. อดีตมือกลองวงพั้งร้อค(deth kennedy) เข้ามาทดแทน และสุดท้ายต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น สมิธ มือกลองคนปัจจุบัน...
ในเวลาต่อมา ในปี1992 จอห์น ฟรานซิแอนเต้ได้ขอลาออกจากวงในระหว่างทัวอัลบั้มอยู่ เนื้องจากปัญหาส่วนตัวและปัญหาเรื่องการติดยาเสพติดของเขา และทางวงได้ว่าจ้าง เดฟ นาวาโร่ มาแทนทีจอห์น หลังจากออกอัลบั้มกับ rhcp ได้ชุดหนึ่ง กระแสตอบรับกับไม่ดีเท่าที่ควร ในเวลาต่อมา นาวาโร่ก็ได้ออกจากวงไป เนื้องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และในปี1999 จอห์น ฟราซิแอนเต้ ได้รีเทรินกลับมาใหม่(ไฉไลกว่าเดิม หลังจากบำบัดยาเสพติดมาแล้ว) และ rhcp ก็กลับมาดังเป็นพลุแตก แบบระเบิดเถิดเทิง จากอัลบั้ม Californication
และผมขอจบการเล่าประวัติวง rhcp อย่างคร่าวๆไว้เพียงเท่านี้ เพราะเริ่มจะเมื่อยมือละ (พิมมาตั้งนาน ยังมาไม่ถึงจุคลายแม้กซะที) เห้ย!!! เมิงทำไรมาเมื่อยมือวะ???
เอาละ และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะเฉลยว่า เพลงอะไรของวง rhcp ที่ผมฟังแล้วรู้สึกหดหู่และรู้สึกเศร้าที่สุด
เพลงนั้นก็คือ คือ??? คือ??? และก็คือ...???????????????????????????
เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? และก็เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...???
เพลง under in the bridge
(ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนที่กำลังอ่านกระทู้ของผมอยู่ แล้วรู้สึกรำคาญการเขียนกระทู้+การเรียบเรียง+สติกเกอร์ ที่สุดแสนจะปัญญาอ่อนและไร้สาระ ผมต้องกราบขออภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วย ฮ่าๆๆๆๆ เชิญด่ากันได้ตามสบายใจเลยครับ) ผมจะเลิกเล่นสติกเกอร์ละ
โอเค ต่อไปมาพูดถึงประเด็นที่ว่าทำไมเวลาที่ผมได้ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกเศร้าและหดหู่???
เพลงนี้ โดยความหมายในตัวเนื้อเพลง ตัวเอกพยายามสื่อถึงความรู้สึกของตัวเขาเองในภาวะนั้นๆ ที่ต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ลำพัง(หรืออาจจะรู้สึกเสียใจมากๆ หรืออาจจะสูญเสีย สิ่งที่รักมากๆไป) แล้วประมาณว่าเขามีเพียงเมืองLAเมืองในฝัน เมืองในสววรค์ หรืออะไรของเขาก็ว่าไปนั้น -_- เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเขา และคอยเข้าใจเขามาตลอด อีกทั้งยังคอยปลอบโยนเขามาอย่างสม่ำเสมอ (จะสื่อถึงเพื่อนรัก หรือคนรัก หรือครอบครัว หรือความรักก็ได้ หรือได้แม้กระทั้งยาเสพติด แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เขากำลังสื่อถึงคือเรื่องราวของอดีต อดีตที่สวยงามและสดใสของเขา)
ผมเลยลองเซิตดูความหมายและการตีความของแต่ละคน ว่ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร(ในกระทู้พันทิปเนี้ยแหละ) บังเอิญไปเจอ จขกท.คนหนึ่ง เขาเขียนไว้ว่า....(ผมจะทิ้งลิ้งของเจ้าของกระทู้คนนั้นไว้ด้านล่างละกันนะครับ)
เหมื่อนประมาณ rhcp ได้แต่งเพลงนี้ ไว้อาลัยให้กับ มือกีตาร์ที่ชื่อ สโลวัก ที่ตายด้วยการโดสเฮโรอีนเกิดขนาด แล้วตัวชื่อเพลง under in the bridge เอง ก็สื่อถึงสถานที่ ที่พวกเขาได้ไปเอายาเสพติดมาใช่บ่อยๆ (แล้วส่วนตัว แอนโทนี้ คีดิสเองก็เคย แถบจะโงหัวจากเฮโรอีนแถบไม่ขึ้นมาแล้วเหมื่อนกัน)
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม การตีความหมายของเพลงนี้(บอกตรงๆผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ผมอาศัยอ่านคำแปลเพลงแบบผ่านๆ และใช่ความรู้สึกของตัวเองรับรู้เอา) ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วได้ฟังเพลงนี้ + กับอดีต จุดเปลี่ยนของชีวิต และสิ่งที่ผมเคยเป็นและเคยทำมาก่อน มันทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
อาจจะเพราะว่า ตัวผมเองเคยใช่ "ยาเสพติด" และเคยติดมันมากๆ มาก่อน(โรคสมองติดยา)
ผมเคยผิดหวัง เคยเสียใจ เคยหลงทาง เคยรู้สึกผิด เคยทำร้ายคนที่รักเรา เคยทำอะไรผิดๆ เชื่ออะไรผิดๆ เคยเป็นเด็กมีปัญหา เคยทำตัวต่อต้านสังคม(เป็นพวกทำตัวพั้งๆ อะไรทำนองนั้น อันนี้ถือว่าเป็นความคิดที่เด็กมากและแถบจะไม่มีเหตุผลซะเลย) และที่แย่ที่สุดก็คือ ผมเคยคิดที่จะไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปแล้ว...
ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังตีน เพียงเพราะแค่พึ่งได้ลิ้มรสกับความเจ็บและปวดผิดหวัง และต้องย้ายจากสังคมอีกที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง มันเลยทำให้ผมรู้สึกอ้างว้าง และโดดเดี่ยว ทั้งที่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่การคิดไปเอง และพึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของฉากชีวิตเพียงหน้าแรกเท่านั้นเอง...
จะว่าไป ชีวิตผมกับเพลงนี้ ก็ถือว่าเพลงนี้ได้สะท้อนชีวิตของผม และคนอีกหลายๆคนออกมาได้ดีที่เดียว สำหรับคนที่กำลังรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว และเลือกหาทางออกแบบผิดๆ เพื่อความสุขเพียงชั่วครู่ หรือเพื่อลืมสิ่งที่เลวร้ายไปชั่วขณะ และเมื่อไหร่ที่เราหาทางออกกับมันซ้ำๆจนกลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายเราก็จะโดนมันกัดกินชีวิตดีๆ ที่เคยมี จนสูญเสียคุณค่าและความเป็นตัวเราไป ท่ารู้ตัวช้า หรือกลับตัวไม่ทัน ก็อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต หรือท่าแย่หน่อย ก็อาจจะมีจุดจบเหมื่อนอย่างเช่น
สโลวัก อดีตมือมือกีตาร์วง rhcp คนแรกก็เป็นได้
ท่าจะดูใครไว้เป็นบทเรียนและไว้เป็นแบบอย่างที่ดี ผมคิดว่า ให้ดู
จอห์น ฟรานซิเอนเต้ มือกีตาร์โลโก้ของวง rhcp เป็นตัวอย่าง จากคนที่เล่นกีตาร์มีแววโดดเด่นมากๆคนหนึ่งในวงการดนตรียุคสมัยนั้น กับการใช่ชีวิตของเขาที่อยู่ไก้ลปากเหวปากอ่าวเอามากๆ เนื้องจากปัญหาการติดยาเสพติดของเขา แต่สุดท้ายเขาก็สู้กับมัน และฟ่าฟันจนผ่านมันมาได้ ถึงแม้ท้ายสุดท้าย อะไรๆหลายๆอย่างมันจะไม่เหมื่อนเดิมอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั้งตัวของเขาเอง แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถชนะใจตัวเองได้อย่างผู้ชนะที่น้อยคนในโลกยากที่จะทำ
และก็มาถึงบทสรุปของกระทู้นี้ ผมอยากจะบอกว่า การที่ผมได้ทำการศึกษาประวัติความเป็นมากของวง rhcp ได้ทำให้ผมได้เห็นมุมมอง ความจริง และเรื่องราวอะไรหลายๆอย่างของชีวิตคนกลุ่มๆหนึ่ง ที่เขาก็เป็นคนมีขามีแขนเหมื่อนกับเรา มีครบอวัยครับ32 ไม่ต่างไปจากเราเลย เพียงแค่พวกเขาเป็นอัจฉริยะ และมีผู้คนรู้จักไปเกือบทั่วทุกมุมโลก และเป็นวงดนตรีที่ยังคงประสบความสำเร็จอยู่ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงในปัจจุบัน ท่าไม่ใช่เพราะความเก๋า และดูแลตัวเองอยู่สม่ำเสมอ พวกป๋าๆแกคงจะตายห่ากันไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ (ล้อเล่น)
ซึ้งพวกเขามีนามว่า THE RED HOT CHILI PEPPERS !!!
แถมให้อีกหนึ่งบทเพลง ผมให้คำนิยามเพลงนี้ว่า
กลืนไม่เข้า คายก็ไม่ออก หยุดก็ไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง ไว้ว่างๆ ผมจะมาต่ออีกนะครับ
#ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตาม และเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แต้งกิ้ว มากๆครับ
#และอีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ผมเลิกใช่ยาเสพติดแล้วนะครับ หันมาออกกำลังกายแทน(ผมขอแนะนำ สำหรับคนที่กำลังจะเลิกยาเสพติดแล้วเลือกที่จะหันมาออกกำลังกายแทน ผมรับรองได้เลยครับ ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์ แต่สภาพร่างกายพร้อมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสภาพจิตใจพร้อมด้วยนะครับ ที่สำคัญ คุณต้องใจแข็งพอที่จะสู้กับมันด้วย)
#แล้วผมมีสูตรอยู่สูตรหนึง ท่าอยากออกกำลังกายให้ฟินจนลืมยาเสพติดไปเลย ก็คือให้ออกแบบหนักๆไปเลย หนักจนร่ายกาย over train (แต่ท่าเป็นความคิดเห็นของพวกเทรนเนอร์หรือพวกหมอ เขาจะไม่แนะนำนะครับ อาจจะโคม่า หรือต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่ รพ.ได้ แต่อย่างว่า อันนี้เป็นสูตรผม ฮ่าๆๆๆ)ออก
จนน้อคกันไปข้างเลย แล้วคนที่เลิกเสพมาใหม่ๆ คุณจะได้พบกับความรู้สึกที่แบบว่า
โครตมีความสุขแบบล้นทะลัก อาการคล้ายๆกำลังพี้ยาเลย ประมาณว่าแบบ ตัวเบาหวิว หัวโล่ง ไม่เครียส แล้วพวกที่เลิกเสพพวกไอซ์พวกม้ามา แล้วอยากจะดีด แนะนำเลยครับ วิ่งให้บ้าไปเลย เพราะการออกกำลังกายจน over train จะให้ผลตรงกันข้าม จากที่จะทำให้ผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น ก็จะกลายเป็น ไม่รู้สึกง่วงนอน ไม่หิว แต่มีแรง หรือภาษาชาวบ้านก็คือ ดีด นั้นแหละครับ)
#
http://topicstock.ppantip.com/chalermkrung/topicstock/2011/08/C10902036/C10902036.html นี้ครับ สำหรับจขกท. ที่ผมนำมาใช่อ้างอิง ในการตีความหมายของเพลงในข้างต้น
และสุดท้ายก่อนที่จะจบกระทู้นี้ ผมอยากจะทิ้งคำคมๆที่ผมคิดเองไว้คำหนึ่ง
ยาเสพติดที่ดีที่สุดในโลกคือการออกกำลังกายและการรู้จักที่จะให้ผู้อื่น
คุณคิดว่าเพลงอะไรของวง red hot chill peppers ที่คุณฟังแล้วรู้สึกเศร้าและหดหู่ที่สุด?(มีประวัติวงและความเห็นคร่าวๆ)
จากที่เมื่อก่อน ได้แค่ฟังผ่านๆ เพราะไม่ค่อยชอบสำเนียงและซาวดนตรี(ที่ฟังแล้วมันรู้สึกแปลกๆแทม่งๆยังไงชอบกล)
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลงสากลอยู่แล้ว ฟังไล่มาตั้งแต่ยุค 60-90 จนมาถึงยุคสมัยปัจจุบัน โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์อยู่แล้ว บวกกับ ได้ฟังเพลง และศึกษาเรื่องราวของดนตรีแต่ละยุคสมัย ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อมสังคมในตอนนั้นๆด้วย มันก็ยิ่งทำให้เรื่องราวมันยิ่ง ดุ เดือด เผ็ด มันส์ ร้อนระอุเพิ่มขึ้นไปเอง (อ่าว -_- นี้ตูเริ่มจะนอกเรื่องไปไกลละ)
เอ้า มาเข้าเรื่องกันดีกว่า พอดีเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาศฟังเพลง Dark Necessities ในอัลบั้มใหม่ getaway ที่พึ่งปล่อยเอมวีเพลงออกมา พอได้เสพ และรับชมรับฟังแล้ว เลยรู้สึกได้ว่า
เฮียยยยยยย !!! ทำไมพวกลุงโครตจะเจ๋งจังเลยวะ
ทั้งที่อายุของพวกลุงๆแกแต่ละคนก็ปาไปเลข5แล้ว(ยกเว้นมือกีตาร์คนใหม่) ไม่ใช่หนุ่มเลือดผลาญ ที่ร้อนแผดเผาไปแทบทุกเวที(ร้อนสมชื่อวง)เหมื่อนดั่งเช่นสมัยก่อน(ที่พวกแกแก้ผ้าเล่นคอนเสิร์ต )
ผมเลยทำการศึกษาประวัติความเป็นมาของวงนี้อย่างจริงๆจังๆ แล้วได้พบว่า วงนี้เป็นวงที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านปัญหา ผ่านความสำเร็จ ผ่านมรสุมชีวิต มามากมายอยู่พอสมควร...
วง rhcp เป็นวงร็อกสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งวงที่แอลเอ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1983
เรื่องแนวเพลงของวงนั้นมีความหลากหลายอยู่พอสมควร มีการผสมผสานกันระหว่างเพลงร้อคดั่งเดิมและแนวฟังค์(ส่วนตัว ผมคิดว่า jimi hendrix มีอิทธิพลต่อซาวเพลงของวง rhcp มากๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด) บางเพลงก็มีซาวออกแนวไซเคเดลิคผสมผสานเขากันกับฟังค์ บางเพลงก็มีซาวดนตรีพั้งเข้ามาแทรกเป็นบางท่อนบางช่วง หรือไม่บางเพลงซาวก็ผสมกันจนหนักไปทางไปเฮฟวี่เมทัลเลย
สมาชิกแรกเริ่มมี แอนโทนี คีดิส (ร้องนำ) ฟลี(มือเบส) แจ็ก ไอออนส์ (มือกลอง) สโลวัก (มือกีตาร์) ในภายหลังสโลวักตายด้วยการเสพเฮโรอีนเกิดขนาด ในปี1988 ไอออนส์เลยขอออกจากวงไป และต่อมามือกีตาร์ได้ถูกแทนที่ด้วย หนุ่มน้อยไฟแรง จอห์น ฟรานซิแอนเต้ ส่วนมือกลองได้ ดี.เอส. อดีตมือกลองวงพั้งร้อค(deth kennedy) เข้ามาทดแทน และสุดท้ายต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็น สมิธ มือกลองคนปัจจุบัน...
ในเวลาต่อมา ในปี1992 จอห์น ฟรานซิแอนเต้ได้ขอลาออกจากวงในระหว่างทัวอัลบั้มอยู่ เนื้องจากปัญหาส่วนตัวและปัญหาเรื่องการติดยาเสพติดของเขา และทางวงได้ว่าจ้าง เดฟ นาวาโร่ มาแทนทีจอห์น หลังจากออกอัลบั้มกับ rhcp ได้ชุดหนึ่ง กระแสตอบรับกับไม่ดีเท่าที่ควร ในเวลาต่อมา นาวาโร่ก็ได้ออกจากวงไป เนื้องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และในปี1999 จอห์น ฟราซิแอนเต้ ได้รีเทรินกลับมาใหม่(ไฉไลกว่าเดิม หลังจากบำบัดยาเสพติดมาแล้ว) และ rhcp ก็กลับมาดังเป็นพลุแตก แบบระเบิดเถิดเทิง จากอัลบั้ม Californication
และผมขอจบการเล่าประวัติวง rhcp อย่างคร่าวๆไว้เพียงเท่านี้ เพราะเริ่มจะเมื่อยมือละ (พิมมาตั้งนาน ยังมาไม่ถึงจุคลายแม้กซะที) เห้ย!!! เมิงทำไรมาเมื่อยมือวะ???
เอาละ และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมจะเฉลยว่า เพลงอะไรของวง rhcp ที่ผมฟังแล้วรู้สึกหดหู่และรู้สึกเศร้าที่สุด
เพลงนั้นก็คือ คือ??? คือ??? และก็คือ...???????????????????????????
เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง??? และก็เพลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง...???
เพลง under in the bridge
(ผมเชื่อว่ามีหลายๆคนที่กำลังอ่านกระทู้ของผมอยู่ แล้วรู้สึกรำคาญการเขียนกระทู้+การเรียบเรียง+สติกเกอร์ ที่สุดแสนจะปัญญาอ่อนและไร้สาระ ผมต้องกราบขออภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วย ฮ่าๆๆๆๆ เชิญด่ากันได้ตามสบายใจเลยครับ) ผมจะเลิกเล่นสติกเกอร์ละ
โอเค ต่อไปมาพูดถึงประเด็นที่ว่าทำไมเวลาที่ผมได้ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกเศร้าและหดหู่???
เพลงนี้ โดยความหมายในตัวเนื้อเพลง ตัวเอกพยายามสื่อถึงความรู้สึกของตัวเขาเองในภาวะนั้นๆ ที่ต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว ลำพัง(หรืออาจจะรู้สึกเสียใจมากๆ หรืออาจจะสูญเสีย สิ่งที่รักมากๆไป) แล้วประมาณว่าเขามีเพียงเมืองLAเมืองในฝัน เมืองในสววรค์ หรืออะไรของเขาก็ว่าไปนั้น -_- เป็นเพื่อนที่คอยอยู่เคียงข้างเขา และคอยเข้าใจเขามาตลอด อีกทั้งยังคอยปลอบโยนเขามาอย่างสม่ำเสมอ (จะสื่อถึงเพื่อนรัก หรือคนรัก หรือครอบครัว หรือความรักก็ได้ หรือได้แม้กระทั้งยาเสพติด แต่ผมคิดว่าสิ่งที่เขากำลังสื่อถึงคือเรื่องราวของอดีต อดีตที่สวยงามและสดใสของเขา)
ผมเลยลองเซิตดูความหมายและการตีความของแต่ละคน ว่ามีความคิดเห็นว่าอย่างไร(ในกระทู้พันทิปเนี้ยแหละ) บังเอิญไปเจอ จขกท.คนหนึ่ง เขาเขียนไว้ว่า....(ผมจะทิ้งลิ้งของเจ้าของกระทู้คนนั้นไว้ด้านล่างละกันนะครับ)
เหมื่อนประมาณ rhcp ได้แต่งเพลงนี้ ไว้อาลัยให้กับ มือกีตาร์ที่ชื่อ สโลวัก ที่ตายด้วยการโดสเฮโรอีนเกิดขนาด แล้วตัวชื่อเพลง under in the bridge เอง ก็สื่อถึงสถานที่ ที่พวกเขาได้ไปเอายาเสพติดมาใช่บ่อยๆ (แล้วส่วนตัว แอนโทนี้ คีดิสเองก็เคย แถบจะโงหัวจากเฮโรอีนแถบไม่ขึ้นมาแล้วเหมื่อนกัน)
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม การตีความหมายของเพลงนี้(บอกตรงๆผมไม่เก่งภาษาอังกฤษเลย ผมอาศัยอ่านคำแปลเพลงแบบผ่านๆ และใช่ความรู้สึกของตัวเองรับรู้เอา) ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วได้ฟังเพลงนี้ + กับอดีต จุดเปลี่ยนของชีวิต และสิ่งที่ผมเคยเป็นและเคยทำมาก่อน มันทำให้ผมรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
อาจจะเพราะว่า ตัวผมเองเคยใช่ "ยาเสพติด" และเคยติดมันมากๆ มาก่อน(โรคสมองติดยา)
ผมเคยผิดหวัง เคยเสียใจ เคยหลงทาง เคยรู้สึกผิด เคยทำร้ายคนที่รักเรา เคยทำอะไรผิดๆ เชื่ออะไรผิดๆ เคยเป็นเด็กมีปัญหา เคยทำตัวต่อต้านสังคม(เป็นพวกทำตัวพั้งๆ อะไรทำนองนั้น อันนี้ถือว่าเป็นความคิดที่เด็กมากและแถบจะไม่มีเหตุผลซะเลย) และที่แย่ที่สุดก็คือ ผมเคยคิดที่จะไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปแล้ว...
ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังตีน เพียงเพราะแค่พึ่งได้ลิ้มรสกับความเจ็บและปวดผิดหวัง และต้องย้ายจากสังคมอีกที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง มันเลยทำให้ผมรู้สึกอ้างว้าง และโดดเดี่ยว ทั้งที่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่การคิดไปเอง และพึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนของฉากชีวิตเพียงหน้าแรกเท่านั้นเอง...
จะว่าไป ชีวิตผมกับเพลงนี้ ก็ถือว่าเพลงนี้ได้สะท้อนชีวิตของผม และคนอีกหลายๆคนออกมาได้ดีที่เดียว สำหรับคนที่กำลังรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว และเลือกหาทางออกแบบผิดๆ เพื่อความสุขเพียงชั่วครู่ หรือเพื่อลืมสิ่งที่เลวร้ายไปชั่วขณะ และเมื่อไหร่ที่เราหาทางออกกับมันซ้ำๆจนกลายเป็นความเคยชิน สุดท้ายเราก็จะโดนมันกัดกินชีวิตดีๆ ที่เคยมี จนสูญเสียคุณค่าและความเป็นตัวเราไป ท่ารู้ตัวช้า หรือกลับตัวไม่ทัน ก็อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต หรือท่าแย่หน่อย ก็อาจจะมีจุดจบเหมื่อนอย่างเช่น สโลวัก อดีตมือมือกีตาร์วง rhcp คนแรกก็เป็นได้
ท่าจะดูใครไว้เป็นบทเรียนและไว้เป็นแบบอย่างที่ดี ผมคิดว่า ให้ดู จอห์น ฟรานซิเอนเต้ มือกีตาร์โลโก้ของวง rhcp เป็นตัวอย่าง จากคนที่เล่นกีตาร์มีแววโดดเด่นมากๆคนหนึ่งในวงการดนตรียุคสมัยนั้น กับการใช่ชีวิตของเขาที่อยู่ไก้ลปากเหวปากอ่าวเอามากๆ เนื้องจากปัญหาการติดยาเสพติดของเขา แต่สุดท้ายเขาก็สู้กับมัน และฟ่าฟันจนผ่านมันมาได้ ถึงแม้ท้ายสุดท้าย อะไรๆหลายๆอย่างมันจะไม่เหมื่อนเดิมอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั้งตัวของเขาเอง แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถชนะใจตัวเองได้อย่างผู้ชนะที่น้อยคนในโลกยากที่จะทำ
และก็มาถึงบทสรุปของกระทู้นี้ ผมอยากจะบอกว่า การที่ผมได้ทำการศึกษาประวัติความเป็นมากของวง rhcp ได้ทำให้ผมได้เห็นมุมมอง ความจริง และเรื่องราวอะไรหลายๆอย่างของชีวิตคนกลุ่มๆหนึ่ง ที่เขาก็เป็นคนมีขามีแขนเหมื่อนกับเรา มีครบอวัยครับ32 ไม่ต่างไปจากเราเลย เพียงแค่พวกเขาเป็นอัจฉริยะ และมีผู้คนรู้จักไปเกือบทั่วทุกมุมโลก และเป็นวงดนตรีที่ยังคงประสบความสำเร็จอยู่ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงในปัจจุบัน ท่าไม่ใช่เพราะความเก๋า และดูแลตัวเองอยู่สม่ำเสมอ พวกป๋าๆแกคงจะตายห่ากันไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆๆ (ล้อเล่น)
ซึ้งพวกเขามีนามว่า THE RED HOT CHILI PEPPERS !!!
แถมให้อีกหนึ่งบทเพลง ผมให้คำนิยามเพลงนี้ว่า กลืนไม่เข้า คายก็ไม่ออก หยุดก็ไม่ได้ เดินต่อไปก็ไม่ถึง ไว้ว่างๆ ผมจะมาต่ออีกนะครับ
#ขอบคุณสำหรับคนที่ติดตาม และเข้ามาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ แต้งกิ้ว มากๆครับ
#และอีกอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ผมเลิกใช่ยาเสพติดแล้วนะครับ หันมาออกกำลังกายแทน(ผมขอแนะนำ สำหรับคนที่กำลังจะเลิกยาเสพติดแล้วเลือกที่จะหันมาออกกำลังกายแทน ผมรับรองได้เลยครับ ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์ แต่สภาพร่างกายพร้อมอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสภาพจิตใจพร้อมด้วยนะครับ ที่สำคัญ คุณต้องใจแข็งพอที่จะสู้กับมันด้วย)
#แล้วผมมีสูตรอยู่สูตรหนึง ท่าอยากออกกำลังกายให้ฟินจนลืมยาเสพติดไปเลย ก็คือให้ออกแบบหนักๆไปเลย หนักจนร่ายกาย over train (แต่ท่าเป็นความคิดเห็นของพวกเทรนเนอร์หรือพวกหมอ เขาจะไม่แนะนำนะครับ อาจจะโคม่า หรือต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่ รพ.ได้ แต่อย่างว่า อันนี้เป็นสูตรผม ฮ่าๆๆๆ)ออกจนน้อคกันไปข้างเลย แล้วคนที่เลิกเสพมาใหม่ๆ คุณจะได้พบกับความรู้สึกที่แบบว่าโครตมีความสุขแบบล้นทะลัก อาการคล้ายๆกำลังพี้ยาเลย ประมาณว่าแบบ ตัวเบาหวิว หัวโล่ง ไม่เครียส แล้วพวกที่เลิกเสพพวกไอซ์พวกม้ามา แล้วอยากจะดีด แนะนำเลยครับ วิ่งให้บ้าไปเลย เพราะการออกกำลังกายจน over train จะให้ผลตรงกันข้าม จากที่จะทำให้ผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น ก็จะกลายเป็น ไม่รู้สึกง่วงนอน ไม่หิว แต่มีแรง หรือภาษาชาวบ้านก็คือ ดีด นั้นแหละครับ)
#http://topicstock.ppantip.com/chalermkrung/topicstock/2011/08/C10902036/C10902036.html นี้ครับ สำหรับจขกท. ที่ผมนำมาใช่อ้างอิง ในการตีความหมายของเพลงในข้างต้น
และสุดท้ายก่อนที่จะจบกระทู้นี้ ผมอยากจะทิ้งคำคมๆที่ผมคิดเองไว้คำหนึ่ง
ยาเสพติดที่ดีที่สุดในโลกคือการออกกำลังกายและการรู้จักที่จะให้ผู้อื่น