[CR] Vientiane 101 ++ เดินทาง ชม ชิม และมองเวียงจันทน์มุมเดิม ๆ และมุมใหม่ ๆ ไปด้วยกันครับ

สวัสดีครับ หรือจะใช้ว่าสะบายดีแทนน่าจะเหมาะสมกว่าครับ


วันนี้คงขออนุญาตมาเล่าถึงจุดหมายปลายทางที่คนไทย มักจะบอกผ่าน ไม่ให้ความสำคัญมาก และเห็นว่าเป็นของตายที่จะไปเมื่อไรก็ได้ อย่าง นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวครับ


ผมไม่ได้มีเวียงจันทน์อยู่ในความคิดมากนัก เพราะช่วงหนึ่งในชีวิตมีเหตุให้ต้องไปลาวเป็นประจำทุกปี ติดต่อกันเป็นเวลา 4 ปี และยังเคยเขียนกระทู้เอาไว้เมื่อนานมากแล้วอย่างกระทู้นี้ http://topicstock.ppantip.com/food/topicstock/2011/09/D11070988/D11070988.html แต่เมื่อสายการบินแห่งหนึ่งทำโปรโมชั่นเส้นทางบินในประเทศขึ้นมา ผมก็เกิดอาการอ่อนไหวต่อราคา เมื่อพิจารณาเส้นทางบินที่มีในช่วง 4 เดือนก่อนและหลังจองตั๋วโดยสาร ผมพบว่าต้องเดินทางไปทุกจังหวัดที่สายการบินดังกล่าวทำราคาโปรโมชั่น (ยกเว้นนราธิวาส) ดังนั้นคำตอบก็เลยออกมาเร็ว ๆ ว่า งั้นไปเวียงจันทน์กันไหม โดยตั้งต้นการเดินทางที่อุดรธานีซึ่งสะดวกสบายด้วยจำนวนเที่ยวบิน และบริการรถทั้งรถโดยสารตรงไปยังนครหลวงเวียงจันทน์หรือไม่ก็รถตู้โดยสารที่แล่นตรงไปยังด่านพรมแดนฝั่งไทยครับ


คิดได้ดังนี้ก็จองตั๋วโดยสารราคา 1,500 บาท ไปกลับเป็นที่เรียบร้อย และเพื่อเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ผมคงขออนุญาตสรุปให้เห็นว่า การเดินทางไปเวียงจันทน์จากอุดรธานี สะดวกและประหยัดกว่าการเดินทางโดยบินตรงไปยังท่าอากาศยานวัดไตอยู่มากโข ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขว่า ทุกท่านยอมเสียเวลาอีกเล็กน้อยครับ

เมื่อได้รายละเอียดในส่วนของการเดินทางมาแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการจองโรงแรมครับ ปัจจุบันโรงแรมที่เวียงจันทน์มีหลากหลาย หากเป็นกลุ่มโรงแรมที่บนนิด ๆ และบริหารงานโดยเครือต่างชาติ นอกจากเมอร์เคียวแถวอนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้มทางไปสนามบิน ก็ยังมีโรงแรมเครือนานานชาติเปิดใหม่ล่าสุดอีกแห่งคือ Crowne Plaza อยู่ใกล้ ๆ กับเมอร์เคียวนั่นล่ะครับ

หากชอบโรงแรมที่บริหารงานโดยคนท้องถิ่นที่ดี ๆ หน่อย ก็จะมีเสดถาพาเลซ หรูหราในแบบโคโลเนียล หรือไม่ก็ลาวพลาซ่า โรงแรม (เคยหรู) กลางเมืองบนถนนสามเสนไท ถ้าแบบเล็ก ๆ ลงมาก็จะมี อันสรา (Ansara) ไม่ก็ Salana Boutique แล้วก็โรงแรมที่ไกลกลางเมืองหน่อยอย่างดอนจันพาเลซ และโรงแรมแลนด์มาร์กครับ ส่วนที่ใกล้จะเปิดและหรูหรามาก ๆ ก็คือโรงแรม The President by Akrynอยู่ข้างหอคำด้านหลังหอพระแก้ว มันสวยและอลังการมากจนต้องปิดป้ายด้านหน้าว่าที่นี่คือโรงแรมมิใช่ทางเข้าชมหอพระแก้ว ประเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ครับ

สำหรับโรงแรมที่ผมเลือกใช้บริการในหนนี้ของผมเป็นโรงแรมที่ย่อมเยาลงมาหน่อย ไม่ถึงขึ้นเกสต์เฮาส์หรือเรือนพัก แบบเรือนพักมะลิ – น้ำพุ ที่เห็นดาษดื่นอยู่ทั่วไปในรีวิวพันทิป ผมเองไม่ชอบซ้ำทางใคร แต่มีทางเป็นของตนเอง เลยเลือกโรงแรมเดิมที่เคยมาพักเมื่อ 6 ปีก่อน แต่เพิ่มเติมด้วยการจองห้องที่ดีที่สุดแทนครับ


โรงแรมที่ผมเลือกในครั้งนี้ชื่อโรงแรม คำวงษา (Khamvongsa) เป็นโรงแรมแรมเล็ก ๆ ขนาดสัก 30 ห้องอยู่บริเวณถนนขุนบุลม เดินไปถนนหลักอย่างถนนเสดถาธิราช ถนนสามเสนไทย และถนนฟ้างุ้มได้ง่าย แล้วก็ห่างจากแคมโขงเพียงระยะ 100 เมตรเท่านั้น ส่วนห้องพักที่เลือก คือห้อง Loft Suite แบบสองชั้น ตั้งอยู่บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของโรงแรม เห็นวิวแม่น้ำโขงฝั่งที่ย้อนขึ้นทางสนามบิน ส่วนวิวจากห้องนอนชั้นบนเห็นวัดอินแปงที่อยู่ข้าง และยอดประตูชัยของลาวที่ไกลออกไปลิบ ๆ ครับ


ด้วยราคาที่ต่ำกว่าร้อยเหรียญนี้ คุณจะได้ห้องพักขนาดใหญ่มาก และใช้วัสดุเป็นไม้ (น่าจะไม้สักด้วย) ทั้งหมด เตียงเดี่ยวและเตียงดับเบิ้ลเป็นแบบสี่เสา มีฟูกหนา ๆ และหมอนพร้อมผ่าห่มสำรองไว้ให้ ในห้องพักยังอุดส่าห์มีเตาอบไมโครเวฟและอ่างล้างจานสำหรับปรุงอาหารง่าย ๆ พร้อมชุดจานชาม ช้อนมีดส้อมและผ้าเช็ดปากเอาไว้พร้อม มีเดย์เบดให้นอนเอกเขนก พร้อมไวไฟแรง ๆ กับโทรทัศน์จอแบนรุ่นโบราณไว้หนึ่งเครื่องสำหรับรับชมสัญญาณจากเมืองไทยเอาไว้ให้หายคิดถึงบ้านครับ


ที่ดีที่สุดของที่นี่คงเป็นอาหารเช้า แม้จะไม่ใช่บุฟเฟ่ต์เป็นตามสั่งจากเมนู แต่ก็มีให้เลือกถึง 6 แบบ คือ แบบเอเชีย เป็นข้าวต้มหมูหรือไก่ แบบอเมริกันมาตรฐาน แบบสวีดิช แบบยูโรเปียน แบบที่จานหลักเป็นแพนเค้ก หรือจะลองฉีกทุกขนบลองอาหารเช้าแบบกัวเตมาลันก็น่าสนใจอยู่ครับ เป็นถั่วผัดรสชาติดีกับไข่ดาว ทุกชุดจะบริการพร้อมน้ำเปล่า น้ำผลไม้หรือสมูทตี้กล้วยโยเกิร์ต แน่นอนว่าเลือกสมูทตี้ดีกว่ามากครับ ปิดท้ายด้วยชา 2 แบบ หรือกาแฟ ซึ่งมีทั้งกาแฟลาวหวานนำใส่นมข้น และกาแฟแบบ filter กาใหญ่ครับ กาแฟแบบหลังอร่อยสุด เพราะไม่หวานมาก



มื้อเช้าทั้ง 2 วัน ผมจึงสามารถใช้เวลาเรื่อย ๆ ตามจังหวะเอื่อย ๆ ของพัดลมเพดาน ละเลียดอาหารเช้า จิบเครื่องดื่ม สลับกับการอ่านข่าวบนหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ขนาดกะทัดรัดและอ่านข่าวออนไลน์ในหนังสือพิมพ์หัวอื่นในโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่ขนาดกะทัดรัดยิ่งกว่าครับ


เอาล่ะครับ กลับมาเริ่มต้นการเดินทางของเราดีกว่า ผมจะไม่เขียนเล่าตามเวลา แต่จะเล่าไปตามหัวข้อ เริ่มจากเรื่องกิน แล้วจึงไปเรื่องเที่ยว ก่อนจะจบบันทึกการเดินทางฉบับนี้ครับ



เริ่มต้นเดินทาง

ผมเริ่มต้นการเดินทางด้วยเที่ยวบินไทยสมายล์ที่เช้าที่สุด ทันทีที่ถึงท่าอากาศยานอุดรธานีเวลา 8.40 น. ผมและเพื่อนอีกสองคนซึ่งไม่ได้โหลดกระเป๋า ก็รีบวิ่งออกมายังเคาน์เตอร์บริษัทอุดรแก้วทัวร์ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอ เพราะมีดักอยู่จุดเดียวก่อนออกจากตัวอาคารด้านขวามือ ที่นี่ให้บริการรถตู้เข้าเมืองคนละ 80 บาท หรือจะรถตู้ยิงยาวไปด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ก็ราคาเพียง 200 บาท ถ้าชอบ บขส. ไทย – ลาว ก็อาจจะนั่งรถย้อนไปในเมือง แล้วนั่งรถประจำทางรวดเดียวถึงเวียงจันทน์ก็ได้ แบบนี้รถจะรอเราทั้งที่ด่านฝั่งไทยและลาว ไม่ต้องกังวลใจ แต่ข้อดีคือรถท่านจะขับแบบเอื่อยๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ มาก และใช้เวลารวมเกือบ ๆ 3 ชั่วโมง ไม่เหมาะกับวัยรุ่นใจร้อนเช่นผมครับ


ผมจึงเลือกจ่ายเงิน 200 บาท แลกกับการนั่งรถตู้ราว 50 นาที รถตู้ท่านจะแวะจอดส่งคนตามจุดต่าง ๆ หากแจ้งเอาไว้ล่วงหน้า แล้วก็จะมาส่งที่ด่านพรมแดนไทยเป็นจุดสุดท้าย ถ้าท่านไม่มีหนังสือเดินทางก็หาทำบัตรผ่านแดนเอาได้ แต่ถ้าเตรียมหนังสือเดินทางมาแล้ว ก็สามารถไปขอใบกรอกสำหรับสำหรับด่านตรวจคนเข้า – ออกเมืองจากเจ้าหน้าที่ได้ทันที เมื่อกรอกเสร็จ ขั้นตอนถัดมาก็ไปประทับตราขาออก จากจุดนี้จะมีคนมาดักรอ ว่าจะเหมารถยาวไปถึงเวียงจันทน์หรือไม่ ราคาก็ต้องต่อกันเสียหน่อย ถ้าไม่เอาก็บอกเขาดี ๆ เขาไม่เซ้าซี้ครับ


สำหรับผม ผมเลือกใช้บริการภาคบังคับ คือรถประจำทางข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว โดยบริษัทประสิทธิ์โชคทรานสปอร์ต จำกัดครับ จ่ายเงิน 20 บาท ได้กระดาษบาง ๆ มา 1 แผ่นถือไว้ให้มั่น กระดาษนี้ต้องยื่นให้เจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นรถครับ จุดนี้ ถ้ารีบก็กระโดดขึ้นไปยืนบนรถที่กำลังจะออกได้เลย ถ้าไม่รีบก็รอคันต่อไปไม่นานครับ รถมีหลากหลายประหนึ่งกิจกรรม lucky draw ครับ รถมีทั้งแบบปรับอากาศเย็นฉ่ำ ไปจนถึงรถร้อนนั่งกินฝุ่นกันไปตลอดทางครับ



ใช้เวลาสักไม่เกิน 10 นาที (รวมรถติดไฟแดงฝั่งลาวเพื่อเปลี่ยนเลน เพราะที่ลาวขับรถชิดขวาหรือพวงมาลัยซ้าย) ก็มาถึงด่านฝั่งลาว ขั้นตอนแรกก็ไปซื้อการ์ดเข้าประเทศราคา 12,000 กีบ จ่ายเงินไทยจะขาดทุนนิดหน่อยครับ พร้อมกับใบตรวจคนเข้าเมืองของลาวมากรอก กรอกเสร็จก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบเดียวกับท่าอากาศยานชั้นนำทั่วโลก หลุดมาปุ๊บก็จะตรวจหนังสือเดินทางอีกครั้งก่อนเจ้าหน้าที่จะผายมือให้เสียบบัตร เข้าไปยังเครื่อง ตรงนี้ให้นึกภาพรถไฟฟ้า BTS น่าจะอารมณ์ดียวกัน

ผ่านจากจุดนี้ไปได้ เราก็มายืนบนแผ่นดินสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเต็มภาคภูมิ หากจะเข้าเมืองโดยรถตู้หรือแท็กซี่ เชิญต่อราคากับบรรดา tout หรือ “ม้า” ที่ดักรออยู่ด้านหน้าได้เลยครับ ถ้าอยากประหยัดหักขวาขึ้นรถประจำทางไปลงตลาดเช้าใจกลางเมืองได้ แต่สำหรับผม มาเวียงจันทน์ทั้งที มันต้อง exclusive กว่านั้นไปอีกขั้น เพราะตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าจะมาลาว ผมก็เขียนข้อความทาง facebook messenger ไปหาเพื่อนเก่าแก่ของผม ชื่อท่านคำสี ท่านคำสี เป็นผู้บริหารหน่วยงานแห่งหนึ่งสังกัดธนาคารกลางของลาว ทันทีที่รู้ว่าผมจะไปเยี่ยมยาม โลกของผมก็ดูจะเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ เพราะท่านถามผมอยู่เนือง ๆ ว่ามากี่คน มีที่พักหรือยัง จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ก่อนจะลงท้ายว่า จะมารับและมาส่งที่ด่าน พาไปเที่ยวได้ทุกวัน (ถ้าต้องการ) และจะพาไปชมสำนักงานสุดโก้ของท่าน


ผมไม่คาดคิดว่า 3 วัน 2 คืนต่อจากนี้ จะได้รับน้ำใจและมิตรภาพจากท่านอย่างมาก สำหรับคนที่เคยพบหน้ากันเพียง 2 ครั้ง ครั้งแรกที่คราคูฟในโปแลนด์และอีกครั้งที่หนองคาย หลังจากนั้นก็คุยกันทางโทรศัพท์บ้าง อีเมลบ้าง จนกระทั่งก่อนวันที่ผมจะเดินทาง ท่านก็ยังแชทกับผมเรื่อย ๆ ถึงขั้นที่ผมต้องพิมพ์ภาษาอังกฤษไปใส่ google translate เพื่อคุยกับท่าน เพราะทันทีที่ถึงด่านฝั่งลาว ท่านก็โทรมาแจ้งว่าให้รอสักครู่ กำลังจะออกมารับ ระหว่างนี้ผมก็ไปแลกเงินกับเพื่อนร่วมทางที่ธนาคารพงสะหวัน (ที่บริเวณด่านให้อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าหลาย ๆ ที่ในเมืองอยู่ครับ แนะนำให้แลกที่นี่) แลกไป 2 ล้านกีบ พอให้คุยกับใครต่อใครอย่างขำ ๆ ได้ว่า มาเป็นเศรษฐีเงินล้านที่ลาวครับ


ตลอด 3 วัน 2 คืนนี้ผมจะได้รับความอนุเคราะห์มิตซูบิชิไทรตัน 4 ประตู โดยฝีมือการขับนุ่ม ๆ ของท่านคำสีวัย 55 ปี อดีตนักเรียนนอกแห่งเบลารุส (ใช่ครับเบลารุสที่อยู่ใน CIS หรือเครือรัฐเอกราชนั่นแหละครับ) พาเราไปตะลอน ๆ รอบเขตกำแพงนะคอนเวียงจันทน์ สำหรับท่านที่ขับรถเอง ตามจุดจอดรถต่าง ๆ ในเมือง จะมีบริการรับฝากรถหรือที่จอดรถ อัตราค่าบริการซึ่งพนักงานจะออกปี้ หรือแปลเป็นไทยก็คือตั๋วให้ อยู่ระหว่าง 3,000 – 5,000 กีบ หากคิดง่าย ๆ ให้คิดอัตราแลกเปลี่ยน 1,000 กีบเท่ากับ 4 บาทไทยครับ
ชื่อสินค้า:   เวียงจันทน์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่