[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Update laos trips ที่ทุกคนตามหา
กรุงเทพฯ-วังเวียง(เวียงจันทน์) 5 วัน 4 คืน ปี 2020
สวัสดีครับก่อนอื่นผมต้องของอภัยท่านผู้อ่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก่อนเลยนะครับ ผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ อาจมีภาพ หรือเนื้อหาที่ไม่ได้ไว้ใช้สำหรับการเขียนที่ถูกหลักนะครับ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปตามรีวิวต่างๆมาให้ได้รับรู้และอัพเดตกันให้รู้ครับ ไม่ดราม่ากันนะครับ
เรื่องต้นทริปนี้จากการที่ผมมีความอยากไปตามรีวิวในพันทิปว่างบไม่เกินเท่านี้ๆ 3 วัน 2 คืน ไม่เกิน 3000 บาท และด้วยความที่ผมไปต่างประเทศก็หลายครั้งและหลายประเทศแล้ว ผมเลยลองจำกัดงบในการเที่ยวดูบ้างว่ามันจะจริงอย่างรีวิวที่เคยได้อ่านมามั้ย
แพลนการเดินทางของผมก็ไม่มีอะไรมากครับตามรีวิวเลยแต่อาจจะเปลี่ยนแปลงเอาสะดวกตัวเองนิดหน่อย
ผมเดินทางช่วง 6 กุมภาพันธ์ 2020 -11 กุมภาพันธ์ 2020
เอาละสงสัยละสิ วันที่ 6 - 11 มันก็ต้อง 6 วันสิ แต่นั้นผมไม่นับว่าเป็น 6 วัน เพราะ ผมไม่ถือว่าการนั่งรถทั้งคืนยันเช้าคือการได้เที่ยว ฮ่าๆๆๆๆ
เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ผมเลือกที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯโดยรถบัสนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ-อุดรธานี ชั้น first class ซึ่งหลายๆคนคงเคยได้อ่านหรือเคยสัมพัสมาแล้ว ก็ไม่ต้องพูดเยอะนะครับ ซึ่งเวลาออกเดินทางคือ 22.15 น. ซึ่งจะไปถึงที่อุดรก็ตอนเช้า ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่นประมาณ 06.00 น.ครับ ซึ่งรถรอบนี้ค่อนข้างตรงเวลามาก และถึงที่หมายตรงเวลาเพราะไม่มีการแวะพักที่ไหน กลางทางเลย ยิงยาว ก็นอนยาวๆกันไปเลยครับ และที่สำคัญรถบัส first class นี้ขึ้นที่สถานีนครชัยแอร์เท่านั้น ไม่แวะรับผู้โดยสารที่หมอชิตนะครับ ราคาอยู่ที่ 658 บาท
เมื่อเดินทางถึงอุดรธานีเป็นเวลา 6 โมงเช้าพอดีครับ ก็ลงรถและไปต่อแถวซื้อตั๋วรถไปเวียงจันทน์ต่อเลย ซื้อรถรอบแรกจะอยู่ที่
08.00น. เค้าเตอร์จะเปิดขายตอน 07.30 น. เค้าเตอร์จะอยู่ภายในขนส่งอุดรธานีเลยครับ เป็นเค้าเตอร์สีส้ม ของ บขส.ส่วนราคาจะอยู๋ที่ 80บาทครับ ใช้เวลาเดินทางจากอุดรไปเวียงจันทน์ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ อ่ะ... หลายคนสงสัยมันมีตั๋วไปวังเวียงเลยนิ ทำไมไม่ซื้อตั๋วไปวังเวียงเลยละ ณ ปัจจุบัน ช่องทางการจำหน่ายตั๋วรถบัสไปวังเวียง สามารถจองตั๋วได้ที่ช่องทางออนไลน์ได้แล้วครับ ซึ่งวันที่ผมไปนั้นตรงกับช่วงวันหยุดยาวนั้นคือว่ามาฆบูชานั้นเอง จึงทำให้ตั๋วเต็มล่วงหน้าเป็นเดือนเลยครับ เลยต้องตัดสินใจซื้อตั๋วเพื่อต่อรถไปเวียงจันทน์แทนนั้นเองครับ
หลังจากที่ได้ตั๋วรถเวียงจันทน์มาแล้ว ก็มีเวลาอีกนิดหน่อยผมก็ไปหาอะไรกินแถวนั้น ที่ขนส่งมีร้านขายอาหารเยอะแยะเลยครับเลือกทานได้ตามสบายเลย แต่ผมไปเจอหมูยอปิ้งปละหมูปิ้งซึ่ง เราจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆใน กทม. ดังนั้นเลยจัดสัก 1 ไม้ หมูยอ 10 บาทใหญ่โตอิ่มท้อง และได้นมจากรถบัสมาอีกก่อนถึงอุดร อิ่มและเช้านี้ ในราคา 10 บาท พอรถมาทุกคนก็วิ่งกันไปขึ้นรถกัน แต่เราไม่ต้องแย่งกันขึ้นก็ได้นะครับ เพราะในตั๋วระบุที่นั่งไว้แล้วเรียบร้อย
พอรถออกตัวสักพักหนึ่ง ประมาณ 30-45 นาที เราก็มาถึงด่านพรมแดน ไทยลาว ทางแอร์บัสก็จะจอดรถ ให้เราลงไปประทับตราผ่านแดน ซึ่ง รูปที่ตม. ไปได้ถ่ายมานะครับ เนื่องจากห้ามถ่ายรูป แต่ไม่ต้องกังวลครับ เหมือนการผ่านตม. สนามบินเลยไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าผ่านเครื่องแสกนหนังสือเดินทาง อย่าลืมนำหนังสือเดินทางไปให้ตำรวจชายแดนประทับตราด้วยนะครับไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ต้องนั่งรถกลับมาประทับใหม่ พอผ่านตม. ไทยเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นรถบัส เพื่อข้ามไปยังฝั่งลาว ซึ่งรถจะจอดรอเราหลังผ่านตม.ไทยมาแล้วครับ พอถึงด่านลาว ก็จะจอดให้ลงและเข้าแถวประทับตราหนังสือเดินทาง ไม่ยุ่งยากเลยครับ ยื่นหนังสือเดินทางพร้อมใบตม.ที่กรอกเรียบร้อยผ่านได้โดยไม่ต้องตอบคำถามใดๆเลยครับ หลังจากผ่าน ตม.ลาว มาแล้ว ก็เดินไปรวมตัวที่รถเลยครับ ที่ด่านลาว จะมีรถตู้ให้บริการ ใครจะไปเมืองไหนสามารถรวมตัวกับคนในบัสที่ชะตากรรมเดียวกันแล้วหาญเหมารถตู้กันไปเลยสะดวกสุดๆ แต่ราคาแนะนำให้ต่อรองกันดีๆครับ
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ของผม ได้เจอผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันถึง 14 คนครับ เราเลยตกลงกันว่า เหมารถตู้ไปกันเลยดีกว่า เพราะคำนวนเวลาแล้วยาวนานเหลือเกิน เราเลยพร้อมใจกันเหมารถตู้ไปวังเวียงเลยครับ ตกอยู๋ที่ หัวละ 400 บาทไทย ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง ส่งถึงหน้าโรงแรมของทุกท่านเลยครับ แอร์เย็นกว่าบัสแน่นอน แต่ถ้าใครที่คุมงบ ก็สามารถนั่งรถบัสไปต่อลงที่ขนส่งในเวียงจันทน์ และ ซื้อตั๋วบัสไปวังเวียงได้นะครับ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง จากด่านลาว ถึงวังเวียง เนื่องจากต้องต่อบัสที่ขนส่งเวียงจันทน์ จึงใช้เวลานิดหน่อยครับ ถ้าไม่รีบผมว่านั่งชิลๆ ก็ดีนะ เมื่อถึงวังเวียงก็เก็บกระเป๋า เช็คอิน พักให้หายเหนื่อยและออกเดินเล่นกันครับ ไว้เดียวมาต่อนะ
กรุงเทพฯ-วังเวียง ฉบับ Update2020
กรุงเทพฯ-วังเวียง(เวียงจันทน์) 5 วัน 4 คืน ปี 2020
สวัสดีครับก่อนอื่นผมต้องของอภัยท่านผู้อ่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ก่อนเลยนะครับ ผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ อาจมีภาพ หรือเนื้อหาที่ไม่ได้ไว้ใช้สำหรับการเขียนที่ถูกหลักนะครับ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปตามรีวิวต่างๆมาให้ได้รับรู้และอัพเดตกันให้รู้ครับ ไม่ดราม่ากันนะครับ
เรื่องต้นทริปนี้จากการที่ผมมีความอยากไปตามรีวิวในพันทิปว่างบไม่เกินเท่านี้ๆ 3 วัน 2 คืน ไม่เกิน 3000 บาท และด้วยความที่ผมไปต่างประเทศก็หลายครั้งและหลายประเทศแล้ว ผมเลยลองจำกัดงบในการเที่ยวดูบ้างว่ามันจะจริงอย่างรีวิวที่เคยได้อ่านมามั้ย
แพลนการเดินทางของผมก็ไม่มีอะไรมากครับตามรีวิวเลยแต่อาจจะเปลี่ยนแปลงเอาสะดวกตัวเองนิดหน่อย
ผมเดินทางช่วง 6 กุมภาพันธ์ 2020 -11 กุมภาพันธ์ 2020
เอาละสงสัยละสิ วันที่ 6 - 11 มันก็ต้อง 6 วันสิ แต่นั้นผมไม่นับว่าเป็น 6 วัน เพราะ ผมไม่ถือว่าการนั่งรถทั้งคืนยันเช้าคือการได้เที่ยว ฮ่าๆๆๆๆ
เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ ผมเลือกที่จะเดินทางจากกรุงเทพฯโดยรถบัสนครชัยแอร์ กรุงเทพฯ-อุดรธานี ชั้น first class ซึ่งหลายๆคนคงเคยได้อ่านหรือเคยสัมพัสมาแล้ว ก็ไม่ต้องพูดเยอะนะครับ ซึ่งเวลาออกเดินทางคือ 22.15 น. ซึ่งจะไปถึงที่อุดรก็ตอนเช้า ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลาท้องถิ่นประมาณ 06.00 น.ครับ ซึ่งรถรอบนี้ค่อนข้างตรงเวลามาก และถึงที่หมายตรงเวลาเพราะไม่มีการแวะพักที่ไหน กลางทางเลย ยิงยาว ก็นอนยาวๆกันไปเลยครับ และที่สำคัญรถบัส first class นี้ขึ้นที่สถานีนครชัยแอร์เท่านั้น ไม่แวะรับผู้โดยสารที่หมอชิตนะครับ ราคาอยู่ที่ 658 บาท
เมื่อเดินทางถึงอุดรธานีเป็นเวลา 6 โมงเช้าพอดีครับ ก็ลงรถและไปต่อแถวซื้อตั๋วรถไปเวียงจันทน์ต่อเลย ซื้อรถรอบแรกจะอยู่ที่
08.00น. เค้าเตอร์จะเปิดขายตอน 07.30 น. เค้าเตอร์จะอยู่ภายในขนส่งอุดรธานีเลยครับ เป็นเค้าเตอร์สีส้ม ของ บขส.ส่วนราคาจะอยู๋ที่ 80บาทครับ ใช้เวลาเดินทางจากอุดรไปเวียงจันทน์ประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ อ่ะ... หลายคนสงสัยมันมีตั๋วไปวังเวียงเลยนิ ทำไมไม่ซื้อตั๋วไปวังเวียงเลยละ ณ ปัจจุบัน ช่องทางการจำหน่ายตั๋วรถบัสไปวังเวียง สามารถจองตั๋วได้ที่ช่องทางออนไลน์ได้แล้วครับ ซึ่งวันที่ผมไปนั้นตรงกับช่วงวันหยุดยาวนั้นคือว่ามาฆบูชานั้นเอง จึงทำให้ตั๋วเต็มล่วงหน้าเป็นเดือนเลยครับ เลยต้องตัดสินใจซื้อตั๋วเพื่อต่อรถไปเวียงจันทน์แทนนั้นเองครับ
หลังจากที่ได้ตั๋วรถเวียงจันทน์มาแล้ว ก็มีเวลาอีกนิดหน่อยผมก็ไปหาอะไรกินแถวนั้น ที่ขนส่งมีร้านขายอาหารเยอะแยะเลยครับเลือกทานได้ตามสบายเลย แต่ผมไปเจอหมูยอปิ้งปละหมูปิ้งซึ่ง เราจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆใน กทม. ดังนั้นเลยจัดสัก 1 ไม้ หมูยอ 10 บาทใหญ่โตอิ่มท้อง และได้นมจากรถบัสมาอีกก่อนถึงอุดร อิ่มและเช้านี้ ในราคา 10 บาท พอรถมาทุกคนก็วิ่งกันไปขึ้นรถกัน แต่เราไม่ต้องแย่งกันขึ้นก็ได้นะครับ เพราะในตั๋วระบุที่นั่งไว้แล้วเรียบร้อย
พอรถออกตัวสักพักหนึ่ง ประมาณ 30-45 นาที เราก็มาถึงด่านพรมแดน ไทยลาว ทางแอร์บัสก็จะจอดรถ ให้เราลงไปประทับตราผ่านแดน ซึ่ง รูปที่ตม. ไปได้ถ่ายมานะครับ เนื่องจากห้ามถ่ายรูป แต่ไม่ต้องกังวลครับ เหมือนการผ่านตม. สนามบินเลยไม่ยุ่งยาก แต่ถ้าผ่านเครื่องแสกนหนังสือเดินทาง อย่าลืมนำหนังสือเดินทางไปให้ตำรวจชายแดนประทับตราด้วยนะครับไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ต้องนั่งรถกลับมาประทับใหม่ พอผ่านตม. ไทยเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นรถบัส เพื่อข้ามไปยังฝั่งลาว ซึ่งรถจะจอดรอเราหลังผ่านตม.ไทยมาแล้วครับ พอถึงด่านลาว ก็จะจอดให้ลงและเข้าแถวประทับตราหนังสือเดินทาง ไม่ยุ่งยากเลยครับ ยื่นหนังสือเดินทางพร้อมใบตม.ที่กรอกเรียบร้อยผ่านได้โดยไม่ต้องตอบคำถามใดๆเลยครับ หลังจากผ่าน ตม.ลาว มาแล้ว ก็เดินไปรวมตัวที่รถเลยครับ ที่ด่านลาว จะมีรถตู้ให้บริการ ใครจะไปเมืองไหนสามารถรวมตัวกับคนในบัสที่ชะตากรรมเดียวกันแล้วหาญเหมารถตู้กันไปเลยสะดวกสุดๆ แต่ราคาแนะนำให้ต่อรองกันดีๆครับ
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ของผม ได้เจอผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันถึง 14 คนครับ เราเลยตกลงกันว่า เหมารถตู้ไปกันเลยดีกว่า เพราะคำนวนเวลาแล้วยาวนานเหลือเกิน เราเลยพร้อมใจกันเหมารถตู้ไปวังเวียงเลยครับ ตกอยู๋ที่ หัวละ 400 บาทไทย ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง ส่งถึงหน้าโรงแรมของทุกท่านเลยครับ แอร์เย็นกว่าบัสแน่นอน แต่ถ้าใครที่คุมงบ ก็สามารถนั่งรถบัสไปต่อลงที่ขนส่งในเวียงจันทน์ และ ซื้อตั๋วบัสไปวังเวียงได้นะครับ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง จากด่านลาว ถึงวังเวียง เนื่องจากต้องต่อบัสที่ขนส่งเวียงจันทน์ จึงใช้เวลานิดหน่อยครับ ถ้าไม่รีบผมว่านั่งชิลๆ ก็ดีนะ เมื่อถึงวังเวียงก็เก็บกระเป๋า เช็คอิน พักให้หายเหนื่อยและออกเดินเล่นกันครับ ไว้เดียวมาต่อนะ