[CR] ลาออกจากงานแล้วมาโหนรถไฟ จากไทยไปตุรกี : Trans-Siberian Express EP.7 St.Petersburg - Turkey [The END]

ลาออกจากงานแล้วมาโหนรถไฟ จากไทยไปตุรกี : Trans-Siberian Express EP.7 St.Petersburg - Turkey [The END]






1 กุลี, 32 วัน, 4 ประเทศ, 7 เมือง กับทางรถไฟที่ยาวที่สุดในจักรวาล!!


ใครเพิ่งเข้ามา หรืออยากวนกลับไปจุดตั้งต้นก็ตามลิ้งนี้เลยครับ EP.1 China
https://ppantip.com/topic/36121854
EP.2 China
https://ppantip.com/topic/36124116/comment1-1
EP.3 China - Mongolia
https://ppantip.com/topic/36128374/comment6-1
EP.4 Mongolia
https://ppantip.com/topic/36135624
EP.5 Ulan Ude - Irkutsk
https://ppantip.com/topic/36146670
EP.6 Moscow
https://ppantip.com/topic/36157800

------------------------------------------------------------

มาแล้วครับทุกคน ฮ่าๆ ขอประทานโทษจริงๆ ช่วงนี้ยุ่งๆ แน่ะ..คนดีชอบแก้ไข กุลี...ไร้เยื้อใยชอบแก้ตัว > <
อาจจะห่างเหิน แต่ก็ไม่ห่างหายนะ
มาต่อกัน ใกล้จะจบละ คิดว่าคงจะทำให้จบภายใน EP.7 นี้แหละครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะยาวไป
หลังจากนี้จะได้ทำ Attraction + Budget Infographic ให้แบบ minimalๆ


มีภาพที่ยังไม่เคยไปเปิดเผยที่ไหน ก็ทำไว้ในเพจด้วยนะเออ ตามไปกดดู ชูนิ้ว กันได้ตามลิ้งนี้เลย แอร๊ยยย!!
https://www.facebook.com/pg/everydayjourneyy/photos/?tab=album&album_id=211980495946086







ผมโบกมือลากรุงมอสโก เพื่อจะนั่งรถไฟ Night train ต่อไปยัง St Petersburg
มาถึงสถานีรถไฟ ที่มอสโกนี้มีสถานีรถไฟกระจุกตัวกัน 3-4 สถานีเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสถานีก็ส่งรถไฟออกไปแต่ละทิศของประเทศ
ส่วนม้าเหล็กที่จะควบไป St Peter ก็ต้องไปขึ้นที่สถานี Leningradsky (St Petersburg อดีตเคยถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เลนินกราด ตามชื่อของผู้นำเลนิน)

หน้าสถานีรถไฟนอกจากจะมีคนเดินป้วนเปี้ยนแล้ว ยังมีตำรวจควงปืนอาก้า ที่หว่างขายังมีหมาอัลเซเชียน
ถ้าหมาทุกตัวในโลกนี้อยู่ในกรอบของประโยคที่ว่า 'หมาเห่ามันไม่กัด หมากัดมันไม่เห่า' แล้วล่ะก็ อัลเซเชียนพวกนี้มันก็คงจะกัดเก่งเอามากๆ
บรรยากาศในมอสโกมันเทาๆหนาวๆ สมกับที่เป็นดินแดนหลังม่านเหล็ก
ตำรวจนี่ก็คงจะทำงานมาหนักทั้งวัน เห็นยืนหาวอยู่ทีสองที หนึ่งหาว สองหาว แต่ก็ยังไม่ถึงกับสามหาวนะ
ขอบอกว่าการท่องเที่ยวในรัสเซียนั้นควรจะมีเอกสารติดตัวให้ครบ ทั้ง Passport + Hotel registration + Transportation ticket
เพราะจะโดนตำรวจเข้าชาร์จเพื่อตรวจเอกสารอยู่ตลอด







ทางด้านภูมิศาสตร์ St Petersburg ไม่ได้ใกล้เคียงกับเมืองใดในสยาม แต่ถ้าพูดเรื่องประวัติศาสตร์แล้ว
St Petersburg ก็เทียบได้กับอยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน เพราะทั้งคู่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของทั้งสองอาณาจักร
วัดวาอารามเต็มกรุงเก่าฉันไร โบสถ์วิหารก็เต็ม St Petersburg ฉันนั้น
The Hermitage ดูจะเป็นดาวดวงเด่นของของเมืองแห่งนี้ พระราชวังฤดูหนาวสีมิ้นท์ ก็เป็นเหมือนพระราชวังอื่นๆทั่วโลก
ที่ปัจจุบันถูกล้วงไส้แล้วยัดสมบัติพระสถานเข้าไปจนเต็ม แล้วเปิดเป็นมิวเซียม ดูดเอาเงินจากนักท่องเที่ยวผู้ด้อยวาสนาให้มาดูของแพงเหล่านี้
ที่พักของผมชื่อว่า Hostel 1912 มันอยู่ห่างจาก The Hermitage เพียงข้ามสะพาน







Hermitage เป็นเป้าหมายหลัก เป้าหมายแรกของวันนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นดาวเด่นของเมือง
แต่เพราะว่าที่มิวเซียมแห่งนี้ มีงานจัดแสดง Exhibition ชั่วคราว แสดงรูปภาพ Gallery สุดแพงของ Steve McCurry ช่างภาพตัวพ่อของดาวเคราะห์โลก
หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก Steve McCurry แต่อย่างน้อยทุกคนน่าจะเคยเห็นผลงานของเขา ที่มักจะถูกจับมาถ่ายทอดบนหน้าปก Cover ของนิตยสารกรอบเหลือง National Geographic อยู่บ่อยๆ และภาพที่สร้างชื่อให้เขาก็คือ ภาพเด็กหญิงชาวอัฟกานิสถานในผ้าคลุมสีแดง ผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกต
และวันนี้เป็นวันสุดท้ายของ Exhibition นี้







หิมะมันเริ่มตกตั้งแต่เช้า แต่พอความหนาวมันไม่ถึง มันเลยตกมาเป็นฝน
เพราะงั้นทุกคนเย็นใจได้เลย หิมะก็ตกที่ไทยทุกวัน แค่มันร้อนจนกลายเป็นฝนเท่านั้นเอง
ถึงแม้จะมาเช้า แต่แถวก็ต่อยาวออกมาจนปลายแถวอยู่นอกตัวอาคาร ก็ยืนตากฝนกันไป







ซื้อตั๋ว ฝากกระเป๋า ยื่นเสื้อหนาวให้เขา แล้วก็สะพายกล้องไปลุยด้านในมิวเซียมได้เลย
และนี่ก็คือจ้าวแห่งมิวเซียมนี้ !!!







ด้านในมิวเซียมก็ขนสมบัติกันมาจนเต็ม สมกับที่เป็นมิวเซียมที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก
ก็อย่างที่รู้ๆกันอ่ะเนอะ สะสมของบนโลกไว้มากมาย แต่พอตาย ก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง สมบัติผลัดกันชมจริงๆ
มนุษย์สร้างกฎกติกามากมาย กำหนดปฏิทิน สร้างกรอบเวลา แต่มันมีส่วนไหนของชีวิตเราบ้าง ที่เราสามารถควบคุมมันได้จริงๆ
เราไม่เคยพอใจในทรัพย์สินที่มี แต่กลับพอใจในสติปัญญาของตัวเอง
ชีวิตเราจะเป็นยังไงบ้างนะถ้าหันมากอบโกยความรู้ เหมือนกับที่เรากอบโกยทรัพย์สิน











ผมพยายามเดินให้ทั่วๆ เก็บไปทุกห้อง แต่ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ เพราะเวลาที่มีทั้งหมดของวัน อยากจะทุ่มกันที่ Gallery ของ McCurry
แต่เดินหาเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอสักที เข้าห้องนู้นออกห้องนี้ เดินไปเดินมาชักงง
ต้องรวบรวมความกล้า เดินไปถามป้า ว่าไอ Exhibition เนี่ยมันอยู่ตรงส่วนไหนของมิวเซียม
ก็ได้ความว่ามันอยู่อีกตึกนึง นอกมิวเซียม ตึกเหลืองๆ ที่ฝั่งตรงข้าม Hermitage เนี่ยแหละ
ผมรีบจ้ำออกไปเพื่อไปดูดซับพลังแห่งภาพถ่ายของ McCurry







มันตื่นเต้นสุดใจเลยนะ เวลาเห็นโปสเตอร์ทางเข้า เป็นรูปต่างๆ ของ mcCurry ตามป้ายรูปภาพนั่นไปเรื่อยๆ
มันเหมือนกับกำลังกิน Sushi course จากนักปั้นซูชิชื่อดังเลยนะ คำแรกๆก็ค่อยๆปรับต่อมรับรสของลิ้นให้ตื่นเต้นอยากรู้ว่ารสชาติของคำต่อไปจะเป็นอย่างไร
พอได้เข้าไปชมงานจัดแสดงจริงๆแล้ว มันต้องร้องโอ้โหสามที กุลีปลาบปลื้ม
แต่ละรูปที่ถูกจัดมาใส่กรอบห้อยฝาผนังนี่มันเหนือธรรมชาติทั้งนั้น Power, Composition, Meaning มาเต็ม
ดูงานจัดแสดงนี้เสร็จ ก็อยากจะเด็ดรูปในกล้องตัวเองออกให้หมด







แต่กว่า McCurry จะมาถึงจุดนี้ ก็ใช่ว่าเอะอะ ลุกขึ้นมาจับกล้อง ลั่นชัตเตอร์ แล้วจะปังจะดังได้ขนาดนี้นะ
Steve เริ่มต้นอาชีพช่างภาพโดยเป็น Journalist ในต่างแดน ถ่ายภาพสงคราม และภาพ Portrait ต่างๆ ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ
ต้องใช้เวลา 30 กว่าปี คนทั่วโลกถึงจะรู้จักและยอมรับในฝีมือของเขา
การจะไปถึงฝั่งฝันได้ ไม่ง่ายแค่คิด แต่อาศัยการอุทิศทั้งชีวิต นั่นคือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการดู Exhibition นี้

ชื่อสินค้า:   ลาออกจากงานแล้วมาโหนรถไฟ จากไทยไปตุรกี : Trans-Siberian Express
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่