Kong: Skull Island (Jordan Vogt-Roberts, 2017) คะแนน C
By Form Corleone
" งานภาพสวย ฉาก CG ตื่นตาตื่นใจ แต่หนังขาดเสน่ห์ไร้ซึ่งความหนักแน่นของเรื่องราว " ตัวละคร 'คิงคอง' ผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนาน เสน่ห์ของเรื่องราว ‘คิงคอง’ ตั้งแต่สมัยก่อนคือความเป็น 'beauty and the beast' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างสัตว์ร้ายกับหญิงงาม รวมถึงบอกเล่าเส้นแบ่งระหว่างพรมแดนที่คั่นมนุษย์กับสัตว์ป่าเอาไว้อย่างมีมิติ ความสะเทือนใจต่อตัว ‘คิงคอง’ หรือความสงสารที่เรามีให้ต่อตัวละครตัวนี้ยังคงประทับใจเราอยู่เสมอในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ รวมถึงความโหดร้ายของมนุษย์ที่น่าจะป่าเถื่อนมากกว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าที่ตัวหนังเรื่องก่อนๆพยายามจะสื่อถึงในมุมนั้น แต่สำหรับ ‘คิงคอง เวอร์ชั่น 2017’ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อนๆ แบบคนละซีกโลกในนิยามของพล็อตเรื่อง 'Kong: Skull Island' หยิบตัวละครตัวนี้มาทำใหม่โดยไม่ได้ทิ้งข้อความที่ดีงามในงานเก่าๆไว้เลย จนทำให้หนังขาดเสน่ห์ในมุมมองของการรุกล้ำถิ่นที่อยู่ของสัตว์หายาก หรือผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ รวมถึงความรักระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันแม้จะต่างสายพันธ์กันก็ตาม ดูจะหายไปจากหนังเรื่องนี้ และถึงตัวหนังจะมีประเด็นเรื่องสงครามหรืออำนาจของความเป็นใหญ่เข้ามาสอดแทรก หรือการทำหน้าที่อย่างไม่เต็มใจของเหล่าทหารกล้าที่ทำเพียงรับคำสั่งจากหัวหน้าเท่านั้น การข้ามพรมแดนไปทำสงครามของอเมริกาที่มีฉากหลังเป็นสงครามเวียดนามก็ตามแต่ หนังก็ยังให้ประเด็นต่างๆเหล่านี้อย่างตื้นเขินจนไร้น้ำหนัก ซึ่งมันสามารถจะทำให้ประเด็นที่กล่าวมามีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ได้
สำหรับเหล่านักแสดงทั้ง Tom Hiddleston, Samuel L. Jackson, รวมถึง Brie Larson ต้องบอกว่าดับสนิทกันตามๆกัน ดูแล้วรู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตัวละคร เรารู้สึกตลกในฉากที่ไม่ควรตลก สำหรับเราหนังสามารถเอาใครมาแสดงก็ได้เพราะตัวบทภาพยนตร์ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นักแสดงเหล่านี้มาเล่นเลย โดยเฉาะ 'Brie Larson' ที่รู้สึกผิดหวังว่าเธอจะรับเล่นงานนี้ทำไม ตอนเห็นชื่อครั้งแรกเราคิดว่าตัวละครตัวนี้จะสำคัญต่อเรื่องราวทั้งหมดแน่ๆ ซึ่งมันควรจะสำคัญต่อเส้นเรื่องในหนังคิงคองอย่างมาก แต่ตัวหนังกับให้เธอเล่นด้วยท่าทางตกใจ ทำตาโตๆ ทำหน้าตกตะลึง ไร้เสน่ห์ไร้พลังโดยไม่จำเป็น ถ้า 'Brie Larson' ไม่มีงานแสดงเรื่อง 'Room' ที่ทำให้เธอได้รางวัลนำหญิงมาเมื่อปี 2015 คงจะไม่ติดใจอะไร ในส่วนของบทภาพยนตร์เป็นอะไรที่ตัวหนังไม่ได้แคร์เลยว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลาครึ่งหลังของเรื่องหนังแทบจะไม่ต้องมีบทภาพยนตร์อะไรเลย เพราะหนังโฟกัสไปที่ฉากแอคชั่นสวยๆ งานภาพสวยๆ พื้นหลังป่า+ภูเขา จนละทิ้งข้อความที่ควรจะเป็นสาระให้กับเรื่องราวหายไปจนหมด ซึ่งสำหรับเราก็พอเข้าใจได้ว่าแนวทางทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เลือกที่จะไปโฟกัสความบันเทิงในฉากต่อสู้ของเหล่าสัตว์ประหลาดเสียมากกว่า แน่นอนว่าสำหรับเราแล้ว มันรู้สึกเบื่อมากๆ ที่ต้องทนดูฉากแบบนั้นตลอดเวลา
สุดท้าย 'Kong: Skull Island' คงจะให้ความสนุกสนานไม่มากก็น้อย รวมถึงงานภาพที่สวยมาก แต่ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรที่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลแล้ว ข้อดีของหนังเรื่องนี้คงเป็นงาน CG ที่สมจริงมากๆ อย่างที่กล่าวไป แต่สำหรับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆนั้น ไม่ได้ส่งเสริมหรือช่วยให้หนังดูน่าสนใจ ถ้าใครชอบงานแอคชั่นก็ไปดูได้สบายๆอาจจะหลงรักเลยก็ได้ แต่ถ้าใครอยากได้งานจรรโลงใจเหมือนที่ 'King Kong ฉบับ 2005' หรือฉบับก่อนๆได้ให้ไว้ คงต้องบอกว่าเราจะไม่ได้ข้อความดีๆอะไรจากนั้นเรื่องนี้เลย และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราคงจะต้องพบเจอการต่อสู้กันของเหล่าสัตว์ประหลาดแบบนี้ไปอีกนานแน่นอน เชื่อเหลือเกินว่าสุดท้ายทุกคนก็จะชินกับงาน CG แบบนี้และรู้สึกเบื่อมันในท้ายที่สุด โดยภาพรวมแล้วเราไม่สนุกเลย…
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
https://youtu.be/44LdLqgOpjo
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Kong: Skull Island (Jordan Vogt-Roberts, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" งานภาพสวย ฉาก CG ตื่นตาตื่นใจ แต่หนังขาดเสน่ห์ไร้ซึ่งความหนักแน่นของเรื่องราว " ตัวละคร 'คิงคอง' ผ่านยุคสมัยมาอย่างยาวนาน เสน่ห์ของเรื่องราว ‘คิงคอง’ ตั้งแต่สมัยก่อนคือความเป็น 'beauty and the beast' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างสัตว์ร้ายกับหญิงงาม รวมถึงบอกเล่าเส้นแบ่งระหว่างพรมแดนที่คั่นมนุษย์กับสัตว์ป่าเอาไว้อย่างมีมิติ ความสะเทือนใจต่อตัว ‘คิงคอง’ หรือความสงสารที่เรามีให้ต่อตัวละครตัวนี้ยังคงประทับใจเราอยู่เสมอในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ รวมถึงความโหดร้ายของมนุษย์ที่น่าจะป่าเถื่อนมากกว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าที่ตัวหนังเรื่องก่อนๆพยายามจะสื่อถึงในมุมนั้น แต่สำหรับ ‘คิงคอง เวอร์ชั่น 2017’ ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อนๆ แบบคนละซีกโลกในนิยามของพล็อตเรื่อง 'Kong: Skull Island' หยิบตัวละครตัวนี้มาทำใหม่โดยไม่ได้ทิ้งข้อความที่ดีงามในงานเก่าๆไว้เลย จนทำให้หนังขาดเสน่ห์ในมุมมองของการรุกล้ำถิ่นที่อยู่ของสัตว์หายาก หรือผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์ รวมถึงความรักระหว่างสิ่งมีชีวิตด้วยกันแม้จะต่างสายพันธ์กันก็ตาม ดูจะหายไปจากหนังเรื่องนี้ และถึงตัวหนังจะมีประเด็นเรื่องสงครามหรืออำนาจของความเป็นใหญ่เข้ามาสอดแทรก หรือการทำหน้าที่อย่างไม่เต็มใจของเหล่าทหารกล้าที่ทำเพียงรับคำสั่งจากหัวหน้าเท่านั้น การข้ามพรมแดนไปทำสงครามของอเมริกาที่มีฉากหลังเป็นสงครามเวียดนามก็ตามแต่ หนังก็ยังให้ประเด็นต่างๆเหล่านี้อย่างตื้นเขินจนไร้น้ำหนัก ซึ่งมันสามารถจะทำให้ประเด็นที่กล่าวมามีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ได้
สำหรับเหล่านักแสดงทั้ง Tom Hiddleston, Samuel L. Jackson, รวมถึง Brie Larson ต้องบอกว่าดับสนิทกันตามๆกัน ดูแล้วรู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตัวละคร เรารู้สึกตลกในฉากที่ไม่ควรตลก สำหรับเราหนังสามารถเอาใครมาแสดงก็ได้เพราะตัวบทภาพยนตร์ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นักแสดงเหล่านี้มาเล่นเลย โดยเฉาะ 'Brie Larson' ที่รู้สึกผิดหวังว่าเธอจะรับเล่นงานนี้ทำไม ตอนเห็นชื่อครั้งแรกเราคิดว่าตัวละครตัวนี้จะสำคัญต่อเรื่องราวทั้งหมดแน่ๆ ซึ่งมันควรจะสำคัญต่อเส้นเรื่องในหนังคิงคองอย่างมาก แต่ตัวหนังกับให้เธอเล่นด้วยท่าทางตกใจ ทำตาโตๆ ทำหน้าตกตะลึง ไร้เสน่ห์ไร้พลังโดยไม่จำเป็น ถ้า 'Brie Larson' ไม่มีงานแสดงเรื่อง 'Room' ที่ทำให้เธอได้รางวัลนำหญิงมาเมื่อปี 2015 คงจะไม่ติดใจอะไร ในส่วนของบทภาพยนตร์เป็นอะไรที่ตัวหนังไม่ได้แคร์เลยว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะตลอดระยะเวลาครึ่งหลังของเรื่องหนังแทบจะไม่ต้องมีบทภาพยนตร์อะไรเลย เพราะหนังโฟกัสไปที่ฉากแอคชั่นสวยๆ งานภาพสวยๆ พื้นหลังป่า+ภูเขา จนละทิ้งข้อความที่ควรจะเป็นสาระให้กับเรื่องราวหายไปจนหมด ซึ่งสำหรับเราก็พอเข้าใจได้ว่าแนวทางทั้งหมดของหนังเรื่องนี้เลือกที่จะไปโฟกัสความบันเทิงในฉากต่อสู้ของเหล่าสัตว์ประหลาดเสียมากกว่า แน่นอนว่าสำหรับเราแล้ว มันรู้สึกเบื่อมากๆ ที่ต้องทนดูฉากแบบนั้นตลอดเวลา
สุดท้าย 'Kong: Skull Island' คงจะให้ความสนุกสนานไม่มากก็น้อย รวมถึงงานภาพที่สวยมาก แต่ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรที่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปไกลแล้ว ข้อดีของหนังเรื่องนี้คงเป็นงาน CG ที่สมจริงมากๆ อย่างที่กล่าวไป แต่สำหรับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆนั้น ไม่ได้ส่งเสริมหรือช่วยให้หนังดูน่าสนใจ ถ้าใครชอบงานแอคชั่นก็ไปดูได้สบายๆอาจจะหลงรักเลยก็ได้ แต่ถ้าใครอยากได้งานจรรโลงใจเหมือนที่ 'King Kong ฉบับ 2005' หรือฉบับก่อนๆได้ให้ไว้ คงต้องบอกว่าเราจะไม่ได้ข้อความดีๆอะไรจากนั้นเรื่องนี้เลย และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราคงจะต้องพบเจอการต่อสู้กันของเหล่าสัตว์ประหลาดแบบนี้ไปอีกนานแน่นอน เชื่อเหลือเกินว่าสุดท้ายทุกคนก็จะชินกับงาน CG แบบนี้และรู้สึกเบื่อมันในท้ายที่สุด โดยภาพรวมแล้วเราไม่สนุกเลย…
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง https://youtu.be/44LdLqgOpjo
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/