ปาราชิก มี 4 ข้อ (ใหญ่)
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาททองคำ)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่นอกครรภ์หรือในครรภ์
4. กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม ที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่า "" ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ "" เมื่อขาดจากความเป็นพระแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่พระภิกษุอีกต่อไป ไม่สามารถอยู่ร่วมกับภิกษุอื่นหรือคณะหมู่สงฆ์ได้เลย ต้องลาสิกขาบทออกจากเป็นพระภิกษุทันที
แต่ผมเห็นในข่าว ชาวพุทธบางกลุ่ม พากันจับสึกพระดื่มเหล้า พระเมา และสึกพระ ทั้งทั้งที่อาบัติ หรือความผิดท่าน ยังไม่ถึงขั้นปราชิก
ผมเห็นมากับตา พระสูบบุหรี่ ขวันโขมงเลย เป็นอาบัติแน่นอน บางรูป แอบฉันตอนเย็น (ต้มมาม่า) แต่ในระหว่างวัน ท่านซ่อมแซมกุฎิสงฆ์ ทำความสะอาดเสนาสนะ ขัดล้างห้องน้ำ ทำกิจข้อวัตร ครบ ... พระก็คนธรรมดาคนนึง ก็คงมีพลาดบ้าง ทนไม่ไหวบ้าง
"" พระพุทธเจ้า ท่านกำหนดขั้นของอาบัติ และวิธีปลงอาบัติประเภทต่างๆ ไว้แล้ว "" ช่วยศึกษาและ ทำตามพระวินัยด้วยนะครับ ชาวพุทธ (บางกลุ่ม) .. บาปหนัก จะได้ไม่ตกแก่ท่าน
ชาวพุทธ (บางกลุ่ม) สึกพระ ... แต่ไม่รู้ข้อพระวินัย
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสัมพันธ์ทางเพศกับมนุษย์ หรืออมนุษย์ หรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก (5 มาสกเท่ากับ 1 บาททองคำ)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือกระทำเอง หรือจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้น ๆ ยินดีที่จะตาย (โดยมีเจตนาหวังให้ตาย) ไม่นอกครรภ์หรือในครรภ์
4. กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม ที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)
อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่า "" ขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ "" เมื่อขาดจากความเป็นพระแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่พระภิกษุอีกต่อไป ไม่สามารถอยู่ร่วมกับภิกษุอื่นหรือคณะหมู่สงฆ์ได้เลย ต้องลาสิกขาบทออกจากเป็นพระภิกษุทันที
แต่ผมเห็นในข่าว ชาวพุทธบางกลุ่ม พากันจับสึกพระดื่มเหล้า พระเมา และสึกพระ ทั้งทั้งที่อาบัติ หรือความผิดท่าน ยังไม่ถึงขั้นปราชิก
ผมเห็นมากับตา พระสูบบุหรี่ ขวันโขมงเลย เป็นอาบัติแน่นอน บางรูป แอบฉันตอนเย็น (ต้มมาม่า) แต่ในระหว่างวัน ท่านซ่อมแซมกุฎิสงฆ์ ทำความสะอาดเสนาสนะ ขัดล้างห้องน้ำ ทำกิจข้อวัตร ครบ ... พระก็คนธรรมดาคนนึง ก็คงมีพลาดบ้าง ทนไม่ไหวบ้าง
"" พระพุทธเจ้า ท่านกำหนดขั้นของอาบัติ และวิธีปลงอาบัติประเภทต่างๆ ไว้แล้ว "" ช่วยศึกษาและ ทำตามพระวินัยด้วยนะครับ ชาวพุทธ (บางกลุ่ม) .. บาปหนัก จะได้ไม่ตกแก่ท่าน