ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่work and travel2017กำลังรับสมัครแล้วก็เริ่มสัมภาษณ์งานกันแล้ว วันนี้เราขอมาแชร์ประสบการณ์ work and travelที่เราไปมาปีที่แล้วนะคะ เราไปทำงานที่Bilo Supermarket, Hilton head island, South Carolinaค่ะ โดยทริปนี้ไปกับเพื่อนสองคนค่ะ
ขอออกตัวก่อนว่าเน้นเล่าประสบการณ์ เนื่องจากเราไปกันแบบเด็กไทยโง่ๆสองคน จึงมีประสบการณ์โง่ๆเยอะมาก ทั้งกระเป๋าหาย กระเป๋าโดนทุบ ตำรวจจับ และรถดับเพลิงมาที่บ้าน55555 รูปเยอะมากๆ แต่ไม่สวยนะคะ55555 ถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นกันค่ะ รูปมาจากทั้งกล้อง Cannon และ Olympus รวมถึงไอโฟนด้วยค่ะ ทำงานเก็บเงินทั้งหมด2เดือนแล้วไปเที่ยวให้สุด4เมืองในฝันของเด็กไทยหลายๆคน New York, Los Angeles, San Francisco, Florida ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวชาวพันทิพย์ด้วยนะคะ
ขอเริ่มด้วยรายละเอียดของโครงการก่อนนะคะ
เอเจนซี่ – เราเลือกไปกับเอเจนซี่ตัวย่อ H. นะคะ ข้อดีของเอเจนซี่นี้คือดูแลดีนะคะ สำหรับเรานะ คือมีการนัดอบรม Orientation ให้ข้อมูลทุกอย่างดีมากค่ะ เทียบกับเพื่อนเราที่ไปเอเจนซี่อื่นจะไม่มีการนัดมาประชุมอะไรงี้นะ ส่วนเอเจนซี่ที่เราไปเวลามีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็อีเมลล์ไป เขาก็ตอบกลับเร็วค่ะ แต่ข้อเสียคือเรารู้สึกว่ามันช้ามาก คือวันบินช้ากว่าเพื่อนที่ไปกับเอเจนซี่อื่น (อาจจะเป็นเพราะงานที่เราเลือกด้วย แต่คือเขาก็ไม่ได้บอกก่อนว่างานไหนจะได้บินเร็วบินช้า เราใจร้อนอยากบินเร็วๆ พอมารู้ทีหลังว่างานนี้ได้บินช้านี่เฟลมาก555555) ตั๋วเครื่องบินงานเราบังคับซื้อกับเอเจนซี่ก็ได้ตั๋วช้ามาก ได้ตั๋วก่อนวันบินจริงแค่6วันเองค่ะ แล้วก็มีการจ่ายเงินยิบย่อยค่อนข้างเยอะ (อาจจะเป็นเฉพาะงานเรารึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ)
งาน – เราเลือกทำงานที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่ Hilton Head island, South Carolina ค่ะ ได้ชั่วโมงละ $11.75 งานเราบังคับบินพร้อมกันทุกคนที่ไปทำงานนี้เลย คือซุปเปอร์มาเก็ตนี้มี3สาขาค่ะ สาขาละ20คน บินพร้อมกัน3สาขาก็60คนเลย เราเลือกงานนี้เพราะเงินดีแล้วก็ไม่อยากทำงานโรงแรมค่ะ พอดีไม่เก่งด้านทำความสะอาดจริงๆ แฮะๆ งานนี้บังคับซื้อตั๋วกับเอเจนซี่ค่ะเลยไม่ได้จัดการเรื่องตั๋วเองเลย เรื่องทีพักเขาก็ให้พักรวมกันหมดทั้ง60คนในโรงแรมที่ Bluffton,SC ค่ะ ห้องละ4คน และจะมีรถบัสรับส่งจากโรงแรมไปที่ทำงานแต่ละสาขาค่ะ
ค่าใช้จ่าย – จะมีค่าโครงการส่วนแรกรวมกับค่าวีซ่าประมาณ 50000บาทค่ะ แล้วก็ค่าตั๋วเครื่องบิน (บังคับซื้อกับเอเจนซี่) 39500บาท ค่าเดินทางเพราะงานเรานายจ้างจะมีรถรับส่งตลอดการทำงาน20000บาท แล้วก็งานที่เราเลือกจะต้องมีการอบรมก่อนเข้าทำงานจึงมีค่าโรงแรมที่ต้องพักในวันฝึกอบรม (อบรมที่Head Officeที่Florida) และค่ารถที่จะมารับจากสนามบินไปโรงแรม 5000บาท ส่วนเงินสดที่พกติดตัวไปเอาไป $700ค่ะ
ในวันบินไปอเมริกา เราก็ทำเว็บเช็กอินเลือกที่นั่งติดกันค่ะ (เหมือนเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้นะคะเพราะมีหลายคนที่มาถามเราว่าทำยังไงให้ได้นั่งติดกันตลอดเลย) เราบินของสายการบินChina Airlines เราไม่เคยบินกับChina Airlinesเลย แต่ก็ถือว่าไม่แย่เท่าที่คิดนะคะ เราไปต่อเครื่องที่ไทเป ช่วงจากกรุงเทพไปไทเปเครื่องจะเก่านิดนึงค่ะ แต่จากไทเปไปนิวยอร์คนี่เครื่องใหม่กว่ามาก หน้าจอทัชสกรีนด้วยนะ แต่ที่ไม่ค่อยถูกปากคืออาหารค่ะ ยิ่งomletนี่รสชาติเหมือน เยลลี่ไข่มาก
รูปภาพเที่ยวบินและอาหารบนเครื่องอยู่ในสปอยล์นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนต่อเครื่องที่ไทเป ฝนตกหนักมากค่ะ น้ำท่วมสนามบินทำให้เครื่องลงจอดไม่ได้ สรุปว่าดีเลย์ไปสองชั่วโมง พอลงเครื่องได้ก็เกิดปัญหาค่ะ เพราะว่าterminal2ที่เราต้องไปต่อเครื่องเนี่ยน้ำท่วม ต้องเปลี่ยนgate เลยเกิดเป็นการผจญภัยแรกของเด็กไทยสองคนที่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆต้องไปสื่อสารกับพนักงานสนามบินชาวไต้หวัน แต่ก็รอดกันมาได้นะคะ ไม่ตกเครื่องด้วย55
จากนั้นเมื่อไปถึงที่นิวยอร์ค ที่สนามบินJFK แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมากค่ะ แล้วเราก็พบกับปัญหาที่สองของเรานั่นก็คือ กระเป๋ามาไม่ถึงนิวยอร์คค่ะ ยังคงค้างอยู่ที่ไต้หวันเนื่องจากสนามบินที่นั่นน้ำท่วมแล้วเขาขนส่งกระเป๋าเรามาไม่ได้ กระเป๋าจะตามมากับเครื่องลำถัดไปที่จะมานิวยอร์ค อ่าววว ซวยแล้วไง เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดของตัวเองสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เป็นเจ้าหน้าที่ผิวสีตัวใหญ่ๆใส่ชุดสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกน่ากลัว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไปคุยค่ะ ตอนนั้นนี่ใจเสียแล้วค่ะ คิดแล้วว่าแบบเฮ้ย อะไรจะซวยขนาดนี้เนี่ย มาถึงก็มีปัญหาเลย
แต่ปรากฏว่าโชคดีค่ะ คุยกับเขารู้เรื่อง เขาเลยให้กรอกที่อยู่ที่เราจะไปอยู่ไว้แล้วเดี๋ยวถ้ากระเป๋าเรามา เขาจะส่งไปให้ตามที่อยู่ค่ะ เรายังโชคดีที่พกเสื้อผ้าบางส่วนและแปรงสีฟันcarry onขึ้นเครื่องมาด้วยเลยสามารถแบ่งกันใช้ได้ชั่วคราว เพราะว่าเราต้องรอเปลี่ยนเครื่องไป Florida อีกต่อนึงค่ะ การพกเสื้อผ้าและของใช้ไว้ในcarry on นี่สำคัญจริงๆนะคะ มีประโยชน์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้มากค่ะ
เนื่องจากเรากับเพื่อนทนความกระหายไม่ไหว ต้องหารกันซื้อน้ำเปล่าในราคา3เหรียญกว่า ตีเป็นเงินไทยแล้วตอนนั้นยังไม่ชินค่ะ ยังรับไม่ได้แพงอะไรขนาดนี้5555555
ส่วนในสนามบินJFKไม่ได้มี free wifiทุกที่นะคะ เราบินของ American Airline ซึ่งจะอยู่ที่terminalอีก terminalนึง ส่วนterminalที่เราลงเครื่องจากต่างประเทศเนี่ยจะลงที่terminal1 ค่ะ แต่เนื่องจากต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาน6ชั่วโมง เราเลยไปเล่น free wifi ที่terminal 5 ที่เป็นของสายการบิน jetblue ไม่แน่ใจว่าเป็น terminal เดียวที่มี free wifi รึเปล่านะคะ ใช้airtrainภายในสนามบินนั่งไปมาระหว่างแต่ละterminalเอาค่ะ
สนามบินที่นิวยอร์คตรงส่วนที่ยังไม่ได้check inเข้าไปนี่อาหารการกินแทบไม่มีเลยค่ะ แล้วช่วงรอเปลี่ยนเครื่องเป็นตอนกลางคืน แทบไม่มีอะไรเปิดเลย ต้องรอ2ชม. ก่อนถึงเวลาบินถึงจะcheck in แล้วผ่าน security checkเข้าไปได้ถึงจะมี McDonald’s, Starbucks (security checkที่นิวยอร์คกับแอลเอ นี่เข้มมากค่ะ มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไรมากมาย แถวยาวสุดๆ เราโดนค้นกระเป๋าเป้เพราะไม่เอาlaptopออกจากเป้ตอนผ่านเครื่องแสกน โดนเจ้าหน้าที่ดุด้วยว่าวันหลังให้เอาออกด้วยนะ อันนี้เราโง่เอง ถือเป็นประสบการณ์ค่ะครั้งอื่นก้อไม่มีพลาดอีกเลย55555)
นี่เป็นอาหารมื้อแรกของเราที่อเมริกาค่ะ Mcdonald’s ราคา12เหรียญ เป็นแมคแบบfor mealคือมีน้ำ(เลือกได้มีกาแฟ ช็อกโกแลตร้อน น้ำส้ม น้ำอัดลม) เบอร์เกอร์ แล้วก็ hashbrown ตอนนั้นนี่คิดว่าแพงมากเพราะเอาคูณเป็นเงินไทยแถมยังมีtaxอีกนะ ตอนนั้นยังไม่รู้ค่ะว่าที่อเมริกามีtaxทุกอย่างไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ตาม
จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องไปFlorida กันค่ะ บนเครื่องมีขนมแจกเล็กน้อยคล้ายๆ สายการบินที่บ้านเรา
พอถึงสนามบิน JAX (Jacksonville,FL) เราก็รีบตรงไปยังเคาเตอร์ baggage claimของ American Airlinesทันที แล้วใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดอธิบายให้เขาฟังเรื่องกระเป๋าที่ดีเลย์ของเราค่ะ เนื่องจากเราจะอยู่อบรมงานที่ฟลอริด้าแค่สามวันแล้วหลังจากนั้นเราจะต้องย้ายไปยังSouth Carolina ที่เราทำงาน เราจึงต้องแจ้งที่อยู่ทั้งสองที่ให้เขาส่งกระเป๋าไปให้เรา เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาถึงวันไหน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะกว่าจะคุยรู้เรื่อง5555555
โรงแรมที่เราพักที่ florida มีรถ shuttleมารับที่สนามบินนะคะ โทรไปเบอร์โรงแรม เขาก็จะส่งรถมารับ พอถึงที่พักเนี่ยมีพี่คนไทยที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเอเจนซี่เค้าบินมารอเราอยู่แล้วค่ะ พอเราcheck in ได้ห้องพักปุ๊ป พี่เขาก็ขอให้ shuttle ของโรงแรมไปส่งที่ walmartค่ะ เนื่องจากเด็กไทยทั้งหมดไม่ได้กระเป๋าเดินทางกันเลย และบางคนเนี่ยไม่ได้พกเครื่องใช้จำเป็นหรือเสื้อผ้าใดๆมาในcarry on เลย จึงมีความต้องการซื้อของใช้กันสูงมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พอไปถึงwalmart เจอลิปสติก wet n wild นี่คว้าก่อนของใช้ส่วนตัวอีกค่ะ55555 ราคาถูกขนาดนี้ หยิบมาทุกสีแบบไม่คิดเลย
พวกสบู่ แชมพู นี่เลือกแบบราคาถูกสุดๆ ก็แค่2เหรียญก็มีนะคะ ขวดใหญ่ด้วย มีตั้งแต่ราคาสองเหรียญไปจนถึงสิบกว่าเหรียญให้เลือกเลยค่ะ แต่นี่ต้องประหยัดเลยเลือกแบบถูกสุด5555 เสื้อผ้าเราก็ต้องซื้อใหม่หมด เลยซื้อเสื้อยืดแพ็ค4ตัวของวอลมาร์ทไปแบ่งกันใส่สองคนค่ะ ราคาประหยัดที่สุดแล้ว เราโชคดีที่เอาชุดชั้นในcarry onมา เลยไม่ต้องซื้อ ส่วนของเพื่อนเราต้องซื้อทุกอย่างเลยค่ะ เพราะไม่พกอะไรcarry onมาเลย (เพิ่งเข้าใจว่าการcarry onเสื้อผ้ากันเหตุฉุกเฉินนี่สำคัญก็วันนี้แหละ)
อาหารมื้อที่สองของเราสองคนนี่อิ่มแปล้มากค่ะ เพราะมาเจอเพื่อนคนไทยที่มาอบรมงานด้วยกันแล้ว เลยซื้ออาหารในwalmartมาหารกัน เป็นการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ไปในตัว แต่คืนแรกๆที่มาถึงเรานอนเร็วมากค่ะ ปรับเวลาไม่ได้ นอนสองทุ่ม ตื่นตีสาม jet lackทำพิษ
มาถึงเราก็ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความอ้วนเลยค่ะ5555555 รูปนี้เรากินกันที่ร้าน buffalo wing’s ค่ะ คิดว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงนะคะ เพราะมีทุกเมืองเลยแล้วมีหลายสาขาด้วย แถมคนเยอะอีก แต่สำหรับเราสองคนแล้วไม่ถูกปากเลยค่ะ ไก่บัฟฟาโลที่เป็นsignatureรสชาติเข้มๆเครื่องเทศ ส่วนอย่างอื่นก็ธรรมดาค่ะ ราคาเซตละ 8เหรียญ
ส่วนพิซซ่า นายจ้างเลี้ยงตอนอบรมงานค่ะ เราค่อยข้างสบายมากเพราะตอนอบรมงานนี่นายจ้างก็จะมีซิมมือถือให้ (เรื่องsim card เราใช้แบบfamily packageค่ะ หารสี่คน จับกลุ่มกับคนไทยที่มาทำงานด้วยกัน ใช้เน็ต โทร ข้อความไม่อั้น เดือนละ 37เหรียญ ของ t-mobile) แล้วก็เปิดบัญชีธนาคารและบัตรเดบิตของTD bankเอาไว้ใช้ในการจ่ายค่าจ้างให้เลยค่ะ
ส่วนเรื่องกระเป๋าเดินทางของเราสองคนนั้น เราก็โทรไปตามเรื่องกับ baggage claimทุกวันค่ะ จนในสุดในวันที่สาม เราก็ได้รับคำตอบว่ากระเป๋าได้ส่งมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ เราดีใจมากวิ่งไปถามล็อบบี้เรื่องกระเป๋า แล้วให้ทายว่าเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่องถัดไปคืออะไรเอ่ยยย
กระเป๋าเราโดนค้นค่ะ เป็นผู้โชคดีที่โดน ตม.อเมริกาสุ่มมาค้นค่ะ ไม่โดนยึดอะไรนะคะทุกอย่างอยู่ครบยกเว้นตัวล็อกกระเป๋าพังค่ะ โดนทุบ (ผิดเองที่ตัวล็อกกระเป๋าไม่ world wide แต่ก็รู้สึกโชคร้ายมากค่ะ คนไทยที่มาอบรมกัน60คน มีแค่เรากับพี่อีกคน โดนสุ่มตรวจกันอยู่แค่สองคน) ความเสียหายนอกจากตัวล็อกกระเป๋าพังแล้วก็มีแค่เครื่องสำอางแตกค่ะ (แต่naked2เชียวนะ เสียดายมากกกก) ตอนนั้นความรู้สึกนี่เฟลแล้วค่ะ แบบทำไมต้องเป็นเรานะที่เจอแต่ละเรื่อง55555 ไปwork and travelนี่ได้ประสบการณ์จริงๆเลยเชียว โวยวายอะไรไม่ได้ด้วยนะคะ มาบ้านเขา กฎหมายเขา เขามีสิทธ์ TT
WAT2017 แชร์ประสบการณ์ทำงานซุปเปอร์มาเก็ต2เดือน เพื่อเที่ยว4เมืองในฝัน
ขอออกตัวก่อนว่าเน้นเล่าประสบการณ์ เนื่องจากเราไปกันแบบเด็กไทยโง่ๆสองคน จึงมีประสบการณ์โง่ๆเยอะมาก ทั้งกระเป๋าหาย กระเป๋าโดนทุบ ตำรวจจับ และรถดับเพลิงมาที่บ้าน55555 รูปเยอะมากๆ แต่ไม่สวยนะคะ55555 ถ่ายรูปไม่ค่อยเป็นกันค่ะ รูปมาจากทั้งกล้อง Cannon และ Olympus รวมถึงไอโฟนด้วยค่ะ ทำงานเก็บเงินทั้งหมด2เดือนแล้วไปเที่ยวให้สุด4เมืองในฝันของเด็กไทยหลายๆคน New York, Los Angeles, San Francisco, Florida ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวชาวพันทิพย์ด้วยนะคะ
ขอเริ่มด้วยรายละเอียดของโครงการก่อนนะคะ
เอเจนซี่ – เราเลือกไปกับเอเจนซี่ตัวย่อ H. นะคะ ข้อดีของเอเจนซี่นี้คือดูแลดีนะคะ สำหรับเรานะ คือมีการนัดอบรม Orientation ให้ข้อมูลทุกอย่างดีมากค่ะ เทียบกับเพื่อนเราที่ไปเอเจนซี่อื่นจะไม่มีการนัดมาประชุมอะไรงี้นะ ส่วนเอเจนซี่ที่เราไปเวลามีปัญหาหรือสงสัยอะไรก็อีเมลล์ไป เขาก็ตอบกลับเร็วค่ะ แต่ข้อเสียคือเรารู้สึกว่ามันช้ามาก คือวันบินช้ากว่าเพื่อนที่ไปกับเอเจนซี่อื่น (อาจจะเป็นเพราะงานที่เราเลือกด้วย แต่คือเขาก็ไม่ได้บอกก่อนว่างานไหนจะได้บินเร็วบินช้า เราใจร้อนอยากบินเร็วๆ พอมารู้ทีหลังว่างานนี้ได้บินช้านี่เฟลมาก555555) ตั๋วเครื่องบินงานเราบังคับซื้อกับเอเจนซี่ก็ได้ตั๋วช้ามาก ได้ตั๋วก่อนวันบินจริงแค่6วันเองค่ะ แล้วก็มีการจ่ายเงินยิบย่อยค่อนข้างเยอะ (อาจจะเป็นเฉพาะงานเรารึเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ)
งาน – เราเลือกทำงานที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่ Hilton Head island, South Carolina ค่ะ ได้ชั่วโมงละ $11.75 งานเราบังคับบินพร้อมกันทุกคนที่ไปทำงานนี้เลย คือซุปเปอร์มาเก็ตนี้มี3สาขาค่ะ สาขาละ20คน บินพร้อมกัน3สาขาก็60คนเลย เราเลือกงานนี้เพราะเงินดีแล้วก็ไม่อยากทำงานโรงแรมค่ะ พอดีไม่เก่งด้านทำความสะอาดจริงๆ แฮะๆ งานนี้บังคับซื้อตั๋วกับเอเจนซี่ค่ะเลยไม่ได้จัดการเรื่องตั๋วเองเลย เรื่องทีพักเขาก็ให้พักรวมกันหมดทั้ง60คนในโรงแรมที่ Bluffton,SC ค่ะ ห้องละ4คน และจะมีรถบัสรับส่งจากโรงแรมไปที่ทำงานแต่ละสาขาค่ะ
ค่าใช้จ่าย – จะมีค่าโครงการส่วนแรกรวมกับค่าวีซ่าประมาณ 50000บาทค่ะ แล้วก็ค่าตั๋วเครื่องบิน (บังคับซื้อกับเอเจนซี่) 39500บาท ค่าเดินทางเพราะงานเรานายจ้างจะมีรถรับส่งตลอดการทำงาน20000บาท แล้วก็งานที่เราเลือกจะต้องมีการอบรมก่อนเข้าทำงานจึงมีค่าโรงแรมที่ต้องพักในวันฝึกอบรม (อบรมที่Head Officeที่Florida) และค่ารถที่จะมารับจากสนามบินไปโรงแรม 5000บาท ส่วนเงินสดที่พกติดตัวไปเอาไป $700ค่ะ
ในวันบินไปอเมริกา เราก็ทำเว็บเช็กอินเลือกที่นั่งติดกันค่ะ (เหมือนเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้นะคะเพราะมีหลายคนที่มาถามเราว่าทำยังไงให้ได้นั่งติดกันตลอดเลย) เราบินของสายการบินChina Airlines เราไม่เคยบินกับChina Airlinesเลย แต่ก็ถือว่าไม่แย่เท่าที่คิดนะคะ เราไปต่อเครื่องที่ไทเป ช่วงจากกรุงเทพไปไทเปเครื่องจะเก่านิดนึงค่ะ แต่จากไทเปไปนิวยอร์คนี่เครื่องใหม่กว่ามาก หน้าจอทัชสกรีนด้วยนะ แต่ที่ไม่ค่อยถูกปากคืออาหารค่ะ ยิ่งomletนี่รสชาติเหมือน เยลลี่ไข่มาก
รูปภาพเที่ยวบินและอาหารบนเครื่องอยู่ในสปอยล์นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนต่อเครื่องที่ไทเป ฝนตกหนักมากค่ะ น้ำท่วมสนามบินทำให้เครื่องลงจอดไม่ได้ สรุปว่าดีเลย์ไปสองชั่วโมง พอลงเครื่องได้ก็เกิดปัญหาค่ะ เพราะว่าterminal2ที่เราต้องไปต่อเครื่องเนี่ยน้ำท่วม ต้องเปลี่ยนgate เลยเกิดเป็นการผจญภัยแรกของเด็กไทยสองคนที่ภาษาอังกฤษงูๆปลาๆต้องไปสื่อสารกับพนักงานสนามบินชาวไต้หวัน แต่ก็รอดกันมาได้นะคะ ไม่ตกเครื่องด้วย55
จากนั้นเมื่อไปถึงที่นิวยอร์ค ที่สนามบินJFK แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมากค่ะ แล้วเราก็พบกับปัญหาที่สองของเรานั่นก็คือ กระเป๋ามาไม่ถึงนิวยอร์คค่ะ ยังคงค้างอยู่ที่ไต้หวันเนื่องจากสนามบินที่นั่นน้ำท่วมแล้วเขาขนส่งกระเป๋าเรามาไม่ได้ กระเป๋าจะตามมากับเครื่องลำถัดไปที่จะมานิวยอร์ค อ่าววว ซวยแล้วไง เป็นอีกครั้งที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดของตัวเองสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เป็นเจ้าหน้าที่ผิวสีตัวใหญ่ๆใส่ชุดสีน้ำเงิน ให้ความรู้สึกน่ากลัว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเข้าไปคุยค่ะ ตอนนั้นนี่ใจเสียแล้วค่ะ คิดแล้วว่าแบบเฮ้ย อะไรจะซวยขนาดนี้เนี่ย มาถึงก็มีปัญหาเลย
แต่ปรากฏว่าโชคดีค่ะ คุยกับเขารู้เรื่อง เขาเลยให้กรอกที่อยู่ที่เราจะไปอยู่ไว้แล้วเดี๋ยวถ้ากระเป๋าเรามา เขาจะส่งไปให้ตามที่อยู่ค่ะ เรายังโชคดีที่พกเสื้อผ้าบางส่วนและแปรงสีฟันcarry onขึ้นเครื่องมาด้วยเลยสามารถแบ่งกันใช้ได้ชั่วคราว เพราะว่าเราต้องรอเปลี่ยนเครื่องไป Florida อีกต่อนึงค่ะ การพกเสื้อผ้าและของใช้ไว้ในcarry on นี่สำคัญจริงๆนะคะ มีประโยชน์กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินแบบนี้มากค่ะ
เนื่องจากเรากับเพื่อนทนความกระหายไม่ไหว ต้องหารกันซื้อน้ำเปล่าในราคา3เหรียญกว่า ตีเป็นเงินไทยแล้วตอนนั้นยังไม่ชินค่ะ ยังรับไม่ได้แพงอะไรขนาดนี้5555555
ส่วนในสนามบินJFKไม่ได้มี free wifiทุกที่นะคะ เราบินของ American Airline ซึ่งจะอยู่ที่terminalอีก terminalนึง ส่วนterminalที่เราลงเครื่องจากต่างประเทศเนี่ยจะลงที่terminal1 ค่ะ แต่เนื่องจากต้องรอเปลี่ยนเครื่องประมาน6ชั่วโมง เราเลยไปเล่น free wifi ที่terminal 5 ที่เป็นของสายการบิน jetblue ไม่แน่ใจว่าเป็น terminal เดียวที่มี free wifi รึเปล่านะคะ ใช้airtrainภายในสนามบินนั่งไปมาระหว่างแต่ละterminalเอาค่ะ
สนามบินที่นิวยอร์คตรงส่วนที่ยังไม่ได้check inเข้าไปนี่อาหารการกินแทบไม่มีเลยค่ะ แล้วช่วงรอเปลี่ยนเครื่องเป็นตอนกลางคืน แทบไม่มีอะไรเปิดเลย ต้องรอ2ชม. ก่อนถึงเวลาบินถึงจะcheck in แล้วผ่าน security checkเข้าไปได้ถึงจะมี McDonald’s, Starbucks (security checkที่นิวยอร์คกับแอลเอ นี่เข้มมากค่ะ มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไรมากมาย แถวยาวสุดๆ เราโดนค้นกระเป๋าเป้เพราะไม่เอาlaptopออกจากเป้ตอนผ่านเครื่องแสกน โดนเจ้าหน้าที่ดุด้วยว่าวันหลังให้เอาออกด้วยนะ อันนี้เราโง่เอง ถือเป็นประสบการณ์ค่ะครั้งอื่นก้อไม่มีพลาดอีกเลย55555)
นี่เป็นอาหารมื้อแรกของเราที่อเมริกาค่ะ Mcdonald’s ราคา12เหรียญ เป็นแมคแบบfor mealคือมีน้ำ(เลือกได้มีกาแฟ ช็อกโกแลตร้อน น้ำส้ม น้ำอัดลม) เบอร์เกอร์ แล้วก็ hashbrown ตอนนั้นนี่คิดว่าแพงมากเพราะเอาคูณเป็นเงินไทยแถมยังมีtaxอีกนะ ตอนนั้นยังไม่รู้ค่ะว่าที่อเมริกามีtaxทุกอย่างไม่ว่าจะซื้ออะไรก็ตาม
จากนั้นเราก็ขึ้นเครื่องไปFlorida กันค่ะ บนเครื่องมีขนมแจกเล็กน้อยคล้ายๆ สายการบินที่บ้านเรา
พอถึงสนามบิน JAX (Jacksonville,FL) เราก็รีบตรงไปยังเคาเตอร์ baggage claimของ American Airlinesทันที แล้วใช้ทักษะภาษาอังกฤษอันน้อยนิดอธิบายให้เขาฟังเรื่องกระเป๋าที่ดีเลย์ของเราค่ะ เนื่องจากเราจะอยู่อบรมงานที่ฟลอริด้าแค่สามวันแล้วหลังจากนั้นเราจะต้องย้ายไปยังSouth Carolina ที่เราทำงาน เราจึงต้องแจ้งที่อยู่ทั้งสองที่ให้เขาส่งกระเป๋าไปให้เรา เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาถึงวันไหน ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงค่ะกว่าจะคุยรู้เรื่อง5555555
โรงแรมที่เราพักที่ florida มีรถ shuttleมารับที่สนามบินนะคะ โทรไปเบอร์โรงแรม เขาก็จะส่งรถมารับ พอถึงที่พักเนี่ยมีพี่คนไทยที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเอเจนซี่เค้าบินมารอเราอยู่แล้วค่ะ พอเราcheck in ได้ห้องพักปุ๊ป พี่เขาก็ขอให้ shuttle ของโรงแรมไปส่งที่ walmartค่ะ เนื่องจากเด็กไทยทั้งหมดไม่ได้กระเป๋าเดินทางกันเลย และบางคนเนี่ยไม่ได้พกเครื่องใช้จำเป็นหรือเสื้อผ้าใดๆมาในcarry on เลย จึงมีความต้องการซื้อของใช้กันสูงมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พวกสบู่ แชมพู นี่เลือกแบบราคาถูกสุดๆ ก็แค่2เหรียญก็มีนะคะ ขวดใหญ่ด้วย มีตั้งแต่ราคาสองเหรียญไปจนถึงสิบกว่าเหรียญให้เลือกเลยค่ะ แต่นี่ต้องประหยัดเลยเลือกแบบถูกสุด5555 เสื้อผ้าเราก็ต้องซื้อใหม่หมด เลยซื้อเสื้อยืดแพ็ค4ตัวของวอลมาร์ทไปแบ่งกันใส่สองคนค่ะ ราคาประหยัดที่สุดแล้ว เราโชคดีที่เอาชุดชั้นในcarry onมา เลยไม่ต้องซื้อ ส่วนของเพื่อนเราต้องซื้อทุกอย่างเลยค่ะ เพราะไม่พกอะไรcarry onมาเลย (เพิ่งเข้าใจว่าการcarry onเสื้อผ้ากันเหตุฉุกเฉินนี่สำคัญก็วันนี้แหละ)
อาหารมื้อที่สองของเราสองคนนี่อิ่มแปล้มากค่ะ เพราะมาเจอเพื่อนคนไทยที่มาอบรมงานด้วยกันแล้ว เลยซื้ออาหารในwalmartมาหารกัน เป็นการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ไปในตัว แต่คืนแรกๆที่มาถึงเรานอนเร็วมากค่ะ ปรับเวลาไม่ได้ นอนสองทุ่ม ตื่นตีสาม jet lackทำพิษ
มาถึงเราก็ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความอ้วนเลยค่ะ5555555 รูปนี้เรากินกันที่ร้าน buffalo wing’s ค่ะ คิดว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงนะคะ เพราะมีทุกเมืองเลยแล้วมีหลายสาขาด้วย แถมคนเยอะอีก แต่สำหรับเราสองคนแล้วไม่ถูกปากเลยค่ะ ไก่บัฟฟาโลที่เป็นsignatureรสชาติเข้มๆเครื่องเทศ ส่วนอย่างอื่นก็ธรรมดาค่ะ ราคาเซตละ 8เหรียญ
ส่วนพิซซ่า นายจ้างเลี้ยงตอนอบรมงานค่ะ เราค่อยข้างสบายมากเพราะตอนอบรมงานนี่นายจ้างก็จะมีซิมมือถือให้ (เรื่องsim card เราใช้แบบfamily packageค่ะ หารสี่คน จับกลุ่มกับคนไทยที่มาทำงานด้วยกัน ใช้เน็ต โทร ข้อความไม่อั้น เดือนละ 37เหรียญ ของ t-mobile) แล้วก็เปิดบัญชีธนาคารและบัตรเดบิตของTD bankเอาไว้ใช้ในการจ่ายค่าจ้างให้เลยค่ะ
ส่วนเรื่องกระเป๋าเดินทางของเราสองคนนั้น เราก็โทรไปตามเรื่องกับ baggage claimทุกวันค่ะ จนในสุดในวันที่สาม เราก็ได้รับคำตอบว่ากระเป๋าได้ส่งมาถึงโรงแรมแล้วค่ะ เราดีใจมากวิ่งไปถามล็อบบี้เรื่องกระเป๋า แล้วให้ทายว่าเรื่องเซอร์ไพรส์เรื่องถัดไปคืออะไรเอ่ยยย
กระเป๋าเราโดนค้นค่ะ เป็นผู้โชคดีที่โดน ตม.อเมริกาสุ่มมาค้นค่ะ ไม่โดนยึดอะไรนะคะทุกอย่างอยู่ครบยกเว้นตัวล็อกกระเป๋าพังค่ะ โดนทุบ (ผิดเองที่ตัวล็อกกระเป๋าไม่ world wide แต่ก็รู้สึกโชคร้ายมากค่ะ คนไทยที่มาอบรมกัน60คน มีแค่เรากับพี่อีกคน โดนสุ่มตรวจกันอยู่แค่สองคน) ความเสียหายนอกจากตัวล็อกกระเป๋าพังแล้วก็มีแค่เครื่องสำอางแตกค่ะ (แต่naked2เชียวนะ เสียดายมากกกก) ตอนนั้นความรู้สึกนี่เฟลแล้วค่ะ แบบทำไมต้องเป็นเรานะที่เจอแต่ละเรื่อง55555 ไปwork and travelนี่ได้ประสบการณ์จริงๆเลยเชียว โวยวายอะไรไม่ได้ด้วยนะคะ มาบ้านเขา กฎหมายเขา เขามีสิทธ์ TT