ตั้งหัวกระทู้เรียกแขกไปงั้น 555 แต่ก็อยากให้มันไประดับโลกนะ คือ
ผมมีโครงการจะทำบริษัทสตาร์ทอัพ และหาผู้ลงทุนให้ได้แล้ว แต่ด้วยความที่มาสายเทคนิค คุยแต่กับคอมพิวเตอร์ จึงรบกวนขอคำแนะนำในการบริหารจัดการ เงื่อนไขทางกฎหมาย และการบริหารผลประโยชน์ ดังนี้
1. ผมเป็นเจ้าของไอเดีย เป็นคนลงมือทำ จัดตั้งทีมงาน และบริหารจัดการทุกอย่าง รวมถึงขั้นตอนการทำตลาด ผู้ลงทุนมีหน้าที่ลงทุนและรอเก็บเกี่ยวผลกำไร ในลักษณะนี้ควรแบ่งผลประโยชน์กันยังไงครับ และควรมีเงื่อนไขเวลาด้วยมั้ย สิทธิ์ในชื่อแบรนด์ ชื่อโดเมนเนม ควรแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันยังไงครับ
2. เป้าหมายคือตลาดโลก ขั้นแรกคงรับเงินผ่านบัตรเครดิตโดยผ่าน PayPal อีกทีหนึ่งก่อน (ยังไม่รับชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตโดยตรง) คำถามคือ ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้ามาในไทยจะคุ้มหรือไม่ หรือจะรับชำระบัตรฯ โดยตรงเลย ซึ่งก็จะยุ่งยากในการติดต่อกับธนาคารและการจัดการ server & security ที่ต้องได้มาตรฐานของธนาคาร และต้องทำ audit อยู่เสมอ
3. เราจะยื่นภาษียังไงครับ ใบเสร็จที่ออกให้ลูกค้าก็คงเป็นแค่อีเมลฉบับเดียว ไม่มีใบกำกับภาษี ไม่มีตราประทับ ไม่มีใบเสร็จรับเงินที่จับต้องได้
4. ควรไปตั้งบริษัทที่สิงคโปร์แทนหรือไม่ครับ เนื่องจากในระยะยาวน่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลลูกค้ากับภาครัฐ คือไม่ใช่ธุรกิจสีเทาอะไร แต่ความมั่นใจของลูกค้าที่จะใช้บริการ เมื่อทราบว่าเป็นบริษัทในไทยที่การเมืองไม่นิ่ง จะมีผลอะไรหรือไม่ ภาพของบริษัทไอทีไทยกับสิงคโปร์จะมีผลต่อภาพลักษณ์หรือไม่
5. กรณีจ้างฟรีแลนซ์มาทำงานให้ โดยไม่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างต่อชิ้นงาน แต่จ่ายให้ต่อ subscription เมื่อลูกค้าเลือกซื้องานของฟรีแลนซ์คนนี้ (ลองเทียบกับพวก shutter stock เป็นตัวอย่างก็ได้) ไอเดียนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ต้องหยุดชะงักไป เพราะฟรีแลนซ์ที่ผมไปคุยด้วยเขาถามกลับมาว่า แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราขายงานได้กี่ subscription? เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราจ่ายให้เขาครบตามที่เขาควรจะได้? ผมก็คิดว่า เออจริงด้วย จะให้ฟรีแลนซ์เข้าไปดูในระบบ backend ของบริษัทมันก็เมคข้อมูลได้ จะให้ดูตัวเลขในบัญชีที่เงินวิ่งเข้า จำนวนเงินที่ปรากฏมันก็เป็นเงินอย่างอื่นของบริษัทด้วย แถมผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนคงไม่โอเคกับวิธีนี้ แล้วจะมีวิธีไหนที่ทำให้ยุติธรรมและโปร่งใสต่อกันได้ครับ
คำถามอาจดูงงๆ รบกวนด้วยครับ
ขอบคุณครับ
จะทำสตาร์ทอัพระดับโลกแข่งกับตามาร์ค ขอคำแนะนำครับ
ผมมีโครงการจะทำบริษัทสตาร์ทอัพ และหาผู้ลงทุนให้ได้แล้ว แต่ด้วยความที่มาสายเทคนิค คุยแต่กับคอมพิวเตอร์ จึงรบกวนขอคำแนะนำในการบริหารจัดการ เงื่อนไขทางกฎหมาย และการบริหารผลประโยชน์ ดังนี้
1. ผมเป็นเจ้าของไอเดีย เป็นคนลงมือทำ จัดตั้งทีมงาน และบริหารจัดการทุกอย่าง รวมถึงขั้นตอนการทำตลาด ผู้ลงทุนมีหน้าที่ลงทุนและรอเก็บเกี่ยวผลกำไร ในลักษณะนี้ควรแบ่งผลประโยชน์กันยังไงครับ และควรมีเงื่อนไขเวลาด้วยมั้ย สิทธิ์ในชื่อแบรนด์ ชื่อโดเมนเนม ควรแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันยังไงครับ
2. เป้าหมายคือตลาดโลก ขั้นแรกคงรับเงินผ่านบัตรเครดิตโดยผ่าน PayPal อีกทีหนึ่งก่อน (ยังไม่รับชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตโดยตรง) คำถามคือ ค่าธรรมเนียมในการโอนเงินเข้ามาในไทยจะคุ้มหรือไม่ หรือจะรับชำระบัตรฯ โดยตรงเลย ซึ่งก็จะยุ่งยากในการติดต่อกับธนาคารและการจัดการ server & security ที่ต้องได้มาตรฐานของธนาคาร และต้องทำ audit อยู่เสมอ
3. เราจะยื่นภาษียังไงครับ ใบเสร็จที่ออกให้ลูกค้าก็คงเป็นแค่อีเมลฉบับเดียว ไม่มีใบกำกับภาษี ไม่มีตราประทับ ไม่มีใบเสร็จรับเงินที่จับต้องได้
4. ควรไปตั้งบริษัทที่สิงคโปร์แทนหรือไม่ครับ เนื่องจากในระยะยาวน่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลลูกค้ากับภาครัฐ คือไม่ใช่ธุรกิจสีเทาอะไร แต่ความมั่นใจของลูกค้าที่จะใช้บริการ เมื่อทราบว่าเป็นบริษัทในไทยที่การเมืองไม่นิ่ง จะมีผลอะไรหรือไม่ ภาพของบริษัทไอทีไทยกับสิงคโปร์จะมีผลต่อภาพลักษณ์หรือไม่
5. กรณีจ้างฟรีแลนซ์มาทำงานให้ โดยไม่ได้จ่ายเป็นค่าจ้างต่อชิ้นงาน แต่จ่ายให้ต่อ subscription เมื่อลูกค้าเลือกซื้องานของฟรีแลนซ์คนนี้ (ลองเทียบกับพวก shutter stock เป็นตัวอย่างก็ได้) ไอเดียนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ต้องหยุดชะงักไป เพราะฟรีแลนซ์ที่ผมไปคุยด้วยเขาถามกลับมาว่า แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเราขายงานได้กี่ subscription? เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราจ่ายให้เขาครบตามที่เขาควรจะได้? ผมก็คิดว่า เออจริงด้วย จะให้ฟรีแลนซ์เข้าไปดูในระบบ backend ของบริษัทมันก็เมคข้อมูลได้ จะให้ดูตัวเลขในบัญชีที่เงินวิ่งเข้า จำนวนเงินที่ปรากฏมันก็เป็นเงินอย่างอื่นของบริษัทด้วย แถมผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนคงไม่โอเคกับวิธีนี้ แล้วจะมีวิธีไหนที่ทำให้ยุติธรรมและโปร่งใสต่อกันได้ครับ
คำถามอาจดูงงๆ รบกวนด้วยครับ
ขอบคุณครับ