อยากขอบคุณธรรมกาย
ที่ทำให้ผมได้ค้นพบโลกใหม่ในพระพุทธศาสนาเมืองไทย ที่ไม่ค่อยสนใจมาก่อนเลย
ตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นวัดทุกวัดคล้าย ๆ กัน คือ ทำอะไรก็แบบเดียวกัน ต่างกันแค่จุดขายนิดหน่อยเช่น วัดไหนมีเกจิดัง ก็หนักไปทางของขลังซะเยอะ ตะกรุด พระเครื่อง ผ้ายันต์ น้ำมนต์ ว่ากันไป พอเกจิมรณภาพไป คนก็จะหายตามไปหมด
วัดไหนเน้นดวงชะตา ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ พวกคนใจเสาะที่คิดว่าตัวเองเฮงซวยกว่าใคร ก็จะไหลมารวมกัน
วัดไหนให้หวยแม่นยำ คอหวยก็เมามันกับการตีเลขเด็ดกันไป
วัดไหนมีโบสถ์ วิหาร งดงามวิจิตรบรรจง มีทัวร์มาลง ก็กลายเป็นวัดท่องเที่ยว
บางวัดจุดยืนไม่ชัด มีมันทุกความเชื่อ ทั้งพระพุทธรูปฝั่งเถรวาท มหายาน มีกระทั่งทรานสฟอร์เมอร์ ทั้งช้างพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม บางทีมีตุ๊กตุ่นตุ๊กตา
ผีสาง รำแก้บน คือ จะเชื่ออะไรก็ช่าง วัดเดียวเอาอยู่หมด
วัดที่สอนกรรมฐาน หรือสายพระป่า ท่านไม่ค่อยยุ่งกับใคร อยู่กันเงียบ ๆ น่าเลื่อมใส แต่ต้องคนสนใจจริง ๆ จึงจะไปกัน ด้านประโยชน์ตนได้ แต่ประโยชน์โยมน้อยเกินไปหน่อย โดยสรุปคือแต่ละวัดก็ต่างคนต่างอยู่กันไป ส่วนใหญ่หนักไปทางพิธีกรรม โยมไปทำบุญกันตามประเพณีจะหวังให้ศาสนาพุทธเจริญไปกว่านี้ ดูจะไม่มีทาง โตมาก็เห็นแต่แบบนี้ ศาสนาพุทธจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ล้าสมัย ดูขรึมขลัง แต่ไม่น่าสนใจ พระเยอะ วัดเยอะ แต่กับอีแค่จะฝึกให้คนไทยมีศีล 5 ยังทำไม่ได้เลย
โลกของศาสนากับโลกความจริงจึงเหมือนต่างคนต่างอยู่ สอนให้ปล่อยวาง แต่ความจริงคนยังโลภอยากได้ ขออภัย ทำยากจริงๆเลย ยิ่งเวลาเห็นพวกดารา นักร้อง นักแต่งเพลง อาจารย์ หรือคนที่ว่าตัวเป็นพุทธแท้ มาพร่ำบอกว่าพุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวาง ผมยังว่างั้นพวกก็เป็นพุทธเทียมน่ะสิ เพราะทุกวันนี้ยังกอบโกยหาเงินหาทองใช้ ไม่เห็นปล่อยวางห่าเหวอะไรสักคน
จนมีเรื่องธรรมกายที่บานปลายมาถึงวันนี้ ผมเริ่มเอะใจ สงสัยตอนรัฐบาลบ้าจี้ เอา ม. 44 มาใช้กับวัดกับพระ ว่าทำไปทำไม?????
พอค้นคว้าหาอ่านเรื่องธรรมกายจริงจัง ผมตะลึงงันเลยนะ เพราะหลายเรื่องมันโคตรจะดี แต่คนในประเทศนี้ไม่ค่อยรู้กัน เอาไว้เล่าให้ฟังทีหลังละกันนะ
ปกติได้ยินแต่เสียงด่าธรรมกาย สอนผิด บิดเบือน ว่ากันไป แต่พอมองลึกลงไป ผมกลับเห็นพระไม่กี่รูป คนไม่กี่คน พูดด่าธรรมกายออกสื่อ ออกหนังสือ จัดอีเว้นท์สัมมนาบ่อยๆ คอยสะกดจิตคนไทย
ลองถามตัวเองดูสิ ว่าเรารู้เรื่องธรรมกายเพราะเราศึกษาเรื่องของเขามาจริง ๆ หรือเราฟังมาจากคนอื่นอีกที แล้วต้นตอของข้อมูลด้านลบเหล่านี้ ถ้าไล่ไปดี ๆ จะพบว่าไปจบลงที่ตัวละครหน้าเดิม ๆ ไม่กี่คน พระไทยอีกหลายพันรูปที่มีความรู้เหมือนกัน อาจารย์ทางพุทธศาสนา ราชบัณฑิตบางท่านที่เห็นด้วยกับธรรมกาย แต่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ เสียงเลยไม่ดัง หรือพอจะดังก็จะมีคนมาตีให้ดับ
เสียงด่าดังอย่างกับระเบิด เสียงชมก็ชมไปเถิด เบาอย่างกับเสียงตด
หลังจากค้นและอ่านเรื่องธรรมกายมากมายเชื่อไหม ผมว่าธรรมกาย บางทีอาจเป็นลมหายใจของพุทธศาสนาในเมืองไทยก็ได้นะ ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ ขอให้ติดตามดูกันต่อไป
คนที่เกลียดธรรมกาย แล้วกำลังจะด่า กรุณาหยุดไว้!!!!
ยิ่งประติดประต่อข้อมูลยิ่งค่อย ๆ หายสงสัย เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม ธรรมกายถึงโดนมรสุมรุมยำทำร้ายขนาดนี้ สำหรับรัฐบาล น่าจะกลัวธรรมกายเป็นฐานการเมืองฝ่ายตรงข้าม ก็เรื่องอำนาจนั่นแหละ จึงต้องเล่นงานซะก่อน แต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงหาทางจน DSI ยัดคดีเจ้าอาวาสได้สำเร็จ ซึ่งถ้าติดตามที่มา มีข้อน่าสงสัยเพียบเลย ที่ไม่ว่าDSI หรือรัฐบาลก็ตอบไม่ได้หรอก เช่น วัดก็เหมือนองค์กร NGO อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค ใครให้ก็รับไว้หมดแหละ ไม่รู้หรอกว่าเงินใคร ใช่โจรหรือไม่โจร
ทีนี้ธรรมกายได้รับบริจาคจากนายศุภชัยประมาณ 8 % (ธรรมกายคืนเงินกลับให้หมดด้วยนะ) อีก 92 % หมื่นกว่าล้านบาท ไปบริจาคให้บุคคลและองค์กรอื่น เช่นกาชาดไทย
แต่ทำไมไม่ไปตามเงินก้อนใหญ่คืนให้สหกรณ์ มาติดใจเอาเป็นเอาตายอะไรกับเงิน 8 % ก็ไม่รู้
เงิน 3,800 ล้านที่อยู่กับ DSI ก็ไม่คืนสหกรณ์เขาไปซะที จะเก็บไว้ให้ปลวกขึ้นหรือไงครับพี่ บอกหน่อย
จากนั้นใช้กลไกทางกฎหมาย โดยมี DSI เป็นหัวหอก แต่ทำอะไรไม่ได้สักที ช่วงนี้ DSI เผยพิรุธบานตะไท เช่น เข้าไปแจ้งข้อหาได้ แต่ไม่ไป และใครเข้ามาช่วยธรรมกาย จะโดนเล่นงานทุกคน
เมื่อบีบแล้วไม่ได้ผล ก็เลยไม่พ้น ม.44 แต่ถามว่ารัฐบาลกล้าบุกวัดไหม ผมว่าไม่กล้า เพราะถ้าบุกมารับรองมีบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลคงแบกรับไม่ไหว นานาชาติเป็นศึกนอก กับพวกไม่ชอบรัฐบาลเป็นศึกใน คงสหบาทารัฐบาลจมดินตายคาตีน
อาณาจักรหมดปัญญา จึงต้องโยนเรื่องมาให้พุทธจักร เรียกว่ายืมมือ "พระฆ่าพระ" ก็น่าจะได้ รัฐลอยตัวไป กูไม่เกี่ยวอะไรแล้วโว้ย
แต่ก่อนไป รัฐกรุยทางเรื่องถอดสมณศักดิ์ให้ จากนั้นจึงปล่อยพวกหน้าหนาสันดานเดิม ออกมาดีดสีตีเป่ารับลูกกันต่อไป
คนแรกคงเดาได้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ออกมาชี้นำให้ใช้ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่21 (พ.ศ. 2538) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า มส.21มาใช้สึกพระธัมมชโย
จากนั้นมาเฟียพระ พุทธะอิสระก็โผล่ออกมา ร้องนายกให้ถอดสมณศักดิ์พระผู้ปกครองวัดธรรมกาย ไล่ตั้งแต่ระดับเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค หน สูงสุดคือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยสมณศักดิ์ โทษฐานปล่อยปละละเลยเรื่องธรรมกาย ทำให้สังฆมณฑลไม่งดงาม
ผมว่าจัดการไอ้อันธพาลบ้านี่ก่อนดีกว่า เพราะความชั่วช้าปรากฏชัดเจน เป็นพระประเภทไหน ถึงต้องมีทหารตำรวจล้อมหน้าล้อมหลัง คอยตามอารักขา ด้วยเหตุว่าศัตรูมารอสหบาทาเยอะเหลือเกิน
คำพูดจ้วงจาบพระผู้มีพรรษากาลมากกว่า ภาษาทางโลกเขาเรียกว่า"ลามปาม"ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ เมื่อวานจอมขวัญเชิญไพบูลย์มันมาออกรายการ ถามเรื่องเสนอให้ใช้มส.21จัดการสึกพระธัมมชโย ผมฟังไปก็พึมพำไปว่า "ไอ้กะล่อน" นี่"รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย" คือมันเป็นนักกฎหมาย ก็พร่ำพูดไปแต่ทางนั้น คนไม่รู้เผลอฟัง ก็อาจหลงเคลิ้มตามมันไป เช่นบอกว่า "ทุกเรื่องที่ผิดกฎหมายจะผิดธรรมวินัยด้วย" นี่คือมั่ว อย่างพระข้ามถนนในที่ห้ามข้าม อาจผิดกฎหมาย ถูกปรับได้ แต่ไม่เห็นจะผิดธรรมวินัยอะไรเลย หรืออย่าง "เมื่อมีเหตุให้ถอดสมณศักดิ์ ก็ต้องมีเหตุให้พ้นจากสมณเพศด้วย" อันนี้เข้ารกเข้าพงกันเลยทีเดียว สมณศักดิ์สมัยพุทธกาลไม่มี ดังนั้นจึงไม่มีทางมาเกี่ยวกับการดำรงสมณเพศได้เลย คนละเรื่องกัน
และที่พลาดอย่างมาก คือไพบูลย์จะเน้นและอ้างกฎหมาย 2 ฉบับ คือกฏมหาเถรสมาคมพรบ.สงฆ์ กับกฎหมายบ้านเมือง โดยอ้อมแอ้มเรื่อง "พระธรรมวินัย" ซึ่งเชื่อผมเถอะ ว่ามันไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก
แต่ธรรมวินัยสำคัญ ไพบูลย์มันเหมือนจับงูที่หลังกับที่หาง ไม่ระวังหัว งูจะแว้งมาฉกกบาลตัวอยู่แล้วยังไม่รู้สึก
พอเกาไม่ถูกที่คัน เรื่องที่พูดในรายการจอมขวัญเลยเหมือนพร่ำแต่กิ่งไม้ใบไม้ ไม่ถูกแก่นไม้สักที
......ยังไม่จบนะครับ มีภาคต่อไป จะเอามาโพสต์เล่าสู่กันฟังอีกที หากกระทู้นี้ไม่โดนลบ และผมไม่ถูกยึดlogin ไปซะก่อน.....ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และไม่ด่าผม
เล่าสู่กันฟัง
อยากขอบคุณธรรมกาย
ที่ทำให้ผมได้ค้นพบโลกใหม่ในพระพุทธศาสนาเมืองไทย ที่ไม่ค่อยสนใจมาก่อนเลย
ตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นวัดทุกวัดคล้าย ๆ กัน คือ ทำอะไรก็แบบเดียวกัน ต่างกันแค่จุดขายนิดหน่อยเช่น วัดไหนมีเกจิดัง ก็หนักไปทางของขลังซะเยอะ ตะกรุด พระเครื่อง ผ้ายันต์ น้ำมนต์ ว่ากันไป พอเกจิมรณภาพไป คนก็จะหายตามไปหมด
วัดไหนเน้นดวงชะตา ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ พวกคนใจเสาะที่คิดว่าตัวเองเฮงซวยกว่าใคร ก็จะไหลมารวมกัน
วัดไหนให้หวยแม่นยำ คอหวยก็เมามันกับการตีเลขเด็ดกันไป
วัดไหนมีโบสถ์ วิหาร งดงามวิจิตรบรรจง มีทัวร์มาลง ก็กลายเป็นวัดท่องเที่ยว
บางวัดจุดยืนไม่ชัด มีมันทุกความเชื่อ ทั้งพระพุทธรูปฝั่งเถรวาท มหายาน มีกระทั่งทรานสฟอร์เมอร์ ทั้งช้างพิฆเนศ เจ้าแม่กวนอิม บางทีมีตุ๊กตุ่นตุ๊กตา
ผีสาง รำแก้บน คือ จะเชื่ออะไรก็ช่าง วัดเดียวเอาอยู่หมด
วัดที่สอนกรรมฐาน หรือสายพระป่า ท่านไม่ค่อยยุ่งกับใคร อยู่กันเงียบ ๆ น่าเลื่อมใส แต่ต้องคนสนใจจริง ๆ จึงจะไปกัน ด้านประโยชน์ตนได้ แต่ประโยชน์โยมน้อยเกินไปหน่อย โดยสรุปคือแต่ละวัดก็ต่างคนต่างอยู่กันไป ส่วนใหญ่หนักไปทางพิธีกรรม โยมไปทำบุญกันตามประเพณีจะหวังให้ศาสนาพุทธเจริญไปกว่านี้ ดูจะไม่มีทาง โตมาก็เห็นแต่แบบนี้ ศาสนาพุทธจึงเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ล้าสมัย ดูขรึมขลัง แต่ไม่น่าสนใจ พระเยอะ วัดเยอะ แต่กับอีแค่จะฝึกให้คนไทยมีศีล 5 ยังทำไม่ได้เลย
โลกของศาสนากับโลกความจริงจึงเหมือนต่างคนต่างอยู่ สอนให้ปล่อยวาง แต่ความจริงคนยังโลภอยากได้ ขออภัย ทำยากจริงๆเลย ยิ่งเวลาเห็นพวกดารา นักร้อง นักแต่งเพลง อาจารย์ หรือคนที่ว่าตัวเป็นพุทธแท้ มาพร่ำบอกว่าพุทธศาสนาสอนให้ปล่อยวาง ผมยังว่างั้นพวกก็เป็นพุทธเทียมน่ะสิ เพราะทุกวันนี้ยังกอบโกยหาเงินหาทองใช้ ไม่เห็นปล่อยวางห่าเหวอะไรสักคน
จนมีเรื่องธรรมกายที่บานปลายมาถึงวันนี้ ผมเริ่มเอะใจ สงสัยตอนรัฐบาลบ้าจี้ เอา ม. 44 มาใช้กับวัดกับพระ ว่าทำไปทำไม?????
พอค้นคว้าหาอ่านเรื่องธรรมกายจริงจัง ผมตะลึงงันเลยนะ เพราะหลายเรื่องมันโคตรจะดี แต่คนในประเทศนี้ไม่ค่อยรู้กัน เอาไว้เล่าให้ฟังทีหลังละกันนะ
ปกติได้ยินแต่เสียงด่าธรรมกาย สอนผิด บิดเบือน ว่ากันไป แต่พอมองลึกลงไป ผมกลับเห็นพระไม่กี่รูป คนไม่กี่คน พูดด่าธรรมกายออกสื่อ ออกหนังสือ จัดอีเว้นท์สัมมนาบ่อยๆ คอยสะกดจิตคนไทย
ลองถามตัวเองดูสิ ว่าเรารู้เรื่องธรรมกายเพราะเราศึกษาเรื่องของเขามาจริง ๆ หรือเราฟังมาจากคนอื่นอีกที แล้วต้นตอของข้อมูลด้านลบเหล่านี้ ถ้าไล่ไปดี ๆ จะพบว่าไปจบลงที่ตัวละครหน้าเดิม ๆ ไม่กี่คน พระไทยอีกหลายพันรูปที่มีความรู้เหมือนกัน อาจารย์ทางพุทธศาสนา ราชบัณฑิตบางท่านที่เห็นด้วยกับธรรมกาย แต่ไม่ค่อยได้ออกสื่อ เสียงเลยไม่ดัง หรือพอจะดังก็จะมีคนมาตีให้ดับ
เสียงด่าดังอย่างกับระเบิด เสียงชมก็ชมไปเถิด เบาอย่างกับเสียงตด
หลังจากค้นและอ่านเรื่องธรรมกายมากมายเชื่อไหม ผมว่าธรรมกาย บางทีอาจเป็นลมหายใจของพุทธศาสนาในเมืองไทยก็ได้นะ ไม่เชื่อก็อย่าเพิ่งลบหลู่ ขอให้ติดตามดูกันต่อไป
คนที่เกลียดธรรมกาย แล้วกำลังจะด่า กรุณาหยุดไว้!!!!
ยิ่งประติดประต่อข้อมูลยิ่งค่อย ๆ หายสงสัย เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไม ธรรมกายถึงโดนมรสุมรุมยำทำร้ายขนาดนี้ สำหรับรัฐบาล น่าจะกลัวธรรมกายเป็นฐานการเมืองฝ่ายตรงข้าม ก็เรื่องอำนาจนั่นแหละ จึงต้องเล่นงานซะก่อน แต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงหาทางจน DSI ยัดคดีเจ้าอาวาสได้สำเร็จ ซึ่งถ้าติดตามที่มา มีข้อน่าสงสัยเพียบเลย ที่ไม่ว่าDSI หรือรัฐบาลก็ตอบไม่ได้หรอก เช่น วัดก็เหมือนองค์กร NGO อยู่ได้ด้วยเงินบริจาค ใครให้ก็รับไว้หมดแหละ ไม่รู้หรอกว่าเงินใคร ใช่โจรหรือไม่โจร
ทีนี้ธรรมกายได้รับบริจาคจากนายศุภชัยประมาณ 8 % (ธรรมกายคืนเงินกลับให้หมดด้วยนะ) อีก 92 % หมื่นกว่าล้านบาท ไปบริจาคให้บุคคลและองค์กรอื่น เช่นกาชาดไทย แต่ทำไมไม่ไปตามเงินก้อนใหญ่คืนให้สหกรณ์ มาติดใจเอาเป็นเอาตายอะไรกับเงิน 8 % ก็ไม่รู้
เงิน 3,800 ล้านที่อยู่กับ DSI ก็ไม่คืนสหกรณ์เขาไปซะที จะเก็บไว้ให้ปลวกขึ้นหรือไงครับพี่ บอกหน่อย จากนั้นใช้กลไกทางกฎหมาย โดยมี DSI เป็นหัวหอก แต่ทำอะไรไม่ได้สักที ช่วงนี้ DSI เผยพิรุธบานตะไท เช่น เข้าไปแจ้งข้อหาได้ แต่ไม่ไป และใครเข้ามาช่วยธรรมกาย จะโดนเล่นงานทุกคน
เมื่อบีบแล้วไม่ได้ผล ก็เลยไม่พ้น ม.44 แต่ถามว่ารัฐบาลกล้าบุกวัดไหม ผมว่าไม่กล้า เพราะถ้าบุกมารับรองมีบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลคงแบกรับไม่ไหว นานาชาติเป็นศึกนอก กับพวกไม่ชอบรัฐบาลเป็นศึกใน คงสหบาทารัฐบาลจมดินตายคาตีน
อาณาจักรหมดปัญญา จึงต้องโยนเรื่องมาให้พุทธจักร เรียกว่ายืมมือ "พระฆ่าพระ" ก็น่าจะได้ รัฐลอยตัวไป กูไม่เกี่ยวอะไรแล้วโว้ย
แต่ก่อนไป รัฐกรุยทางเรื่องถอดสมณศักดิ์ให้ จากนั้นจึงปล่อยพวกหน้าหนาสันดานเดิม ออกมาดีดสีตีเป่ารับลูกกันต่อไป
คนแรกคงเดาได้ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ออกมาชี้นำให้ใช้ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่21 (พ.ศ. 2538) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า มส.21มาใช้สึกพระธัมมชโย
จากนั้นมาเฟียพระ พุทธะอิสระก็โผล่ออกมา ร้องนายกให้ถอดสมณศักดิ์พระผู้ปกครองวัดธรรมกาย ไล่ตั้งแต่ระดับเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค หน สูงสุดคือ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยสมณศักดิ์ โทษฐานปล่อยปละละเลยเรื่องธรรมกาย ทำให้สังฆมณฑลไม่งดงาม
ผมว่าจัดการไอ้อันธพาลบ้านี่ก่อนดีกว่า เพราะความชั่วช้าปรากฏชัดเจน เป็นพระประเภทไหน ถึงต้องมีทหารตำรวจล้อมหน้าล้อมหลัง คอยตามอารักขา ด้วยเหตุว่าศัตรูมารอสหบาทาเยอะเหลือเกิน
คำพูดจ้วงจาบพระผู้มีพรรษากาลมากกว่า ภาษาทางโลกเขาเรียกว่า"ลามปาม"ไม่รู้จักเด็กจักผู้ใหญ่ เมื่อวานจอมขวัญเชิญไพบูลย์มันมาออกรายการ ถามเรื่องเสนอให้ใช้มส.21จัดการสึกพระธัมมชโย ผมฟังไปก็พึมพำไปว่า "ไอ้กะล่อน" นี่"รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย" คือมันเป็นนักกฎหมาย ก็พร่ำพูดไปแต่ทางนั้น คนไม่รู้เผลอฟัง ก็อาจหลงเคลิ้มตามมันไป เช่นบอกว่า "ทุกเรื่องที่ผิดกฎหมายจะผิดธรรมวินัยด้วย" นี่คือมั่ว อย่างพระข้ามถนนในที่ห้ามข้าม อาจผิดกฎหมาย ถูกปรับได้ แต่ไม่เห็นจะผิดธรรมวินัยอะไรเลย หรืออย่าง "เมื่อมีเหตุให้ถอดสมณศักดิ์ ก็ต้องมีเหตุให้พ้นจากสมณเพศด้วย" อันนี้เข้ารกเข้าพงกันเลยทีเดียว สมณศักดิ์สมัยพุทธกาลไม่มี ดังนั้นจึงไม่มีทางมาเกี่ยวกับการดำรงสมณเพศได้เลย คนละเรื่องกัน
และที่พลาดอย่างมาก คือไพบูลย์จะเน้นและอ้างกฎหมาย 2 ฉบับ คือกฏมหาเถรสมาคมพรบ.สงฆ์ กับกฎหมายบ้านเมือง โดยอ้อมแอ้มเรื่อง "พระธรรมวินัย" ซึ่งเชื่อผมเถอะ ว่ามันไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่หรอก
แต่ธรรมวินัยสำคัญ ไพบูลย์มันเหมือนจับงูที่หลังกับที่หาง ไม่ระวังหัว งูจะแว้งมาฉกกบาลตัวอยู่แล้วยังไม่รู้สึก
พอเกาไม่ถูกที่คัน เรื่องที่พูดในรายการจอมขวัญเลยเหมือนพร่ำแต่กิ่งไม้ใบไม้ ไม่ถูกแก่นไม้สักที
......ยังไม่จบนะครับ มีภาคต่อไป จะเอามาโพสต์เล่าสู่กันฟังอีกที หากกระทู้นี้ไม่โดนลบ และผมไม่ถูกยึดlogin ไปซะก่อน.....ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน และไม่ด่าผม