สวัสดีค่ะทุกคนขอระบายความในใจหน่อยนะคะ ดิฉันเป็นคนไม่มีเพื่อนเลยทั้งๆที่เราก็ให้ใจกับเพื่อนไปเต็มๆ มีความรู้สึกเหมือนกับว่าเราไม่มีโชคเรื่องเพื่อนเลย แต่บางทีก็คิดเหมือนกันนะว่าเราคงมีอะไรไม่ดีเพื่อนถึงไม่อยากคบ ดิฉันไม่ได้คาดหวังว่าเพื่อนจะต้องเป็นเพื่อนตายอะไรแบบในหนังเลยขอแค่พบปะพูดคุยมีอะไรก็ปรึกษากันได้ อยากมีคนที่รู้สึกดีๆกับเรา นึกถึงเราบ้างในบางครั้ง แบ่งปันความสุขความทุกข์กันได้เมื่อเพื่อนต้องการ นั่งมองดูตัวเองทบทวนว่าเราทำอะไรที่ไม่ดี เราไปทำอะไรให้เพื่อนไม่อยากคบเรานึกไม่ออกจริงๆ จริงอยู่ผู้คนมากมายย่อมคิดว่าตัวเองเป็นคนดีในระดับนึงเราพยายามตัดข้อนั้นออกไปและย้อนดูตัวเราเอง แต่อย่างที่บอกดิฉันหาไม่เจอจริงๆ ขออนุญาตบรรยายตัวของเราในแบบที่เราคิดนะคะ
- สนุกสนานร่าเริง เรามักจะทำให้เพื่อนๆหัวเราะได้เสมอ เพื่อนๆที่เคยคบทุกคนก็แสดงออกว่าสนุกสนาน
- เราเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนเสมอถ้ามีใครมาเอาเปรียบเพื่อนเรา หรือเพื่อนเราเกิดปัญหา ถึงแม้ว่าเพื่อนเราจะเป็นฝ่ายผิดแต่เราก็เข้าข้าง (ไม่เคยมีเรื่องใหญ่ผิดศีลธรรมหรือกฎหมายอะไรนะคะ)
- ถ้าเพื่อนชวนเราไปไหนเรายินดีไปด้วยเสมอ
- เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับเพื่อนเสมอไม่ว่าจะโทรมาคุย หรือ ขอมานอนด้วย ยินดีรับฟังและปลอบใจ
- เราไม่ค่อยมีเรื่องยุ่งยากอะไรต้องไปรบกวนปรึกษาเพื่อน ชีวิตเราเรื่อยๆมาเรียงๆ
- เรามีความต้องการอยากพบปะเพื่อนกินข้าว ร้องคาราโอเกะ เรามีความดีใจที่ได้พบเจอเพื่อน
- เราแต่งงานมีสามีแล้วและสามีก็ดีมากไม่ได้เก็บกดอะไร
- ครอบครัวเราแตกแยกตั้งแต่เริ่มจำความได้ มีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงที่เกลียดเรา ไม่แน่ใจว่าจุดนี้ทำให้เรามีส่วนเสียตรงไหนหรือไม่ แต่ความคิดของเรา เราได้เรียนรู้ความเกลียดชังมามากมาย ย่อมเข้าใจดีว่าคนอื่นๆก็คงไม่อยากโดนเกลียด เราพยายามมองทุกคนอย่างเข้าใจ
- เรามีความอิจฉาคนอื่นบ้างในชั่วขณะหนึ่ง แต่เราสามารถระงับอารมณ์นั้นและเปลี่ยนเป็นความยินดีกับพวกเขาได้ ไม่ได้สตอเบอร์รี่นะคะ ไม่รู้ว่าจะ continue อิจฉาไปเพื่ออะไร
- เราไม่รวยค่ะ แต่ก็ไม่จน
- เราหน้าตาดีใช้ได้ เราไม่เคยคิดว่าเราสวยอะไรมากมายเลย สูง 163 ซม. หนัก 54 กก. สมัยก่อนหนัก 47 กก. แต่ที่ผ่านมาก็หน้าตาและรูปร่างดูดีกว่าเพื่อนทุกคน
เพื่อนที่เราเคยมีมาเป็นแบบนี้
- คนนึงชอบโทรมาปรับทุกข์ นัดเจอกัน กินข้าว เที่ยวหาที่คอนโดฯ ชอบนินทาคนอื่นให้เราฟัง สุดท้ายก็นินทาเราใส่ความเราในเรื่องแย่ๆ
- คนนึงกั๊กเรามากไม่ให้เราสนิทกับใคร แบบว่าแสดงออกมากมายว่าอยากเป็นเพื่อนซี้เรา อายุมากกว่าเรา2-3ปี เราก็คิดว่าเขาคงจริงใจและเราก็ไม่เคยมีเพื่อนสนิทมากๆแบบนี้ก็เลยคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเทใจให้ สุดท้ายเขาเป็นนกสองหัวเอาเราไปนินทากับคนอื่น
- คนนึงก็ไปเที่ยวกันควงหนุ่มไปด้วย แต่หนุ่มดันแสดงออกว่าอยากจีบเรามาก เขาก็ออกปากไปว่าไม่อยากไปไหนกับเราแล้วเพราะเดี๋ยวหนุ่มมาจีบเรา แง่ดีก็คือเขาพูดตรงๆ
- เราเป็นคนหัวดีกว่าเพื่อนๆในกลุ่ม มักจะติวข้อสอบให้เพื่อนๆ เวลาจะสอบทีนึงที่บ้านเต็มไปด้วยเพื่อนฝูงติวเสร็จต่อด้วยคาราโอเกะ แต่ไม่มีใครสนิทด้วยเลย คนที่เหมือนจะสนิทๆแต่ไม่ว่าเราจะพูดอะไรเขามักจะคิดในแง่ร้ายใส่เรา ที่จำได้ไม่มีลืมเลยคือเรื่องการกดชักโครกนั่งยองๆในห้างสรรพสินค้า ด้วยความที่ตัวกดมันอยู่ต่ำเราก็เลยเตือนเพื่อนว่าอย่าเอามีไปกด ให้ใช้เท้าเราเหยียบไปเลย เพราะมีครั้งนึงเราจะเอามือไปกิดแต่มันเปียกและสกปรกมาก เพื่อนกลับบอกว่าเราเห็นแก่ตัวและชั่วที่ไปทำแบบนั้น เขามีไว้ให้ใช้มือกด
- ปัจจุบันพบปะเพื่อนฝูงก็คือภรรยาของเพื่อนสามีแต่เราก็ไม่ได้สนิทกันอะไร เรารู้สึกถูกชะตาส่งไลน์น่ารักๆไปหาบางครั้งแต่เขาคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา
มันจะเกี่ยวไหมคะว่าการที่ดิฉันรูปร่างหน้าตาดูแตกต่างจากพวกเขา ครอบครัวก็พื้นฐานต่างกัน พอดีว่าดิฉันเป็นลูกคนจีนต้องย้ายไปอยู่โคราชตอนอายุ 12-15 ไม่ได้อยู่โรงเรียน TOP เพราะฉะนั้นเด็กต่างจังหวัด(สมัยนั้น)ก็ดูต่างจากเรา เราไม่ได้มีเจตนาแบ่งแยกชนชั้นนะคะ เรายินดีคบกับทุกคนจริงๆ เราเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนด้วยเมื่อตอนอยู่โคราช ไม่ได้ทำตัวคุณหนูอะไรเลย ตอนนั้นไม่รู้จักมารยาหญิงจริงๆ พอดีว่าอยู่กับพ่อ เราก็จะไม่มีโมเม้นความเป็นหญิงมากมายในตอนนั้น
แต่อย่างที่ดิฉันได้เกริ่นมาข้างต้นดิฉันมีแม่เลี้ยงที่เกลียดดิฉัน ทำให้ชีวิตต้องกระเด็นกลับมาอยู่กับแม่ที่ กทม. พ่อเลี้ยงก็รังเกียจอีก ช่วงนั้นอายุ 16 ได้ ก็ไม่ได้คิดเรียนต่อเพราะว่าต้องทำงานไม่งั๊นพ่อเลี้ยงจะไม่พอใจแม่ ผ่านไป 2 ปี เปลี่ยนใจไปเรียน กศน.ที่ โรงเรียนแห่งนึงแถวช่องนนทรีย์ อาจารย์ออกปากเลยว่าเราดูต่าง
จบม.6 กศน. ก็เรียน ปวส.แห่งนึงแถวๆสุวรรณภูมิ คือตอนที่ติวให้เพื่อน แต่เพื่อนคิดแง่ร้าย
จบ ปวส. ก็มาทำงานที่โรงกลั่นน้ำมันแห่งนึง ก็เหงาอีก คนที่เรานับถือว่าเป็นเพื่อนเขาก็ไม่คิดจริงใจกับเรา เคยเจอกันที่สระว่ายน้ำเขาใส่ชุดว่ายน้ำใส่แว่นตากันน้ำ เราไม่แน่ใจว่าใช่เพื่อนเราไหมเลยถามน้องชาย พอดีว่าเราสายตาไม่ได้ ตอนกลับบ้านเห็นรถเพื่อนจอดอยู่ก็มั่นใจเลย ว่าเพื่อนแกล้งไม่เห็นเรา คุณอาจคิดว่าเพื่อนก็คงจำเราไม่ได้เหมือนกัน แต่เราแน่ใจว่าจำได้เพราะเราไปแพคคู่กับน้องชายสะขนาดนั้น เพื่อนอีกคนที่โรงกลั่นหลังๆก็ชอบไปไหนมาไหนกับคนที่แกล้งไม่เห็นเรากันแค่ 2 คน ไม่ชวนเราไปด้วย ดิฉันมั่นใจมากว่าดิฉันไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้เพื่อนต้องเคืองใจเลย
ปัจจุบันมีเพื่อนร่วมงานคนนึงที่เราคิดว่าเราคงไปด้วยกันได้ดี เคยไปร้องคาราโอเกะ โยนโบว์ ดื่มสังสรรค์ เขาก็มีท่าทีสนุกสนานในความเป็นตัวของตัวเองของเราแบบตลกๆ แต่หลังๆส่ง FB ไปหาก็ไม่อ่าน บางครั้งอ่านก็ไม่ตอบ
ขอบอกแบบไม่อายเลยนะคะ ว่าเสียใจที่ไม่มีเพื่อนค่ะ
ขอคำแนะนำหรืออยากจะเตือนที่อยากจะต่อว่า(แต่อย่าเรงนะคะ) จะยินดีรับฟังทุกอย่างค่ะ และขออภัยที่ค่อนข้างยาวนิดนึง
ทำไมเพื่อนไม่อยากคบเรา
- สนุกสนานร่าเริง เรามักจะทำให้เพื่อนๆหัวเราะได้เสมอ เพื่อนๆที่เคยคบทุกคนก็แสดงออกว่าสนุกสนาน
- เราเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนเสมอถ้ามีใครมาเอาเปรียบเพื่อนเรา หรือเพื่อนเราเกิดปัญหา ถึงแม้ว่าเพื่อนเราจะเป็นฝ่ายผิดแต่เราก็เข้าข้าง (ไม่เคยมีเรื่องใหญ่ผิดศีลธรรมหรือกฎหมายอะไรนะคะ)
- ถ้าเพื่อนชวนเราไปไหนเรายินดีไปด้วยเสมอ
- เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษากับเพื่อนเสมอไม่ว่าจะโทรมาคุย หรือ ขอมานอนด้วย ยินดีรับฟังและปลอบใจ
- เราไม่ค่อยมีเรื่องยุ่งยากอะไรต้องไปรบกวนปรึกษาเพื่อน ชีวิตเราเรื่อยๆมาเรียงๆ
- เรามีความต้องการอยากพบปะเพื่อนกินข้าว ร้องคาราโอเกะ เรามีความดีใจที่ได้พบเจอเพื่อน
- เราแต่งงานมีสามีแล้วและสามีก็ดีมากไม่ได้เก็บกดอะไร
- ครอบครัวเราแตกแยกตั้งแต่เริ่มจำความได้ มีพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงที่เกลียดเรา ไม่แน่ใจว่าจุดนี้ทำให้เรามีส่วนเสียตรงไหนหรือไม่ แต่ความคิดของเรา เราได้เรียนรู้ความเกลียดชังมามากมาย ย่อมเข้าใจดีว่าคนอื่นๆก็คงไม่อยากโดนเกลียด เราพยายามมองทุกคนอย่างเข้าใจ
- เรามีความอิจฉาคนอื่นบ้างในชั่วขณะหนึ่ง แต่เราสามารถระงับอารมณ์นั้นและเปลี่ยนเป็นความยินดีกับพวกเขาได้ ไม่ได้สตอเบอร์รี่นะคะ ไม่รู้ว่าจะ continue อิจฉาไปเพื่ออะไร
- เราไม่รวยค่ะ แต่ก็ไม่จน
- เราหน้าตาดีใช้ได้ เราไม่เคยคิดว่าเราสวยอะไรมากมายเลย สูง 163 ซม. หนัก 54 กก. สมัยก่อนหนัก 47 กก. แต่ที่ผ่านมาก็หน้าตาและรูปร่างดูดีกว่าเพื่อนทุกคน
เพื่อนที่เราเคยมีมาเป็นแบบนี้
- คนนึงชอบโทรมาปรับทุกข์ นัดเจอกัน กินข้าว เที่ยวหาที่คอนโดฯ ชอบนินทาคนอื่นให้เราฟัง สุดท้ายก็นินทาเราใส่ความเราในเรื่องแย่ๆ
- คนนึงกั๊กเรามากไม่ให้เราสนิทกับใคร แบบว่าแสดงออกมากมายว่าอยากเป็นเพื่อนซี้เรา อายุมากกว่าเรา2-3ปี เราก็คิดว่าเขาคงจริงใจและเราก็ไม่เคยมีเพื่อนสนิทมากๆแบบนี้ก็เลยคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะเทใจให้ สุดท้ายเขาเป็นนกสองหัวเอาเราไปนินทากับคนอื่น
- คนนึงก็ไปเที่ยวกันควงหนุ่มไปด้วย แต่หนุ่มดันแสดงออกว่าอยากจีบเรามาก เขาก็ออกปากไปว่าไม่อยากไปไหนกับเราแล้วเพราะเดี๋ยวหนุ่มมาจีบเรา แง่ดีก็คือเขาพูดตรงๆ
- เราเป็นคนหัวดีกว่าเพื่อนๆในกลุ่ม มักจะติวข้อสอบให้เพื่อนๆ เวลาจะสอบทีนึงที่บ้านเต็มไปด้วยเพื่อนฝูงติวเสร็จต่อด้วยคาราโอเกะ แต่ไม่มีใครสนิทด้วยเลย คนที่เหมือนจะสนิทๆแต่ไม่ว่าเราจะพูดอะไรเขามักจะคิดในแง่ร้ายใส่เรา ที่จำได้ไม่มีลืมเลยคือเรื่องการกดชักโครกนั่งยองๆในห้างสรรพสินค้า ด้วยความที่ตัวกดมันอยู่ต่ำเราก็เลยเตือนเพื่อนว่าอย่าเอามีไปกด ให้ใช้เท้าเราเหยียบไปเลย เพราะมีครั้งนึงเราจะเอามือไปกิดแต่มันเปียกและสกปรกมาก เพื่อนกลับบอกว่าเราเห็นแก่ตัวและชั่วที่ไปทำแบบนั้น เขามีไว้ให้ใช้มือกด
- ปัจจุบันพบปะเพื่อนฝูงก็คือภรรยาของเพื่อนสามีแต่เราก็ไม่ได้สนิทกันอะไร เรารู้สึกถูกชะตาส่งไลน์น่ารักๆไปหาบางครั้งแต่เขาคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับเรา
มันจะเกี่ยวไหมคะว่าการที่ดิฉันรูปร่างหน้าตาดูแตกต่างจากพวกเขา ครอบครัวก็พื้นฐานต่างกัน พอดีว่าดิฉันเป็นลูกคนจีนต้องย้ายไปอยู่โคราชตอนอายุ 12-15 ไม่ได้อยู่โรงเรียน TOP เพราะฉะนั้นเด็กต่างจังหวัด(สมัยนั้น)ก็ดูต่างจากเรา เราไม่ได้มีเจตนาแบ่งแยกชนชั้นนะคะ เรายินดีคบกับทุกคนจริงๆ เราเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของโรงเรียนด้วยเมื่อตอนอยู่โคราช ไม่ได้ทำตัวคุณหนูอะไรเลย ตอนนั้นไม่รู้จักมารยาหญิงจริงๆ พอดีว่าอยู่กับพ่อ เราก็จะไม่มีโมเม้นความเป็นหญิงมากมายในตอนนั้น
แต่อย่างที่ดิฉันได้เกริ่นมาข้างต้นดิฉันมีแม่เลี้ยงที่เกลียดดิฉัน ทำให้ชีวิตต้องกระเด็นกลับมาอยู่กับแม่ที่ กทม. พ่อเลี้ยงก็รังเกียจอีก ช่วงนั้นอายุ 16 ได้ ก็ไม่ได้คิดเรียนต่อเพราะว่าต้องทำงานไม่งั๊นพ่อเลี้ยงจะไม่พอใจแม่ ผ่านไป 2 ปี เปลี่ยนใจไปเรียน กศน.ที่ โรงเรียนแห่งนึงแถวช่องนนทรีย์ อาจารย์ออกปากเลยว่าเราดูต่าง
จบม.6 กศน. ก็เรียน ปวส.แห่งนึงแถวๆสุวรรณภูมิ คือตอนที่ติวให้เพื่อน แต่เพื่อนคิดแง่ร้าย
จบ ปวส. ก็มาทำงานที่โรงกลั่นน้ำมันแห่งนึง ก็เหงาอีก คนที่เรานับถือว่าเป็นเพื่อนเขาก็ไม่คิดจริงใจกับเรา เคยเจอกันที่สระว่ายน้ำเขาใส่ชุดว่ายน้ำใส่แว่นตากันน้ำ เราไม่แน่ใจว่าใช่เพื่อนเราไหมเลยถามน้องชาย พอดีว่าเราสายตาไม่ได้ ตอนกลับบ้านเห็นรถเพื่อนจอดอยู่ก็มั่นใจเลย ว่าเพื่อนแกล้งไม่เห็นเรา คุณอาจคิดว่าเพื่อนก็คงจำเราไม่ได้เหมือนกัน แต่เราแน่ใจว่าจำได้เพราะเราไปแพคคู่กับน้องชายสะขนาดนั้น เพื่อนอีกคนที่โรงกลั่นหลังๆก็ชอบไปไหนมาไหนกับคนที่แกล้งไม่เห็นเรากันแค่ 2 คน ไม่ชวนเราไปด้วย ดิฉันมั่นใจมากว่าดิฉันไม่เคยทำอะไรไม่ดีให้เพื่อนต้องเคืองใจเลย
ปัจจุบันมีเพื่อนร่วมงานคนนึงที่เราคิดว่าเราคงไปด้วยกันได้ดี เคยไปร้องคาราโอเกะ โยนโบว์ ดื่มสังสรรค์ เขาก็มีท่าทีสนุกสนานในความเป็นตัวของตัวเองของเราแบบตลกๆ แต่หลังๆส่ง FB ไปหาก็ไม่อ่าน บางครั้งอ่านก็ไม่ตอบ
ขอบอกแบบไม่อายเลยนะคะ ว่าเสียใจที่ไม่มีเพื่อนค่ะ
ขอคำแนะนำหรืออยากจะเตือนที่อยากจะต่อว่า(แต่อย่าเรงนะคะ) จะยินดีรับฟังทุกอย่างค่ะ และขออภัยที่ค่อนข้างยาวนิดนึง