The Space Between Us (Peter Chelsom, 2017) คะแนน C
By Form Corleone
" ความรักที่ถูกคั่นระหว่างที่ว่างจากโลกถึงดาวอังคาร " เราคาดหวังกับพล็อตเรื่องที่ดูน่าสนใจมากๆ ในการเล่าถึงเด็กชายหนึ่งคนที่เกิดบน 'ดาวอังคาร' และติดต่อกับหญิงสาวที่อาศัยอยู่บนโลก ก่อเกิดเป็นความรักข้ามช่องว่าง 'กาลอวกาศ' เป็นหนัง 'ไซไฟ-โรแมนติก' ที่มีเส้นเรื่องน่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่งสำหรับเราเลย จุดนี้อาจจะทำให้เราคาดหวังเกินไปสำหรับเรื่องราวต่างๆที่หนังควรนำเสนอออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และกินใจมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ยัดเยียดตลอดเวลาจนชวนเวียนหัวถึงความไม่สมเหตุสมผลหลายๆอย่างเกินความจำเป็น เรารู้สึกตั้งแต่ช่วง 30 นาทีแรกของหนังแล้วว่า หนังพยายามที่จะยัดเยียดองค์ประกอบต่างๆมากจนทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูไม่หนักแน่นมากพอ ประเด็นที่ควรจะทำให้โรแมนติกถึงช่องว่างระหว่างคนสองคนน่าจะใส่รายละเอียดที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกมากกว่านี้ หนังยัดเยียดทั้งการจัดฉากหรือดนตรีประกอบที่ชวนน่ารำคาญ บางช่วงหรือบางจังหวะก็ไม่ควรที่จะเน้นหรือเร่งเสียงดนตรีประกอบขึ้นมาจนทำให้อารมณ์ร่วมไปกับตัวละครขาดๆเกินๆไปจนหมด เนื้อหาของวิทยาศาสตร์ที่เราไม่ได้สนใจอะไรมากกับหนังแนวนี้ยังถูกยัดเยียดมาให้เราแบบตั้งใจและจงใจมากๆ สิ่งต่างๆในหนังเรื่องนี้ล้วนเป็นการจัดฉากตัดแต่งจนไร้มิติและเสน่ห์อย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันลดทอนคุณภาพของพล็อตเรื่องที่มันดีอยู่แล้วแต่ทำได้อย่างน่าหงุดหงิดใจมาก
ประเด็นของหนังหลุดออกไปไกลจนสุดขอบจักรวาลด้วยความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่กลายร่างเป็น 'Road Trip' ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเดินทางไปซะยังงั้น!! ซึ่งมันปลอมจนไม่รู้สึกว่ารักกันได้จริงๆ แทนที่จะไปโฟกัสถึงช่องว่างของระยะทางที่ยังคงสภาพของความรักระหว่างคนสองคนได้อยู่ก็ตาม จะด้วยข้อแม้อะไรก็แล้วแต่ สำหรับเราหนังเลือกโฟกัสผิดที่เอามากๆ ถ้าจะวัดตามเนื้อผ้าหรือเทียบกับชื่อเรื่อง และแถมมาด้วยบทสรุปที่ไม่ได้มีพลังอะไรหรือเรียกน้ำตากระซากหัวใจให้หลุดออกไปถึงการลาจากในครั้งนี้ได้เลย มันจึงเป็นฉากปิดที่ไร้น้ำหนักแม้แรงโน้มถ่วงก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แอบนั่งลุ้นว่าตอนจบน่าจะทำให้พีคได้อยู่นะ แต่ก็ดันตัดภาพผ่านๆและจบไปเฉย ไม่มีสารสื่อสาระสำคัญอะไรต่อกันระหว่างคนสองคนมากมายอะไรเลย
อย่างไรก็ตามแต่ 'The Space Between Us' ยังคงตอบโจทย์หนังโลกสวย 'Feel good' ได้ไม่ยากจนเกินไป เรายังสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้เพลินๆ โดยมองผ่านข้อเสียต่างๆ ที่เยอะมากออกไปได้อยู่ การแสดงของคู่พระนางไม่ได้มีปัญหาอะไรในการรับชม เป็นแต่เพียงองค์ประกอบอื่นๆของหนังเท่านั้นที่นำพาให้เรื่องราวทั้งหมดดูเบาและตื้นในมิติของความสัมพันธ์ที่ดูแล้วชวนตลกมากกว่าซึ้งน้ำตาไหล เราอาจจะต้องโทษตัวเองส่วนหนึ่งที่คาดหวังมากเกินไปจึงผิดหวังกลับมา สุดท้าย เรื่องราวทั้งหมดของหนังก็ไม่ได้เพิ่มมุมมองอะไรใหม่ๆในเรื่องราวของความรักได้เลยและความรักที่อยู่ห่างกันของคนสองก็ไม่ได้ดีไปกว่าการอยู่ห่างกันแค่หนึ่งช่วงตึก เท่านั้นเอง เสียดายมากๆ ที่หนังทำได้เพียงแค่นี้จริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
The Space Between Us (Peter Chelsom, 2017) เขียนโดย Form Corleone
By Form Corleone
" ความรักที่ถูกคั่นระหว่างที่ว่างจากโลกถึงดาวอังคาร " เราคาดหวังกับพล็อตเรื่องที่ดูน่าสนใจมากๆ ในการเล่าถึงเด็กชายหนึ่งคนที่เกิดบน 'ดาวอังคาร' และติดต่อกับหญิงสาวที่อาศัยอยู่บนโลก ก่อเกิดเป็นความรักข้ามช่องว่าง 'กาลอวกาศ' เป็นหนัง 'ไซไฟ-โรแมนติก' ที่มีเส้นเรื่องน่าสนใจมากๆเรื่องหนึ่งสำหรับเราเลย จุดนี้อาจจะทำให้เราคาดหวังเกินไปสำหรับเรื่องราวต่างๆที่หนังควรนำเสนอออกมาได้อย่างสร้างสรรค์และกินใจมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ยัดเยียดตลอดเวลาจนชวนเวียนหัวถึงความไม่สมเหตุสมผลหลายๆอย่างเกินความจำเป็น เรารู้สึกตั้งแต่ช่วง 30 นาทีแรกของหนังแล้วว่า หนังพยายามที่จะยัดเยียดองค์ประกอบต่างๆมากจนทำให้เรื่องราวทั้งหมดดูไม่หนักแน่นมากพอ ประเด็นที่ควรจะทำให้โรแมนติกถึงช่องว่างระหว่างคนสองคนน่าจะใส่รายละเอียดที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกมากกว่านี้ หนังยัดเยียดทั้งการจัดฉากหรือดนตรีประกอบที่ชวนน่ารำคาญ บางช่วงหรือบางจังหวะก็ไม่ควรที่จะเน้นหรือเร่งเสียงดนตรีประกอบขึ้นมาจนทำให้อารมณ์ร่วมไปกับตัวละครขาดๆเกินๆไปจนหมด เนื้อหาของวิทยาศาสตร์ที่เราไม่ได้สนใจอะไรมากกับหนังแนวนี้ยังถูกยัดเยียดมาให้เราแบบตั้งใจและจงใจมากๆ สิ่งต่างๆในหนังเรื่องนี้ล้วนเป็นการจัดฉากตัดแต่งจนไร้มิติและเสน่ห์อย่างมาก ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันลดทอนคุณภาพของพล็อตเรื่องที่มันดีอยู่แล้วแต่ทำได้อย่างน่าหงุดหงิดใจมาก
ประเด็นของหนังหลุดออกไปไกลจนสุดขอบจักรวาลด้วยความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่กลายร่างเป็น 'Road Trip' ที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างเดินทางไปซะยังงั้น!! ซึ่งมันปลอมจนไม่รู้สึกว่ารักกันได้จริงๆ แทนที่จะไปโฟกัสถึงช่องว่างของระยะทางที่ยังคงสภาพของความรักระหว่างคนสองคนได้อยู่ก็ตาม จะด้วยข้อแม้อะไรก็แล้วแต่ สำหรับเราหนังเลือกโฟกัสผิดที่เอามากๆ ถ้าจะวัดตามเนื้อผ้าหรือเทียบกับชื่อเรื่อง และแถมมาด้วยบทสรุปที่ไม่ได้มีพลังอะไรหรือเรียกน้ำตากระซากหัวใจให้หลุดออกไปถึงการลาจากในครั้งนี้ได้เลย มันจึงเป็นฉากปิดที่ไร้น้ำหนักแม้แรงโน้มถ่วงก็ช่วยไม่ได้จริงๆ แอบนั่งลุ้นว่าตอนจบน่าจะทำให้พีคได้อยู่นะ แต่ก็ดันตัดภาพผ่านๆและจบไปเฉย ไม่มีสารสื่อสาระสำคัญอะไรต่อกันระหว่างคนสองคนมากมายอะไรเลย
อย่างไรก็ตามแต่ 'The Space Between Us' ยังคงตอบโจทย์หนังโลกสวย 'Feel good' ได้ไม่ยากจนเกินไป เรายังสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้เพลินๆ โดยมองผ่านข้อเสียต่างๆ ที่เยอะมากออกไปได้อยู่ การแสดงของคู่พระนางไม่ได้มีปัญหาอะไรในการรับชม เป็นแต่เพียงองค์ประกอบอื่นๆของหนังเท่านั้นที่นำพาให้เรื่องราวทั้งหมดดูเบาและตื้นในมิติของความสัมพันธ์ที่ดูแล้วชวนตลกมากกว่าซึ้งน้ำตาไหล เราอาจจะต้องโทษตัวเองส่วนหนึ่งที่คาดหวังมากเกินไปจึงผิดหวังกลับมา สุดท้าย เรื่องราวทั้งหมดของหนังก็ไม่ได้เพิ่มมุมมองอะไรใหม่ๆในเรื่องราวของความรักได้เลยและความรักที่อยู่ห่างกันของคนสองก็ไม่ได้ดีไปกว่าการอยู่ห่างกันแค่หนึ่งช่วงตึก เท่านั้นเอง เสียดายมากๆ ที่หนังทำได้เพียงแค่นี้จริงๆ
ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ตัวอย่างหนัง
ฝากกด like page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/