[หนังโรงเรื่องที่ 179] Logan - สมศักดิ์ศรีวูฟเวอรีน ; (James Mangold, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุการณ์เกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นตัวตนที่ถูกตามล่าและสาบสูญไปจากโลก รวมไปถึง "โลแกน-วูฟเวอรีน" (Hugh Jackman) และ "ชาร์ล เซเวียร์-ศาสตราจารย์เอ็กซ์" (Patrick Stewart) ที่ต้องลี้ภัยมาใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆในวัยบั้นปลายใกล้ลงโลง .. แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เคยปราณีพวกเขาเมื่อชาร์ลสัมผัสได้ถึงมนุษย์กลายพันธฺุ์รุ่นเยาว์ที่กำลังถูกตามล่าโดยองค์กรลับผู้มีพลังคลับคล้ายกับวูฟเวอรีน
เป็นหนังที่สอบผ่านทุกโจทย์ของตัวเองได้อย่างชื่นชมจริงๆ คือไม่เสียแรงที่มหาชนพากันเห่อเลยแม้แต่น้อย เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้จะเห็นยอดมนุษย์ที่เราคุ้นเคยมาตลอดสิบปีในสภาพที่ยับเยินงอมพระรามจนน่าอดสู ทั้งวูฟเวอรีนที่แก่ตัวลงจนไม่ฟิตปั๋งเหมือนแต่ก่อน (โดนอันธพาลรุมตื้บได้ง่ายๆเลย) หรือกระทั่งชาร์ลเซเวียร์ผู้มีพลังจิตที่แกร่งที่สุดคนหนึ่งของโลกก็ต้องเผชิญกับอาการสมองเสื่อม-สติเลอะเลือนในวัยร่วม90 พูดง่ายๆคือมันจะเป็นภาคของ X-Men ที่ตัวละครจะมีความ 'ใกล้เคียง' ความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้ว
สิ่งแรกที่ชอบก็คือการที่หนังเลือกที่ให้ตัวเองเป็นเรต R ซึ่งส่งผลให้ข้อจำกัดเรื่องความโหดในฉากต่อสู้มันหมดไปแบบ Deadpool ซึ่งใน Logan นี่ก็ถือว่าเป็นฉากต่อสู้ที่ดิบ-เถื่อน-เลือดสาดที่สุดในบรรดาหนังฮีโร่แล้ว สมจริงกับความเป็น 'สัตว์ป่า' ของวูฟเวอรีนที่มีกงเล็บที่พร้อมจะแทง-ฟัน-ตัดศัตรูให้ตายแบบไม่มีชิ้นดีได้ง่ายๆ (คือมันทำให้หนังภาคอื่นๆในเครือเป็นการ์ตูนเด็กเล่นไปเลยล่ะ) ซึ่งโดยส่วนตัวก็รู้สึกโอเคมากที่ Fox ได้จับแนวทางของตัวเองในการทำหนังฮีโร่ที่โทนหนักขึ้น-จริงจังขึ้นเพื่อขายกลุ่มแฟนที่โตขึ้นมาอีกหน่อยแบบนี้
ตัวพล็อตหลักของหนังเองนั้นถูกนำเสนอมาในลักษณะ 'Road Movie' ที่ตัวละครจะได้เดินทาง,พูดคุย และเรียนรู้ซึ่งกันและกันบนท้องถนนซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ 'พอใช้' และอาจมีความรู้สึกอืดๆบ้างเป็นครั้งคราว คือเตือนไว้ก่อนเลยว่าถ้าใครคาดหวังว่าจะได้หนังสไตล์ X-Men แบบที่พุ่งตรงเข้าหาประเด็นที่ตัวเองคุ้นเคยก็อาจจะผิดหวังได้ เพราะนี่จะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกันไปหมด หนังใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการอ้อมค้อมวนไปรอบๆ 'ใจความ' ของเรื่องแบบไม่ได้รีบร้อนแคร์สื่อใดๆ ซึ่งมันสอดคล้องกับธีมหนังนั่นแหละ แต่หลายๆคนอาจจะไม่ชอบเฉยๆ
.
"ฮิวจ์ แจ็คแมน" ไว้ลายไว้ได้อย่างงดงาม คือเป็นวูฟเวอรีนที่ดู 'เหนื่อยที่สุด' แถมยังมีแววตาที่แสดงให้เห็นบาปในใจที่หนักอึ้งอยู่บนไหล่ของเขาชนิดที่ว่าน่าเวทนาเอามากๆ และถึงแม้ตัวโลแกนเองจะตัดขาดตนออกจากโลกรอบข้างโดยสิ้นเชิงก็ตาม กระนั้นแล้วมิตรภาพและความรักที่เขามอบให้กับ "ชาร์ล เซเวียร์" (ที่อยู่ในสภาพน่าอดสูไม่แพ้กัน) ก็เป็น 'ของแท้' ที่ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆมานิยามเลย
สำหรับบทส่วนของ "อีหนูวูฟเวอรีน-ลอร่า" (Dafne Keen) โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยซื้อซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าแคสติ้งตัวละครมาได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะคิวบู๊นี่อีหนูตีบทแตกกระจาย คือมันแลดู wild มากๆ แลดูเป็นสัตว์ป่ายิ่งกว่าตัวโลแกนจริงๆซะอีก ถือว่าเป็นตัวละครเสริมที่เข้ามาแบบไม่เก้ๆกังๆดี
.... Logan คือการปิดฉากวูฟเวอรีนที่สมเกียรติที่สุด ด้วยการวางธีมหนังแบบหนัก-เข้ม-โหดยิ่งทำให้ทุกอย่างมันดู emotional ไปหมด และทำให้เราสามารถเชื่อมโยงกับ 'ความเป็นคน' ของโลแกนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่าหนังมันตอบโจทย์ของตัวเองได้ดีแล้วล่ะ อาจมีอืด มีช้าบ้างในบางช่วง แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็จบลงอย่างสวยงามและน่าจดจำ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 179] Logan - สมศักดิ์ศรีวูฟเวอรีน by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 179] Logan - สมศักดิ์ศรีวูฟเวอรีน ; (James Mangold, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A++ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : เหตุการณ์เกิดขึ้นในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้า เมื่อมนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นตัวตนที่ถูกตามล่าและสาบสูญไปจากโลก รวมไปถึง "โลแกน-วูฟเวอรีน" (Hugh Jackman) และ "ชาร์ล เซเวียร์-ศาสตราจารย์เอ็กซ์" (Patrick Stewart) ที่ต้องลี้ภัยมาใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนๆในวัยบั้นปลายใกล้ลงโลง .. แต่แล้วโชคชะตาก็ไม่เคยปราณีพวกเขาเมื่อชาร์ลสัมผัสได้ถึงมนุษย์กลายพันธฺุ์รุ่นเยาว์ที่กำลังถูกตามล่าโดยองค์กรลับผู้มีพลังคลับคล้ายกับวูฟเวอรีน
เป็นหนังที่สอบผ่านทุกโจทย์ของตัวเองได้อย่างชื่นชมจริงๆ คือไม่เสียแรงที่มหาชนพากันเห่อเลยแม้แต่น้อย เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เราได้จะเห็นยอดมนุษย์ที่เราคุ้นเคยมาตลอดสิบปีในสภาพที่ยับเยินงอมพระรามจนน่าอดสู ทั้งวูฟเวอรีนที่แก่ตัวลงจนไม่ฟิตปั๋งเหมือนแต่ก่อน (โดนอันธพาลรุมตื้บได้ง่ายๆเลย) หรือกระทั่งชาร์ลเซเวียร์ผู้มีพลังจิตที่แกร่งที่สุดคนหนึ่งของโลกก็ต้องเผชิญกับอาการสมองเสื่อม-สติเลอะเลือนในวัยร่วม90 พูดง่ายๆคือมันจะเป็นภาคของ X-Men ที่ตัวละครจะมีความ 'ใกล้เคียง' ความเป็นมนุษย์ที่สุดแล้ว
สิ่งแรกที่ชอบก็คือการที่หนังเลือกที่ให้ตัวเองเป็นเรต R ซึ่งส่งผลให้ข้อจำกัดเรื่องความโหดในฉากต่อสู้มันหมดไปแบบ Deadpool ซึ่งใน Logan นี่ก็ถือว่าเป็นฉากต่อสู้ที่ดิบ-เถื่อน-เลือดสาดที่สุดในบรรดาหนังฮีโร่แล้ว สมจริงกับความเป็น 'สัตว์ป่า' ของวูฟเวอรีนที่มีกงเล็บที่พร้อมจะแทง-ฟัน-ตัดศัตรูให้ตายแบบไม่มีชิ้นดีได้ง่ายๆ (คือมันทำให้หนังภาคอื่นๆในเครือเป็นการ์ตูนเด็กเล่นไปเลยล่ะ) ซึ่งโดยส่วนตัวก็รู้สึกโอเคมากที่ Fox ได้จับแนวทางของตัวเองในการทำหนังฮีโร่ที่โทนหนักขึ้น-จริงจังขึ้นเพื่อขายกลุ่มแฟนที่โตขึ้นมาอีกหน่อยแบบนี้
ตัวพล็อตหลักของหนังเองนั้นถูกนำเสนอมาในลักษณะ 'Road Movie' ที่ตัวละครจะได้เดินทาง,พูดคุย และเรียนรู้ซึ่งกันและกันบนท้องถนนซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ 'พอใช้' และอาจมีความรู้สึกอืดๆบ้างเป็นครั้งคราว คือเตือนไว้ก่อนเลยว่าถ้าใครคาดหวังว่าจะได้หนังสไตล์ X-Men แบบที่พุ่งตรงเข้าหาประเด็นที่ตัวเองคุ้นเคยก็อาจจะผิดหวังได้ เพราะนี่จะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกันไปหมด หนังใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการอ้อมค้อมวนไปรอบๆ 'ใจความ' ของเรื่องแบบไม่ได้รีบร้อนแคร์สื่อใดๆ ซึ่งมันสอดคล้องกับธีมหนังนั่นแหละ แต่หลายๆคนอาจจะไม่ชอบเฉยๆ
.
"ฮิวจ์ แจ็คแมน" ไว้ลายไว้ได้อย่างงดงาม คือเป็นวูฟเวอรีนที่ดู 'เหนื่อยที่สุด' แถมยังมีแววตาที่แสดงให้เห็นบาปในใจที่หนักอึ้งอยู่บนไหล่ของเขาชนิดที่ว่าน่าเวทนาเอามากๆ และถึงแม้ตัวโลแกนเองจะตัดขาดตนออกจากโลกรอบข้างโดยสิ้นเชิงก็ตาม กระนั้นแล้วมิตรภาพและความรักที่เขามอบให้กับ "ชาร์ล เซเวียร์" (ที่อยู่ในสภาพน่าอดสูไม่แพ้กัน) ก็เป็น 'ของแท้' ที่ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆมานิยามเลย
สำหรับบทส่วนของ "อีหนูวูฟเวอรีน-ลอร่า" (Dafne Keen) โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยซื้อซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าแคสติ้งตัวละครมาได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะคิวบู๊นี่อีหนูตีบทแตกกระจาย คือมันแลดู wild มากๆ แลดูเป็นสัตว์ป่ายิ่งกว่าตัวโลแกนจริงๆซะอีก ถือว่าเป็นตัวละครเสริมที่เข้ามาแบบไม่เก้ๆกังๆดี
.... Logan คือการปิดฉากวูฟเวอรีนที่สมเกียรติที่สุด ด้วยการวางธีมหนังแบบหนัก-เข้ม-โหดยิ่งทำให้ทุกอย่างมันดู emotional ไปหมด และทำให้เราสามารถเชื่อมโยงกับ 'ความเป็นคน' ของโลแกนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วก็คิดว่าหนังมันตอบโจทย์ของตัวเองได้ดีแล้วล่ะ อาจมีอืด มีช้าบ้างในบางช่วง แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็จบลงอย่างสวยงามและน่าจดจำ.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้