สวัสดีครับ ผมอยากจะแชร์ประสบการช่วยเหลือสุนัขจรจัดครั้งแรก (เล่าเรื่องครั้งแรก)
เริ่มกันเลยนะครับ ผมก็เป็นคนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตในแต่ละวัน แบบสบายๆ จนวันหนึ่ง ได้พบกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่งแถวบ้าน
ผมกับแม่ เริ่มให้อาหารครั้งคราว ด้วยความสงสาร และได้พบ ก้อนเนื้อบริเวณขาขวาของสุนัข(มะเร็ง) มีอาการเน่า เหม็น ขนาดใหญ่พอสมควร
ผมกับแม่ตัดสินใจอยู่นาน ด้วยความสงสาร รู้ว่าจะใช้เงินในการรักษาสูง ผมจึงลองตัดสินใจเปิดระดมทุนในหมู่เพื่อนๆ facebook
ควบคู่เพื่อหวังนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือสุนัขตัวนี้ ซึ้งประมาณการ ไว้ด้วยตัวเอง คง ไม่เกิน 1 หมื่นบาท
หวังแค่ผ่าตัดก้อนเนื้อตรงนี้ออก แล้วปล่อยมันกลับเหมือนเดิม
ผมได้นำไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในหาดใหญ่(เปิดใหม่) ในใจคาดหวังว่า คงได้รับการผ่าตัดทันที ที่นำไปรักษา
ซึ้งผมต้องผิดหวัง เพราะช่วงที่ผมไปรักษา ตรงกับช่วงสิ้นปี ซึ้งไม่มีคนดูแลสุนัขหลังผ่าตัด ซึ้งผมก็แปลกใจ โรงพยาบาล
ไม่มีระบบดูแลส่วนนี้จึงได้แค่เอ็กเรย์ กับตรวจเลือดเบื้องต้น (ประมาณ 2,000 บาท)
ด้วยความที่ผมใจร้อนในการรักษา และ ไม่ค่อยมีเวลา จึงตัดสินใจย้ายโรงพยาบาลไปอีกที่หนึ่ง เพื่อรักษา
ซึ้งหลังจากย้ายมายังโรงพยาบาลใหม่ ก็ต้องรอเหมือนเดิมในการรักษา แต่เร็วกว่าโรงพยาบาลแรกมาก
ซึ้งการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี และได้ทำการฝากไว้ที่ โรงพยาบาล เป็นเวลา 2 อาทิตย์
ค่าผ่าตัด+ค่าอาหาร+ค่าฝาก รวมๆ เกือบ 2 หมื่นบาท
ค่าใช้จ่ายสูงมาก เงินที่ได้จากการระดมทุนไม่พอ ผมจึงตัดสินใจนำเงินส่วนของตัวเองออก ซึ้งก็ยังไม่พอ
ในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงตัดสินใจ รีบนำกลับมาดุแลรักษาต่อที่บ้าน
ซึ้งในการพักรักษาที่บ้าน พบอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงสุนัขด้วย 2 ตัว อยู่ก่อนแล้ว
ต้องนำไปรักษา ดูแลทำแผล ในชั้นดาดฟ้า ด้านบน ซึ้งผมจากปกติ ชีวิตสบายๆ ต้องมาดูแลทำแผล ให้อาหารทุกเช้า เย็น
ตกกลางคืน พบก้ได้พบอีกปัญหาหนึ่ง ด้วยสุนัขเป็นสุนัขจร เห่าหอน เสียงดัง จนรวบกวนผมและเพื่อนบ้านอย่างมาก
ผมจึงตัดสินใจ ย้ายตัวเองขึ้นไปนอนกลับมัน (สุนัข) เพื่อคุม ไม่ให้มันร้องรบกวน ชาวบ้าน
ซึ้งได้ผล แม้ช่วงแรกๆ จะต้องลงไม้ลงมือบ้าง เพราะรบกวน ผมและเพื่อนบ้านอย่างมากจริงๆ
ค่ายา+ค่าผ้าพันแผล +อื่นๆ มาเรื่อยๆ
จนผมเลิก นึกเรื่องเงินแล้ว มีเท่าไหร่ก็คงรักษาเท่านั้น
ผมได้รักษา และทำแบบนี้ มาเรื่อยๆ จนระยะเวลา ผ่านไป 2 เดือน
แผลจากการผ่านตัด ล่าสุดเกือบจะหาย 100% แล้ว
ผมเริ่มสังเหตุ พบก้อนเนื้อบริเวณอื่นอีก จึงนำไปพบแพทย์ อีกครั้ง
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ มะเร็งมีการลาม
เพิ่มขึ้นตามจุด ต่างๆ ภายในตัว ที่หนักสุดพบภายใน ต่อมน้ำเหลือง ขนาดใหญ่
ซึ่งแพทย์บอกว่ารักษาต่อไปในอนาคต คงมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และ รักษาค่อยข้างยาก
การช่วยเหลือสุนัขจรจัด
เริ่มกันเลยนะครับ ผมก็เป็นคนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตในแต่ละวัน แบบสบายๆ จนวันหนึ่ง ได้พบกับสุนัขจรจัดตัวหนึ่งแถวบ้าน
ผมกับแม่ เริ่มให้อาหารครั้งคราว ด้วยความสงสาร และได้พบ ก้อนเนื้อบริเวณขาขวาของสุนัข(มะเร็ง) มีอาการเน่า เหม็น ขนาดใหญ่พอสมควร
ผมกับแม่ตัดสินใจอยู่นาน ด้วยความสงสาร รู้ว่าจะใช้เงินในการรักษาสูง ผมจึงลองตัดสินใจเปิดระดมทุนในหมู่เพื่อนๆ facebook
ควบคู่เพื่อหวังนำเงินที่ได้ไปช่วยเหลือสุนัขตัวนี้ ซึ้งประมาณการ ไว้ด้วยตัวเอง คง ไม่เกิน 1 หมื่นบาท
หวังแค่ผ่าตัดก้อนเนื้อตรงนี้ออก แล้วปล่อยมันกลับเหมือนเดิม
ผมได้นำไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในหาดใหญ่(เปิดใหม่) ในใจคาดหวังว่า คงได้รับการผ่าตัดทันที ที่นำไปรักษา
ซึ้งผมต้องผิดหวัง เพราะช่วงที่ผมไปรักษา ตรงกับช่วงสิ้นปี ซึ้งไม่มีคนดูแลสุนัขหลังผ่าตัด ซึ้งผมก็แปลกใจ โรงพยาบาล
ไม่มีระบบดูแลส่วนนี้จึงได้แค่เอ็กเรย์ กับตรวจเลือดเบื้องต้น (ประมาณ 2,000 บาท)
ด้วยความที่ผมใจร้อนในการรักษา และ ไม่ค่อยมีเวลา จึงตัดสินใจย้ายโรงพยาบาลไปอีกที่หนึ่ง เพื่อรักษา
ซึ้งหลังจากย้ายมายังโรงพยาบาลใหม่ ก็ต้องรอเหมือนเดิมในการรักษา แต่เร็วกว่าโรงพยาบาลแรกมาก
ซึ้งการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี และได้ทำการฝากไว้ที่ โรงพยาบาล เป็นเวลา 2 อาทิตย์
ค่าผ่าตัด+ค่าอาหาร+ค่าฝาก รวมๆ เกือบ 2 หมื่นบาท
ค่าใช้จ่ายสูงมาก เงินที่ได้จากการระดมทุนไม่พอ ผมจึงตัดสินใจนำเงินส่วนของตัวเองออก ซึ้งก็ยังไม่พอ
ในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จึงตัดสินใจ รีบนำกลับมาดุแลรักษาต่อที่บ้าน
ซึ้งในการพักรักษาที่บ้าน พบอุปสรรคอย่างมาก เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงสุนัขด้วย 2 ตัว อยู่ก่อนแล้ว
ต้องนำไปรักษา ดูแลทำแผล ในชั้นดาดฟ้า ด้านบน ซึ้งผมจากปกติ ชีวิตสบายๆ ต้องมาดูแลทำแผล ให้อาหารทุกเช้า เย็น
ตกกลางคืน พบก้ได้พบอีกปัญหาหนึ่ง ด้วยสุนัขเป็นสุนัขจร เห่าหอน เสียงดัง จนรวบกวนผมและเพื่อนบ้านอย่างมาก
ผมจึงตัดสินใจ ย้ายตัวเองขึ้นไปนอนกลับมัน (สุนัข) เพื่อคุม ไม่ให้มันร้องรบกวน ชาวบ้าน
ซึ้งได้ผล แม้ช่วงแรกๆ จะต้องลงไม้ลงมือบ้าง เพราะรบกวน ผมและเพื่อนบ้านอย่างมากจริงๆ
ค่ายา+ค่าผ้าพันแผล +อื่นๆ มาเรื่อยๆ
จนผมเลิก นึกเรื่องเงินแล้ว มีเท่าไหร่ก็คงรักษาเท่านั้น
ผมได้รักษา และทำแบบนี้ มาเรื่อยๆ จนระยะเวลา ผ่านไป 2 เดือน
แผลจากการผ่านตัด ล่าสุดเกือบจะหาย 100% แล้ว
ผมเริ่มสังเหตุ พบก้อนเนื้อบริเวณอื่นอีก จึงนำไปพบแพทย์ อีกครั้ง
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือ มะเร็งมีการลาม
เพิ่มขึ้นตามจุด ต่างๆ ภายในตัว ที่หนักสุดพบภายใน ต่อมน้ำเหลือง ขนาดใหญ่
ซึ่งแพทย์บอกว่ารักษาต่อไปในอนาคต คงมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และ รักษาค่อยข้างยาก