เพราะหากเรามองไปยังประเทศ อื่นๆ เช่ยอินเดีย หรือทางฝั่งยุโรปก็มีผีตามพื้นบ้านของเขาที่แตกต่างไปจากของไทย
เช่นทำไมไทยเรา มีผีผู้หญิงออกมาต้นกล้วยตานี ต้นตะเคียน ของพม่าก็ ผีนางว่านหงสาวดี หรือนางพยาผีดิบ ฯลฯ
แต่ของอินเดีย ก็มีเรื่องเล่าผีพื้นบ้านซึ่งก็เป็นผีผู้หญิงเหมือนกันเรียกว่านาง ดากินี ออกมาจากต้นมะม่วงหรือนั่งอยู่บนต้นมะม่วงสูงๆผมยาวมาก
นอกจากนี้อินเดียยังมีเรื่องผีนาง รากินี คือผีแม่ม้ายที่มาเอาตัวผู้ชายไป
ทางยุโรป มีแม่มด ซึ่งรูปแบบคนที่ที่โดนกล่าวหาก็ไม่ต่างจากตามตจวของอีสานของไทย ที่ใครทำตัวแปลกไม่สุงสิง ป่วยมีผืนขึ้นประหลาด เป็นดปลิโอก็โดนหาว่าเป็นแม่มด เป็นปอบ แล้วโดนขับไล่
ทำไมคนพวกนี้เค้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง เคยได้ยินคนตามต่างจังหวัดเช่นภาคอีสานของไทยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่า หาว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ทำไม่ค่อยสุงสิงกะใครและมีบ้านอาศัยอยู่ลึกไปทางดงป่าปิดกับคนอื่น และอยู่ๆมีผู้หญิงสาวหน้าตาสวยมาอยู่ด้วยแต่พยามปกปิดไม่บอกใคร หลบๆซ่อนๆพอใครเจอแล้วถามถึงผู้ชายก็พยามปกปิดพูดไปเรื่องอื่น หรือบอกไม่มีบ้าง.......คนตจวก็ทึกทักกันไปเองหาว่าผู้หญิงเป็นนางตานี นางพราย นางปอบอะไรไป
ทำไมเค้าถึงคิดได้แค่นั้น? ไม่คิดกลับกันว่ามันมีตั้งหลายเหตุผลว่าทำไมผู้ชายเค้าไม่อยากบอกว่าผู้หญิงคนที่มาอยู่ด้วยลับๆเป็นใคร? อาจจะด้วยเพราะว่าไม่ได้แต่งงานกับถูกต้องตามประเพณี , อาจจะด้วยเพราะว่าเป็นลูกสาวผู้ดีมีตระกูลเกื้อหนุนกันมาแล้วตกอับมาอาศัยอยู่ชั่วคราวจึงไม่อยากให้เป็นที่โจดจัน? หรืออีกหลายๆเหตุผล แต่ทำไมคนตจวไทยถึงคิดไปได้แต่เหตุผลเรื่องผี?
หรือกรณีคนป่วย คนประสบอุบัติเหตุ คนเป็นโรคมีอาการแปลกๆก็โดนขับไล่หาว่าเป็นปอบเป็นกะสือ ไม่ต่างจากยุคล่าแม่มดของฝรั่งที่มีคนโดนหาว่าเป็น werewolf, vampireม แม่มด, อินคิวบัส ฯลฯ
เราเลยสงสัยและอยากพิสูจน์อยู่เหมือนกันคะว่าผีพวกที่ว่าๆมานี้มีจริงไหม หรือเป็นแค่ความเข้าใจผิดในสังคมที่คนยังโง่เหลาอยู่
อยากทราบว่าผีไทยเช่น ผีนางตานี นางตะเคียน ผีปอบ กะสือ ฯลฯ มีจริงหรือเป็นแค่การเข้าใจผิดของคนโบราณ?
เช่นทำไมไทยเรา มีผีผู้หญิงออกมาต้นกล้วยตานี ต้นตะเคียน ของพม่าก็ ผีนางว่านหงสาวดี หรือนางพยาผีดิบ ฯลฯ
แต่ของอินเดีย ก็มีเรื่องเล่าผีพื้นบ้านซึ่งก็เป็นผีผู้หญิงเหมือนกันเรียกว่านาง ดากินี ออกมาจากต้นมะม่วงหรือนั่งอยู่บนต้นมะม่วงสูงๆผมยาวมาก
นอกจากนี้อินเดียยังมีเรื่องผีนาง รากินี คือผีแม่ม้ายที่มาเอาตัวผู้ชายไป
ทางยุโรป มีแม่มด ซึ่งรูปแบบคนที่ที่โดนกล่าวหาก็ไม่ต่างจากตามตจวของอีสานของไทย ที่ใครทำตัวแปลกไม่สุงสิง ป่วยมีผืนขึ้นประหลาด เป็นดปลิโอก็โดนหาว่าเป็นแม่มด เป็นปอบ แล้วโดนขับไล่
ทำไมคนพวกนี้เค้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง เคยได้ยินคนตามต่างจังหวัดเช่นภาคอีสานของไทยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่า หาว่าผู้ชายคนหนึ่งที่ทำไม่ค่อยสุงสิงกะใครและมีบ้านอาศัยอยู่ลึกไปทางดงป่าปิดกับคนอื่น และอยู่ๆมีผู้หญิงสาวหน้าตาสวยมาอยู่ด้วยแต่พยามปกปิดไม่บอกใคร หลบๆซ่อนๆพอใครเจอแล้วถามถึงผู้ชายก็พยามปกปิดพูดไปเรื่องอื่น หรือบอกไม่มีบ้าง.......คนตจวก็ทึกทักกันไปเองหาว่าผู้หญิงเป็นนางตานี นางพราย นางปอบอะไรไป
ทำไมเค้าถึงคิดได้แค่นั้น? ไม่คิดกลับกันว่ามันมีตั้งหลายเหตุผลว่าทำไมผู้ชายเค้าไม่อยากบอกว่าผู้หญิงคนที่มาอยู่ด้วยลับๆเป็นใคร? อาจจะด้วยเพราะว่าไม่ได้แต่งงานกับถูกต้องตามประเพณี , อาจจะด้วยเพราะว่าเป็นลูกสาวผู้ดีมีตระกูลเกื้อหนุนกันมาแล้วตกอับมาอาศัยอยู่ชั่วคราวจึงไม่อยากให้เป็นที่โจดจัน? หรืออีกหลายๆเหตุผล แต่ทำไมคนตจวไทยถึงคิดไปได้แต่เหตุผลเรื่องผี?
หรือกรณีคนป่วย คนประสบอุบัติเหตุ คนเป็นโรคมีอาการแปลกๆก็โดนขับไล่หาว่าเป็นปอบเป็นกะสือ ไม่ต่างจากยุคล่าแม่มดของฝรั่งที่มีคนโดนหาว่าเป็น werewolf, vampireม แม่มด, อินคิวบัส ฯลฯ
เราเลยสงสัยและอยากพิสูจน์อยู่เหมือนกันคะว่าผีพวกที่ว่าๆมานี้มีจริงไหม หรือเป็นแค่ความเข้าใจผิดในสังคมที่คนยังโง่เหลาอยู่