แต่แรกเริ่มที่ได้ยินข่าวว่านางเอกสายแบ๊ว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ถูกวางตัวให้รับบทนางเอกในละคร “คลื่นชีวิต” บอกตามตรงว่าต้องถามตัวเองซ้ำไม่รู้ตั้งกี่รอบว่า...ไหวเร้อ !!??
ไม่ใช่ว่าญาญ่าไม่สวย ไม่เก่ง แต่ภาพจำที่เรามักคุ้นกับบทบาทการแสดงของเธอ ที่ออกไปในแนวสวยใส บ๊องแบ๊วๆ ตามวัยนั้น มันขัดกับบุคลิกของตัวละคร “จีราวัจน์” หรือ “มิสจี” ในเรื่องนี้แบบต่างขั้วเลยทีเดียว
เพราะตามคาแรกเตอร์ของมิสจี ภายนอกดูจะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กร้านโลก หรือถ้าภาษาข่าวต้องบอกว่าแซ่บเวอร์ แต่ลึกๆ ข้างใน เป็นหญิงสาวที่โหยหาความรัก ซึ่งบอกได้เลยว่าเล่นไม่ง่าย เพราะต้องแสดงแบบ 2 ชั้น ให้คนดูเข้าใจ และมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างความแข็งนอก และอ่อนใน ต้องแสดงอารมณ์ ทั้งเกรี้ยวกราด เก็บกด ทั้งร้าย และใขณะเดียวกัน ก็น่าสงสาร
แล้วญาญ่าใช่เหรอ !!??
ในขณะที่จาก 2 เวอร์ชันที่ผ่านมา นางเอกที่เคยรับบทเดียวกันนี้ ต้องนับว่าฝีมืออยู่ในระดับเอกอุ ระดับขึ้นหิ้งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “มยุรา ธนะบุตร” ในเวอร์ชั่นเมื่อปี 2526 ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า “คลื่นเสน่หา” และ “จริยา สรณคมน์” ในเวอร์ชันเมื่อปี 2537 ซึ่งทั้งมยุรา ทั้งจริยา ล้วนแล้วแต่เธอโชว์ฝีไม้ลายมือให้เห็นเป็นประจักษ์กับบทแรงๆ แบบนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นคนจึงไม่ติดใจสงสัย หรือเกิดปุจฉาในใจทำนองว่าจะไหวมั้ย ?
แต่สำหรับญาญ่า ไม่เคยผ่านการทดสอบจากบทบาทที่จี๊ดจ๊าดและมีสีสันแบบนี้ ไม่เคยแสดงศักยภาพให้เห็นมาก่อน จึงเป็นบทบาทที่เหนือความคาดหมายของคนดู แต่ยังนับว่าโชคดีที่ด้วยความเป็นญาญ่าที่มีฐานคนชื่นชอบมากมากอยู่แล้ว ก็เลยไม่เกิดกระแสต่อต้าน ตรงกันข้าม ทุกคนกลับเอาใจช่วย เพราะถ้าเธอสอบผ่านบทนี้ไปได้ นั่นหมายถึงเธอจะก้าวขึ้นมาอีกระดับชั้น สามารถเอาชนะตัวเอง ให้หลุดออกจาก Comfort Zone มาอยู่ในแถวของนางเอกที่ขายฝีมือ ขายบทบาท และขายความสามารถ
และเมื่อละครเรื่องนี้ออกอากาศ คำถามเดิมที่ว่าญาญ่าไหวมั้ย ? ก็ไม่ถูกถามซ้ำแล้ว เพราะเธอตีบทของมิสจี ผู้หญิงที่แข็งนอก อ่อนในแบบกระจุยกระจาย สีหน้า แววตา จริตการแสดง เรียกว่าไม่หลงเหลือคราบไคลของนางเอกสายแบ๊วคนเก่า สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ รัศมีการแสดงของเธอที่นับวันก็ยิ่งเปล่งประกาย ออร่าเจิดจรัสไปทั้งเนื้อทั้งตัว
แล้วก็ต้องนับว่าการเปลี่ยนคู่จากญ่าญ่า-ณเดชน์ มาเป็นญาญ่ากับหมาก-ปริญ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของละครเรื่องนี้ เป็นการโชว์ให้เห็นอีกด้านมุมหนึ่งว่า นางเอกยอดฝีมือ จะเล่นคู่กับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับคู่จิ้น หรือขายเป็นแพคเกจแบบที่ผ่านๆ มา
แต่เอาเข้าจริงๆ ต่อให้ญาญ่ามีฝีมือแค่ไหน ถ้าไม่มีเวทีให้แสดง ก็เปล่าประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องชมผ่านไปถึงผู้จัด “ดา-หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์” ที่ตาถึง และใจถึง มอบบทบาทเข้มข้นแบบนี้ให้ เพราะมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของญาญ่า ถ้าไม่มีคนเปิดหัวแหวนแบบนี้ ญาญ่าก็อาจจะย่ำเดินอยู่กับบทบาทการแสดงที่ซ้ำซาก ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ยังคงเป็นดาวที่ไม่สามารถเปล่งรัศมีแห่งดาวได้อย่างชัดเจน
วิถีของญาญ่าทำให้หวนนึกถึงเจ้าหญิงของวงการ อย่าง “แอน ทองประสม”
ใครเลยจะนึกว่าแอนจะเดินทางมาถึงการเป็นสุดยอดนางเอกที่ขายฝีมือ เล่นดีก็ได้ เล่นร้ายก็แรง สมัยที่แสดง “เพลิงบุญ” ยังสวยหวาน เป็นนางเอกเจ้าน้ำตา ถ้าไม่มีโอกาสได้พลิกบทบาทมาเป็นสองสาวฝาแฝด ในละคร “สองนรี” เผลอๆ บางทีแอนอาจจะไม่ได้มาไกลขนาดนี้ แต่ตอนนั้น หลังจากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เธอมีดีมากกว่าเป็นนางเอกสายหวาน ก็มีบทแรงๆ หนักๆ มาให้ได้แสดงความสามารถอีกเพียบ ไล่มาจาก “สายรุ้ง” , สามีตีตรา” , “แรงเงา” และอื่นๆ อีกมากมาย กวาดรางวี่รางวัลจากทุกสถาบันจนนับไม่ถ้วน
วันนี้ญาญ่าจึงถูกคาดหมายว่า น่าจะเป็นนางเอกที่จะได้รับบทสองสาวฝาแฝดในละคร “สองนรี” ที่แว่วว่าแอน เตรียมปัดฝุ่นกลับมาทำใหม่อีกรอบ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 381 4-11 มีนาคม 2560
เครดิต : เลิกแบ๊ว-แซบเวอร์ “คลื่นชีวิต” ของ “ญาญ่า” ในวันที่ก้าวข้าม Comfort Zone - Manager Online
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9600000022099
เลิกแบ๊ว-แซบเวอร์ “คลื่นชีวิต” ของ “ญาญ่า” ในวันที่ก้าวข้าม Comfort Zone
แต่แรกเริ่มที่ได้ยินข่าวว่านางเอกสายแบ๊ว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ถูกวางตัวให้รับบทนางเอกในละคร “คลื่นชีวิต” บอกตามตรงว่าต้องถามตัวเองซ้ำไม่รู้ตั้งกี่รอบว่า...ไหวเร้อ !!??
ไม่ใช่ว่าญาญ่าไม่สวย ไม่เก่ง แต่ภาพจำที่เรามักคุ้นกับบทบาทการแสดงของเธอ ที่ออกไปในแนวสวยใส บ๊องแบ๊วๆ ตามวัยนั้น มันขัดกับบุคลิกของตัวละคร “จีราวัจน์” หรือ “มิสจี” ในเรื่องนี้แบบต่างขั้วเลยทีเดียว
เพราะตามคาแรกเตอร์ของมิสจี ภายนอกดูจะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กร้านโลก หรือถ้าภาษาข่าวต้องบอกว่าแซ่บเวอร์ แต่ลึกๆ ข้างใน เป็นหญิงสาวที่โหยหาความรัก ซึ่งบอกได้เลยว่าเล่นไม่ง่าย เพราะต้องแสดงแบบ 2 ชั้น ให้คนดูเข้าใจ และมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่างความแข็งนอก และอ่อนใน ต้องแสดงอารมณ์ ทั้งเกรี้ยวกราด เก็บกด ทั้งร้าย และใขณะเดียวกัน ก็น่าสงสาร
แล้วญาญ่าใช่เหรอ !!??
ในขณะที่จาก 2 เวอร์ชันที่ผ่านมา นางเอกที่เคยรับบทเดียวกันนี้ ต้องนับว่าฝีมืออยู่ในระดับเอกอุ ระดับขึ้นหิ้งทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “มยุรา ธนะบุตร” ในเวอร์ชั่นเมื่อปี 2526 ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า “คลื่นเสน่หา” และ “จริยา สรณคมน์” ในเวอร์ชันเมื่อปี 2537 ซึ่งทั้งมยุรา ทั้งจริยา ล้วนแล้วแต่เธอโชว์ฝีไม้ลายมือให้เห็นเป็นประจักษ์กับบทแรงๆ แบบนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นคนจึงไม่ติดใจสงสัย หรือเกิดปุจฉาในใจทำนองว่าจะไหวมั้ย ?
แต่สำหรับญาญ่า ไม่เคยผ่านการทดสอบจากบทบาทที่จี๊ดจ๊าดและมีสีสันแบบนี้ ไม่เคยแสดงศักยภาพให้เห็นมาก่อน จึงเป็นบทบาทที่เหนือความคาดหมายของคนดู แต่ยังนับว่าโชคดีที่ด้วยความเป็นญาญ่าที่มีฐานคนชื่นชอบมากมากอยู่แล้ว ก็เลยไม่เกิดกระแสต่อต้าน ตรงกันข้าม ทุกคนกลับเอาใจช่วย เพราะถ้าเธอสอบผ่านบทนี้ไปได้ นั่นหมายถึงเธอจะก้าวขึ้นมาอีกระดับชั้น สามารถเอาชนะตัวเอง ให้หลุดออกจาก Comfort Zone มาอยู่ในแถวของนางเอกที่ขายฝีมือ ขายบทบาท และขายความสามารถ
และเมื่อละครเรื่องนี้ออกอากาศ คำถามเดิมที่ว่าญาญ่าไหวมั้ย ? ก็ไม่ถูกถามซ้ำแล้ว เพราะเธอตีบทของมิสจี ผู้หญิงที่แข็งนอก อ่อนในแบบกระจุยกระจาย สีหน้า แววตา จริตการแสดง เรียกว่าไม่หลงเหลือคราบไคลของนางเอกสายแบ๊วคนเก่า สิ่งที่ทุกคนมองเห็นคือ รัศมีการแสดงของเธอที่นับวันก็ยิ่งเปล่งประกาย ออร่าเจิดจรัสไปทั้งเนื้อทั้งตัว
แล้วก็ต้องนับว่าการเปลี่ยนคู่จากญ่าญ่า-ณเดชน์ มาเป็นญาญ่ากับหมาก-ปริญ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของละครเรื่องนี้ เป็นการโชว์ให้เห็นอีกด้านมุมหนึ่งว่า นางเอกยอดฝีมือ จะเล่นคู่กับใครก็ได้ ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับคู่จิ้น หรือขายเป็นแพคเกจแบบที่ผ่านๆ มา
แต่เอาเข้าจริงๆ ต่อให้ญาญ่ามีฝีมือแค่ไหน ถ้าไม่มีเวทีให้แสดง ก็เปล่าประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องชมผ่านไปถึงผู้จัด “ดา-หทัยรัตน์ อมตะวณิชย์” ที่ตาถึง และใจถึง มอบบทบาทเข้มข้นแบบนี้ให้ เพราะมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของญาญ่า ถ้าไม่มีคนเปิดหัวแหวนแบบนี้ ญาญ่าก็อาจจะย่ำเดินอยู่กับบทบาทการแสดงที่ซ้ำซาก ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ยังคงเป็นดาวที่ไม่สามารถเปล่งรัศมีแห่งดาวได้อย่างชัดเจน
วิถีของญาญ่าทำให้หวนนึกถึงเจ้าหญิงของวงการ อย่าง “แอน ทองประสม”
ใครเลยจะนึกว่าแอนจะเดินทางมาถึงการเป็นสุดยอดนางเอกที่ขายฝีมือ เล่นดีก็ได้ เล่นร้ายก็แรง สมัยที่แสดง “เพลิงบุญ” ยังสวยหวาน เป็นนางเอกเจ้าน้ำตา ถ้าไม่มีโอกาสได้พลิกบทบาทมาเป็นสองสาวฝาแฝด ในละคร “สองนรี” เผลอๆ บางทีแอนอาจจะไม่ได้มาไกลขนาดนี้ แต่ตอนนั้น หลังจากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เธอมีดีมากกว่าเป็นนางเอกสายหวาน ก็มีบทแรงๆ หนักๆ มาให้ได้แสดงความสามารถอีกเพียบ ไล่มาจาก “สายรุ้ง” , สามีตีตรา” , “แรงเงา” และอื่นๆ อีกมากมาย กวาดรางวี่รางวัลจากทุกสถาบันจนนับไม่ถ้วน
วันนี้ญาญ่าจึงถูกคาดหมายว่า น่าจะเป็นนางเอกที่จะได้รับบทสองสาวฝาแฝดในละคร “สองนรี” ที่แว่วว่าแอน เตรียมปัดฝุ่นกลับมาทำใหม่อีกรอบ
ที่มา นิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 381 4-11 มีนาคม 2560
เครดิต : เลิกแบ๊ว-แซบเวอร์ “คลื่นชีวิต” ของ “ญาญ่า” ในวันที่ก้าวข้าม Comfort Zone - Manager Online
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9600000022099