มาเล่าเรื่องความทรงจำเกี่ยวกับแฟนของคุณกันค่ะ

ย้อนกลับไป 4 ปีก่อน ตัวเราในตอนนั้นมีคติว่าเรียนอย่างเดียวรักไม่ยุ่ง ไม่ว่าใครจะมาจีบก็เลยเป็นได้แค่เพื่อนสำหรับเราทุกคน แต่สำหรับเขาต่างออกไป เพราะเราไม่ได้เจอกับเขาในฐานะเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องหรือคนรู้จัก ในครั้งแรกที่เจอกัน เราเจอกันในฐานะคนแปลกหน้าค่ะ ช่วงต้นปีม.5 โรงเรียนเราส่งตัวแทนไปเข้าร่วมค่ายวิชาการชีววิทยาซึ่งมีหลายโรงเรียนด้วยกันค่ะที่เข้าร่วม เราเป็นหนึ่งในตัวแทนที่โรงเรียนส่งไปค่ะ สถานที่ที่ไปก็คืออ่าวคุ้งกระเบน, จันทบุรี ในวันแรกที่ไปเราไม่ได้สนใจผู้คนจากโรงเรียนอื่นเลย เพราะมองแต่วิวทิวทัศน์ พอมีกิจกรรมให้จับกลุ่มกับนักเรียนโรงเรียนอื่นเราก็สนใจแต่เรื่องวิชาการ ในตอนแรกก็สนุกอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆรู้สึกไม่ต่างอะไรจากการนั่งอ่านหนังสือเองเลย กว่าจะคิดได้ก็ช้าไปซะแล้ว เพราะหมดวันจนได้

ในตอนเย็นวันนั้นหลังทานข้าวเสร็จ นักเรียนชายกับหญิงจะแยกกันไปที่พักคนละตึกกันค่ะ ซึ่งแต่ละตึกอยู่ห่างกันพอสมควร ตัวเราที่มัวแต่ดูวิวริมทะเลและป่าชายเล เลยคลาดกับเพื่อนแล้วก็หลงจนได้ ตกใจพอสมควรเลยเพราะว่าโทรศัพท์ก็ไม่มี แถมไม่รู้เดินมาตรงไหนของป่าแล้วแถมน้ำก็ขึ้นแล้วทำให้เริ่มหนาว แต่ยังดีที่มีทางเดินเป็นสะพานไม้เล็กๆยกสูงเหนือน้ำค่ะ ในตอนนั้นเริ่มจะมืดแล้วด้วย แสงไฟก็มีสลัวๆตามทาง แต่เราก็อดดูวิวไม่ได้อีกเพราะหิงห้อยเต็มไปหมดเลย สวยมากๆ แล้วเราก็ได้มาเจอกับเขาค่ะ ในตอนแรกนึกว่าตัวอะไรมันอยู่ในป่าชายเลน เดินดังจ๋อมๆ พอลองเพ่งมองดู เป็นคนนี่แหละค่ะ เหมือนจะเป็นนักเรียนที่มาเข้าค่ายนี้ด้วย แต่ว่าโรงเรียนอื่น เขาเหมือนกับหาอะไรบางอย่างอยู่ เลอะโคลนไปหมด ดูตลกมาก

เราเลยทักไปค่ะ ว่าเขาหาอะไรอยู่ ก็ได้คำตอบมาว่าหากระเป๋าเงิน คือเขาสะดุดร่องสะพานไม้ร่วงลงไปในป่า แล้วกระเป๋าเงินมันร่วงไปไหนไม่รู้ ตัวเราก็ไม่รู้จะช่วยหาได้ยังไง แถมมันก็มืดแล้วด้วย ไฟฉายเขาก็ไม่มีไม่มีทางหาเจอแน่ๆ เราก็บอกเขานะ ว่าให้กลับที่พักเถอะเพราะมันจะ 1 ทุ่มแล้ว แต่ดื้อค่ะ จะขอหาอีกนิดนึง ให้น้ำขึ้นมาถึงตรงนั้นก่อน แต่ด้วยความที่ไม่รู้จะช่วยยังไง แถมรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ที่ได้แต่ยืนมอง เราเลยตัดสินใจเดินหนีดีกว่า แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินหนีเลยค่ะ ตานี่ตะโกนมาบอกเรา เห้ยๆ เธอๆ เจอแล้ว ท่าทางดูจะดีใจเวอร์มาก กระโดดขึ้นมาบนสะพานไม้นี่ตัวเลอะเทอะหมดค่ะ เราก็ไม่รู้จะแสดงความดีใจยังไงดี เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆเพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการพิเศษแต่ด้วยความที่ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนถึงจะเจอที่พักเลยต้องถามเขา

ซึ่งพอถามไปเจ้าตัวดูจะมั่นใจมากเลยนะ ว่าทางนี้แน่ๆ เราเลยตกลงตามไปแต่ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ดูพึ่งพาไม่ค่อยได้ แล้วด้วยความที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ตอนที่เดินไปด้วยกันนี่บรรกาศพิลึกมาก เราเดินอยู่ข้างหลังเขาประมาณ 1 เมตรได้มั้งเงียบกันทั้งคู่เลย แต่แล้วในตอนที่เราว่าจะชวนเขาคุยพอดี เขาก็ชวนเราคุยก่อนค่ะ เธอๆ ดูหิงห้อยนั่นดิ สวยเนอะ ตัวเราที่มัวแต่เกร็งตอนนั้นเลยลืมสังเกตสภาพแวดล้อมไปเลย คือมันสวยมากๆ ฝั่งซ้ายคือป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยหิงห้อง ฝั่งขวาคือทะเลที่เต็มไปด้วยดวงดาว ลมเย็นๆของชายทะเลก็พัดผ่านเราสองคน ตัวเราตอนนั้นเดินไปข้างหน้าแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ จนกระทั่งเขาพูดกับเราว่า ไปผิดทางแล้ว เราเห็นเขาอยู่คนละทิศไกลลิบลิ่วเลย ก็ตกใจ เลยรีบวิ่งตามเขาไปค่ะ แต่เพราะไม้ที่ทำสะพานมันมีช่องๆอยู่เลยสะดุดเข้า แว่นหลุด กระเด็นตกไปในร่องอีกซวยมาก ตอนแรกก็กะว่าปล่อยๆมันไปละกัน มีคอนแทคเลนส์อีก ลงไปก็ใช่ว่าจะหาเจอ แถมน้ำก็ขึ้นแล้ว

มันมีถามซักคำค่ะ ตานี่เห็นแว่นเราตก ก็โดดลงไปในป่าอีกรอบเลย แล้วที่น่าแปลกใจคือหาแว่นเจอด้วยนะ คือมันน่าจะปักโคลนไม่ก็จมน้ำไปแล้ว แต่เขางมหามาได้ งมไม่นานด้วยนะเหมือนนกรู้อ่ะ มือจุ่มปุ๊ปมันเจอปั๊ปเลย แล้วก็มาบอกว่าไหนๆก็เลอะแล้ว อาบน้ำทะเลเลยละกัน ทำหน้ากวนๆยื่นแว่นมาคืนให้เรา จนเราหลุดขำออกมา คนอะไรจะประหลาดได้ขนาดนี้ แต่ด้วยความที่แว่นมันเหม็นโคลนไปหมด ใส่ไปน่าจะเป็นตาแดงแน่ๆ เลยไม่ได้ใส่ค่ะ แล้วผู้ชายคนนี้เหมือนรู้อ่ะ คือรู้มาก เขาก็บอกเราว่าชื่อ แจม เธอชื่ออะไร แล้วถือวิสาสะมาจับมือเฉยเลย แต่จริงๆไม่ได้จะจับหรอกค่ะ จะจูงมากกว่าเพราะรู้ว่าเรามองไม่เห็น แต่ให้เราจับชายเสื้อก็พอมั้งไม่ต้องจับมือก็ได้คนเพิ่งรู้จักกันแค่วิเดียว แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นจู่ๆก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ลมทะเลกลายเป็นไม่หนาวเลย

ในตอนนั้นเขาก็เริ่มชวนเราคุยค่ะ บรรยากาศเองก็เป็นใจสุดๆจริงๆยังกะคู่รักมาเดินด้วยกันอ่ะ หิงห้อยเต็มไปหมด สวยมากกกกก มีเสียงคลื่นเบาๆในบรรยากาศตอนกลางคืน แล้วเขาก็ถามเราค่ะ ถามแบบตรงโคตร เธอมีแฟนยังอ่ะ คือรู้เลยว่าโดนจีบแล้วแน่ๆ ก็ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะเขินมาก อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบไปตรงๆว่ายัง ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นกับตัว แต่เราว่าเราชอบเขาตั้งแต่ตอนนั้นเลยค่ะ เจอกันแค่ไม่กี่นาทีเนี่ยแหละ เราก็เดินคุยกันไปซักพักจนพ้นสะพานไม้ค่ะ ก็ได้ยินเพลงสุนทราภรณ์ร้องว่า น้ำค้างพร่างพรมลมเย็นรำเพย หนาวโอ้อกเอยหนาวจนสั่น เสียงเรไรร้องก้องสนั่น ทำให้ฉันเป็นสุขใจ เราจำท่อนนี้ได้แม่นเลยแม้จะได้ฟังแค่ครั้งเดียว เพลงที่ว่าดังมาจากรถขายไอติมของลุงคนนึงค่ะ เพลงๆนี้เราว่าเป็นเพลงของเราสองคนเลย

ตาแจมก็ลากเราไปหาลุงแก บอกจะซื้อไอติมหน่อยเพราะที่พักไม่มีอะไรกิน เขาก็เลี้ยงเราไม้นึงด้วย บอกโชคดีนะที่ให้เราหากระเป๋าจนเจอ แล้วก็ถามเราค่ะ ว่าเพลงที่ลุงแกเปิดนี่ชื่อเพลงอะไร คือชอบเหมือนกันเลย เราก็กะจะถามพอดี แต่ไม่มีทางที่เราสองคนจะรู้หรอกเพราะเป็นวัยรุ่นยุค 2011 ที่อยากถามก็เพราะชอบแค่นั้นเองเลยอยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับสิ่งที่เราชอบ ซึ่งเราก็ชอบเหมือนกัน พอกินไอติมหมดปุ๊ปก็ตกใจเลยค่ะ เพราะมาถึงที่พักหญิงพอดี เขามาส่งเราที่ๆพักเลยไม่ได้แค่นำทาง แต่ตัวเองกลับต้องเดินไปอีกไกลกว่าจะถึง ด้วยความที่พูดไม่เก่งเลยพูดได้แค่ขอบคุณแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันอีกนะ เขาก็ยิ้มให้เรา ตอนนั้นเขินมาก คือไม่คิดว่าคนใส่เหล็กดัดจะยิ้มได้น่ารักขนาดนี้ ยังไม่ทันจะได้เข้าที่พักค่ะ เพื่อนเดินมาทั้งแก๊งเพราะมันกำลังเริ่มตามหาเราพอดี ปกติเราจะชอบไปไหนมาไหนคนเดียว แต่คราวนี้เราหายไปเกือบชั่วโมงนึงแน่ะ แต่คำแรกที่ถามคือ เฮ้ยแก ไปคุยกับคนนี้ตอนไหน เราก็บอกแค่ว่าหลงทาง ไม่ได้ไปคุยกับเขา แต่ไม่มีใครเชื่อซักคนค่ะ

คืนนั้นทั้งคืน โดนเพื่อนซักจนแห้งเลยค่ะ ถามรัวๆ คือตอนอยู่ในที่มืดๆเราเห็นหน้าเขาไม่ชัดมากนัก เพื่อนก็เราเอาเฟสมาให้ดู บอกคนนี้อ่ะตัวท๊อปรร.นั้นเลยนะ พอมาดูรูปในเฟสก็น่ารักดีแต่ไม่ได้หล่อแบบสเปคเรานะ แต่ไม่รู้ทำไม คิดถึงตลอดเวลาจริงๆ คงเพราะชอบไปแล้วล่ะมั้ง ตอนนอนนี่มีแต่หน้าเขากับเราจับมือกันมารีรันรัวๆ นอนเขินอยู่จนเช้าเลยค่ะ วันรุ่งขึ้นเพื่อนก็บอกเราว่า ถ้าชอบเด่วจะช่วยเราเอง เพราะเพื่อนอยากเห็นเรามีแฟน เพราะมีเราคนเดียวที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน เช้าวันรุ่งขึ้นตอนไปกินอาหารเช้า เราเริ่มเจอสิ่งผิดปกติค่ะ ปกติรูปเราไลค์น้อยติดดิน ประมาณ 20 กว่าเองมั้งเพราะเพื่อนในเฟสน้อย มาดูตอนเช้านั้น ปาเข้าไป 100 ไลค์ แล้วแจมเขามาไลค์รูปเราด้วย คืองงว่าเอาเฟสมาจากไหน ก็ไอเพื่อนเรานี่แหละค่ะ คือตกใจจนหน้าซีดจริงๆนะ มันเอาเฟสเราไปให้เขาเหรอ งี้ก็รู้หมดดิว่าเราชอบ แต่ปรากฏไม่ใช่ค่ะ ชวนหน้าซีดกว่าเดิม

เพราะแจม เขาก็ไปบอกเพื่อนเขาเหมือนกันว่าอยากรู้เฟสเรา แล้วบังเอิญเพื่อนเขามันรู้จักกับเพื่อนเราพอดี เพื่อนเราก็เลยเอาเฟสเราไปให้ แต่จริงๆมาขอเอาตอนเจอกันอีกรอบก็ได้นะ แบบนี้มันโคตรเปิดเผยอ่ะ พวกเพื่อนๆเขาก็กระจายเฟสเราไปจนทั่วทั้งห้องเขาเลยมั้ง คนเพื่อนเยอะก็งี้ ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย แต่ก็รู้สึกมีความสุขแปลกๆ แล้วก็เขินมากเพราะโดนล้อตลอดจริงๆ พอไปเจอกันอีกครั้งที่ห้องอาหารนี่เขินมากจนสู้หน้าไม่ติดเลยค่ะ แจมเขาก็ยืนเกาหัวหลบหน้าเราเหมือนกัน แต่เพื่อนเขาผลักมาหาเรา บรรยากาศนี่ตึงจริง เพื่อนเรามันก็ล้ออยู่นั่น กลับเข้าเรื่องเนอะ 555 วันนั้นเป็นวันกิจกรรมค่ะ เน้นเล่นเกมส์ตามฐานต่างๆกลุ่มละ 8 คนจับ คู่สองคนแยกไปตามฐานต่างๆ แล้วมันเหมือนสารภาพรักอ่ะค่ะ เขาชวนเราเป็นคู่ในวันนั้นต่อหน้าเพื่อนๆเลย เราก็นะ ตกลงสิ พวกเพื่อนๆเรามันก็ไปคู่กับเพื่อนเขา ยังกับปาร์ตี้สละโสด 5555  

วันนั้นทั้งวันเราใช้เวลาอยู่แต่กับเขาจริงๆ ไปเล่นตามฐานต่างๆ มีแข่งไต่บันไดเชือกไปหยิบการ์ดชีวะมาตอบคำถาม แต่ข้างล่างเป็นบ่อน้ำใหญ่ เนื่องจากเราทรงตัวไม่เก่งตกน้ำสิคะ แต่แจม อนาคตแฟนเราไม่เดินต่อค่ะ เขาโดดลงมาหาเราแทน คือเราว่ายน้ำเป็นนะ ไม่รู้จะโดดมาทำไม จะทำเป็นเท่ไง แต่เราก็ชอบดูซื่อๆบื้อๆดี 5555 ต่อจากนี้ก็มีอีกหลายฐานค่ะ มีฐานนึงโรแมนติกเกิน ยังกะเป็นแฟนกันไปแล้ว คือฐานเลิฟเลเวอร์ ให้สองคนจับปลายเชือก เพื่อใช้ทรงตัวบนเดินบนเชือกเส้นเดียวไปเอาคำตอบชีวะมาเหมือนเดิม เขินสุดๆค่ะฐานนี้ เพราะต้องจ้องหน้ากัน เดินไปได้ไม่นาน เราเผลอไปเหยียบขาเขาจนลื่น สรุปร่วงอีกแล้ว ฮามากอ่ะตอนนั้น ฐานสุดท้ายคือบอลลูน ให้ทั้งสองคนใช้อวัยวะประคองลูกโป่งไว้ แล้วเดินไปยังที่หมายเพื่อเอาการ์ด ตาเพื่อนเรานี่ใช้เอว ใช้ไหล่ พอมาตาเราค่ะ เกือบหลุดคำหยาบ พอเขาบอกให้เราใช้หน้าผาก แจมคู่เราใช้ปาก ถ้าแตกนี้จุ๊บเหม่งเลยนะ 5555 แอบจิ้นไปไกลมากจริงๆ แต่ก็ไม่อยากให้แตกหรอกค่ะ เพื่อนล้อยันลูกบวชแน่ สรุปก็ไม่แตกค่ะ คราวนี้ไม่เฟลแล้ว แต่แค่ได้จิ้นนี่ก็ที่สุดแล้วจริงๆ

หลังจากวันนั้นเราก็สนิทกับเขามากขึ้นแต่ไม่ใช่แค่เรานะ เพื่อนเราด้วยโรงเรียนเรากับโรงเรียนเขาเป็นโรงเรียนเดียวที่รวมโต๊ะอ่ะ บรรยากาศอบอุ่นมาก โชคดีจริงๆที่เลิกบ้าวิชาการในวันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้ายที่เต็มวันพอดี ตอนกลางคืนก็มีการแสดงกันค่ะ เกี่ยวกับประวัติของนักวิทย์คนต่างๆแบบย่อๆ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงปาร์ตี้ปิดไฟแดนส์ค่ะ มี 5-6 คนมั้งที่เด่นๆเต้นแนวๆ แจมเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เต้นบีบอยเทพจริง มีท่าอะไรแปลกๆด้วย เราไม่นึกว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้เลย พอจบเพลงแรกก็เข้าสู่เพลงที่ 2 ค่ะ แต่จังหวะนี่เปลี่ยน เป็นลีลาศ สลับไปฟ้ากะเหวเลย 555 แต่ก็เซอไพรส์เราสุดๆค่ะ เพราะเพลงที่เปิด มันโคตรแห่งความบังเอิญ เป็นเพลงที่เราได้ยินจากลุงรถไอติมเมื่อวานพอดีค่ะ เรากับแจมนี่มองหน้าพร้อมกันเลย เขาก็ถามเรา เต้นเป็นมั้ย พอดีเลยที่เต้นวอลท์ได้เลยจัดไปค่ะ เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกอยากเต้นลีลาศ เพราะปกติไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เวลาเรียน

ความรู้สึกคือไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนจริงๆ เวลาได้อยู่ใกล้ๆคนที่เราชอบ แล้วเราก็รู้ว่าเขาชอบเราด้วยนี่มันดีที่สุดจริงๆ ในตอนนั้นก็ไม่แคร์สายตาเพื่อนละค่ะ เพราะคนอื่นๆที่มีแฟนเขาก็จับคู่กันเต้นเหมือนกัน แต่เราเนียน ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน 555 คืนนั้นนี่ยาวค่ะ จบปาร์ตี้ไปเล่นแวร์วูฟกันต่อ เพื่อนเขาเอาติดมาด้วย คือสนุกมาก แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันรุ่งขึ้นจะต้องกลับกทม.แล้วค่ะ แถมเวลากลับยังถูกเลื่อนให้เร็วขึ้นอีกเพราะพายุเข้า เรากับเขาเลยไม่ได้เจอกันแล้วตอนเช้ามานับว่าโชคดีเหลือเกินที่เรากับเขารู้ความรู้สึกของตัวเองได้เร็ว แต่ไลน์นี่ดังตลอดจริงๆ คือคุยจีบกันจนถึงกรุงเทพเลย 5555 ปกติไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้เท่าไหร่ แต่พอเจอกับตัวเข้าไปยอมจริงๆค่ะ ความรักนี่มันดีจริงๆ หลังจากจบค่ายผ่านไปแค่ 2 อาทิตย์เราก็คบกับเขาค่ะ เคมีเรากับเขาเข้ากันได้สุดๆ เราเป็นพวกพูดไม่เก่ง แต่เขาเป็นพวกเฟรนลี่คุยเก่ง คือด้านไหนที่เขาไม่มีเรามี แต่ด้านไหนที่เราไม่มีเขามี

วันที่คบกันวันนั้นนัทไปเดทกัน 2 คนค่ะ แต่สถานที่ขอคบนี่ทุเรศมาก เพราะมันเป็นหน้าห้องน้ำหญิง คือเราแยกไปเข้าห้องน้ำ แล้วรู้สึกจะส่องกระจกนานไปหน่อย เขาเลยคอยนานมายืนรอหน้าห้องน้ำ พอเราออกมาปุ๊ป นางพูดออกมาได้ คบกันนะ ไอ้เราตอบสนองแบบกระทันหันด้วยนะ อื้อ ตอบไปแทบจะทันที 5555 แต่ยังไงคู่เราก็เหมือนคบกันตั้งแต่วันแรกอยู่แล้วค่ะ เพราะไม่เคยเป็นเพื่อนกัน แต่เลื่อนจากคนแปลกหน้าไปเป็นแฟนเลย ทุกวันนี้ก็คบกันมา 4 ปีแล้ว มีเขาในชีวิตรู้สึกสนุกเฮฮาทุกวันจริงๆ ไม่รู้เร็วไปมั้ย แต่วางแผนว่าหลังเรียนจบในอีก 2 ปีจะแต่งงานกันค่ะ เพราะทางบ้านนี่สนับสนุนมาก พ่ออวยเกิ๊น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่