ทำไมถึงต้องสอนลูกสาวให้เวอร์จิ้นจนกว่าจะแต่งงาน จริงๆแล้วค่านิยมนี้มันเหมาะสมกับวิถีชิวิคตนยุคนี้หรอคะ

ตามหัวข้อแหละค่ะเราสงสัยว่าทำไมสมัยนี้แล้วคนส่วนมาก (ส่วนมากที่ว่าคืออ้างอิงตามที่เรารู้จัก)
ยังปลูกฝังให้ลูกสาวเก็บเวอร์จิ้นไว้จนกว่าจะแต่งงาน
คือตามความเข้าใจเรา เราคิดว่าสมัยก่อนมันเป็นธรรมเนียมที่เวิร์คเพราะเด็กสาวแต่งงานกันค่อนข้างเร็วและมักจะเป็นการคลุมถุงชน
ดังนั้นหากฝ่ายหญิงไม่ซิงแล้วเนี่ย ผู้ชายที่ถูกจับชนด้วยก็ออาจจะไม่อยากจะได้มาเป็นภรรยา ประมาณนี้
แต่ในปัจจุบันที่ธรรมเนียมนี้แทบจะไม่มีใช้แล้วเนี่ย ทำไมถึงอยากให้ลูกเก็บพรหมจรรย์ไว้อีก
ในเมื่อ หนึ่ง. ผู้หญิงไม่ได้แต่งงานกันตั้งแต่สิบหก สิบเจ็ดแล้ว บางคนนู่นน สามสิบ สามสิบสอง
สอง. เซ็กส์เนี่ย ไม่ใช่ว่ามันเป็นหนึ่งในเรื่องใหญ่ๆของชีวิตคู่หรือ
(คือไม่ได้หมายความว่า รัก=เซ็กส์ แต่รักที่ดีน่าจะประกอบไปด้วยหลายๆเรื่องรวมถึงเซ็กส์ที่ดีด้วย)
ทีนี้ถ้ามันไม่เคยมีอะไรกันเลย คบกันมาเป็นปีๆพอแต่งไปเรื่องเซ็กส์เข้ากันไม่ได้เลยสักนิด มันจะดีหรอ

คือทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงควรจะใจง่าย นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้าอะไรแบบนี้นะ
แต่ในความรู้สึกเราคือทำไมเราถึงไม่สอนให้ลูกสาวมีเซ็กส์เมื่อพร้อม ซึ่งในที่นี้คืออาจจะเป็นแฟนที่คบกันมาครึ่งปีหรืออะไรแบบนี้ก็ได้
ซึ่งก็อาจจะผ่านผู้ชายมาสามหรือสี่คนกว่าจะได้ลงเอยกับคนที่ใช่ แล้วได้แต่งงานกัน
ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ารังเกียจอะไรเลยที่ผู้หญิงจะไม่ซิงในวันที่แต่งงาน
ตราบใดที่ที่ผ่านมาเค้ามีอะไรแค่กับคนที่เป็นแฟนที่คบกันแบบจริงจังและมีอะไรแบบป้องกันมาตลอด
คือแทนที่จะพร่ำสอนแค่ว่า ต้องมีวันเข้าเรือนหอเท่านั้น มันจะดีกว่ารึเปล่าถ้าเราสอนให้เค้าเข้าใจเรื่องเซ็กส์อย่างจริงๆจังๆ
แล้วเราเข้าใจว่าการที่มีอะไรกันแล้ว แล้วทั้งคู่ต่างก็พอใจกันและกันในเรื่องนั้นก็น่าจะเป็นหนึ่งใน factor ที่ทำให้ชีวิตคู่ยาวนานด้วยรึเปล่า

ทั้งหมดทั้งปวงนี่คือความรู้สึก/ความเข้าใจของเราล้วนๆนะคะ คือกลั่นจากประสบการณ์และสิ่งที่ได้อ่านได้เจอส่วนตัว
ผิด/ถูกหรือใครคิดต่างยังไงเราอยากฟังความเห็นค่ะ

ป.ล. เราเกิดและโตที่ไทยนะคะ มีแค่ช่วงป.โทไปต่อนอก1ปี เผื่อมีคนถามว่าคิดแบบนี้เพราะอยู่ในสังคมฝรั่งมากไปหรือเปล่า
ป.ล. เราอายุยี่สิบปลายๆค่ะ ทำงานแล้ว เคยมีแฟนมาสามสี่คนแล้ว ยังไม่แต่ง/ไม่มีลูกค่ะ เผื่อมีคนถามวุฒิภาวะกับอายุ 5555
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
อ่านแล้วเหมือน จขกท.ไม่เวอร์จิ้นแล้วก็เลยอยากเรียกร้องให้สังคมยอมรับว่าความเวอร์จิ้นมันไม่สำคัญ อยากให้สังคมยอมรับ

จะบอกว่าถ้าคิดจะทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานก็ทำไป อย่ามาเรียกร้องให้คนอื่นต้องเห็นด้วยกับคุณ ผู้หญิงที่พ่อแม่มีค่านิยมแบบนี้แล้วลูกสาวเห็นด้วยก็มีมากมาย และเขาก็ไม่มีปัญหาเรื่องการสอนไม่สอนเรื่องเพศสัมพันธ์อะไร

คนที่ท้องไม่พร้อมก็ไม่ได้เกิดจากพ่อแม่ที่เคร่งครัดเรื่องจิ้นไม่จิ้น น่าจะเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ซะมากกว่า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
อ่านไม่ละเอียดเท่าไหร่นะคะ คือไม่ได้อ่านที่คุณตอบทุกเม้นท์ แต่ขอตอบตามความคิดเห็นเราละกัน

...จิ้นอาจไม่ใช่สิ่งที่วัดคุณค่าของผู้หญิง เพราะผู้ชายหลายคน ยอมรับเรื่องที่หญิงผ่านมาได้ (ในปริมาณที่เหมาะสม)

แต่ในเมื่อ สังคม-วัฒนธรรมบ้านเรา "มันปลูกฝัง" และฝังรากลึกมากๆ จนผู้หญิงบ้านเรานั่นแหละ ที่ยึดติดกับตรงนี้เอง...ซึ่งหลายคน
อาจบอกว่าไม่ได้ยึดติด ไม่แคร์ แต่ความจริงมีน้อยรายมากๆ ที่จะทำได้อย่างอิสระ "โดยไม่รู้สึกผิดลึกๆ" และไอ้ความผิดลึกๆเนี่ยแหละ
ที่จะเป็นตัว บั่นทอนจิตใจตัวเอง

---เราถูกเลี้ยงมา โดยที่แม่ไม่เคยสอนเรื่องเวอร์จิ้นเลย แม่เพียงแต่บอกว่า ถ้าจะคบใครให้มองดีๆ และให้พามาให้แม่รู้จักด้วย
แม่พูดเท่านี้จริงๆ และแม่ไม่เคยสอนเรื่องยาคุม ไม่เคยสอนเรื่องเพศ ไม่สอนอะไรทั้งนั้นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ...เพราะแม่หัวโบราณมาก
จะพูดเกริ่นๆ ไม่พูดตรงๆ แม่จะเลี่ยงเรื่องพวกนี้...ส่วนพ่อ สั่งคำเดียวว่า "ถ้าเรียนไม่จบ ป.ตรีห้ามมีแฟน"

แต่เราเองต่างหาก ที่รักตัวสงวนตัวเอง...เราหวงตัวมาก แทบไม่เคยยอมให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวเลยค่ะ วางตัวจนผู้ชายเกรงใจกันหมด
และเราคิดเองว่า เราจะเก็บจิ้นไว้ให้ผู้ชายที่เราแต่งงานด้วย...สาเหตุเพราะเราคิดว่ามันมีค่าสำหรับเรา คนอื่นอาจคิดว่าไม่มีค่า แต่สำหรับเรา
มันมีค่ามาก เราต้องให้ผู้ชายที่รักเรา และเรารักเท่านั้น

จริงๆ มันอยู่ที่มุมมองแต่ละคนนะคะ ว่าจะมองเรื่องนี้แบบไหน ตอนนี้เรามีลูกชายค่ะ เป็นวัยรุ่นแล้ว เราจะสอนลูกเสมอว่าไม่ให้ล่วงเกินผู้หญิง
แต่ถ้าต้องการจริงๆ ก็ต้องรู้จักป้องกัน อาจไปซื้อเอา หรือช่วยตัวเองไป เราก็ตามยุคแหละค่ะ...แต่เราจะเน้นและสอนเค้าว่า

วัยนี้ยังไม่ใช่วัยที่รับผิดชอบตัวเองได้ ดังนั้นทำอะไรก็ต้องคิดให้เยอะๆ มีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ถ้าจบมามีงานทำรับผิดชอบตัวเองได้
แม่จะไม่ก้าวก่ายเลย แต่ตอนนี้ต้องฟังแม่!!

.............................

ส่วนผู้หญิง....ถ้าคุณคิดว่า รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว มีวุฒิภาวะพอแล้ว ป้องกันเป็นแล้ว แถมมีความต้องการด้วยจนพร้อมแล้วสำหรับเพศสัมพันธ์
โดยที่ไม่รู้สึกผิดอะไร ไม่รู้สึกเสียดาย และไม่คิดเสียใจทีหลัง คุณก็ทำไปเลยค่ะ

แต่เตือนไว้ก่อนนะคะ ผู้ชายที่ปากบอกว่า รับได้ๆสำหรับหญิงที่ผ่านมาแล้วน่ะ จะมีจริงๆกี่คน บางคนปากอาจบอกว่ารับได้
แต่พอรู้ความจริงแล้ว ก็เกิดอาการฝังลึกในใจเค้า ทำให้เค้ามองเราด้อยค่าลงกว่าเดิมนิ้สสสนึง หรือบางคนก็มองด้อยค่ามาก แต่ยอมเพราะรัก
แถมเวลามีปัญหากันดันเอามาแขวะฝ่ายหญิงอีก...เนื่องจาก เราเคยเป็นที่ปรึกษาหลังไมล์เยอะมากๆ
ที่สาวๆมาปรึกษา เรื่องพวกนี้ค่ะ...

หลายคนเสียใจและเคยบอกเราว่า หนูไม่น่าทำเลย ถ้ากลับไปได้หนูจะเก็บจิ้นไว้ และเอาไว้สอนลูกสาว หนูไม่อยากเป็นอย่างทุกวันนี้
หนูรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า....

ซึ่งคำพูดที่หลายคนพูดมา มันเป็นการสารภาพความในใจของตัวเอง ซึ่งผู้ชายหลายคนที่เป็นแฟนหรือสามีอาจไม่รู้ แต่ตัวผู้หญิงเองแหละค่ะ
ที่รู้อยู่แก่ใจ และรู้สึกผิดลึกๆ จนบั่นทอนตัวเองโดยที่บางครั้ง ตัวเองอาจไม่รู้สึกตัวเลย

...........................
นี่เป็นมุมมองจากคนแก่อย่างเรานะคะ แล้วแต่คุณจะคิดละกันเนอะ

๑๑๑๑๑๑ เพิ่มเติม

ลืมตอบไปค่ะ..เซ็กส์จำเป็นสำหรับชีวิตคู่เหมือนที่คุณถามนั่นแหละ...แต่เราก็สามารถเรียนรู้กับสามีเราได้นะคะ ค่อยปรับตัวกันไป ค่อยสอนกันไป
หาอะไรใหม่ๆเพื่อเสริมสร้างความรักเรื่องเซ็กส์ เรื่องแบบนี้คุยกันได้ค่ะ ...อย่างเราไม่เป็นเลย แฟนเรายังสอนได้ทุกอย่าง เพียงแต่เรา
ต้องปล่อยใจและปรับตัวเท่านั้น

ในความคิดเรา เราคิดว่า "เราไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้ หรือทดลองกับคนอื่นก่อนเยอะๆ เพื่อลองว่าเรื่องเซ็กส์เข้ากันได้มั้ย ถ้าเข้าไม่ได้ก็เลิก
แต่ ถ้าเรารักกับแฟนเราจริง เรื่องแบบนี้ สามารถปรับตัวและปรึกษากัน จนเกิดจุดสมดุลได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่