สวัสดีคะ มีข้อสงสัยอยากจะสอบถามผู้รู้คะ
เนื่องจากเพื่อนของดิฉันไปสมัครงาน ณ ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งทางบริษัทให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เพื่อนยังไม่กล้าไป เพราะ
ตอนเพื่อนอายุ 17-18 ปี ประมาณ ม.6 ตอนนี้เพื่อนอายุ 28 ปี เพื่อนได้ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยปรกติเวลาส่งรอบกันต้องมีการนับเงินปรากฏว่าเก๊ะเงินของเพื่อนมีเงินหายไปจำนวน 500 บาท หลักจากนั้น ก็มีผู้จัดการเขตเข้ามาคุย และสอบถามพนักงานทุกคนว้าได้เอาเงินไปรึเปล่าซึ่งทุกคนให้การปฎิเสธหมดเลยซึ่งเพื่อนของดิฉันเองก็ปฎิเสธเช่นกัน แต่ยอมรับว่า ได้นำบัตรเติมเงินออกมาเติมเงินก่อนแต่ยังไม่ได้ชำระในทันที ออกจากรอบมาถึงจะเอาเงินเข้าไปชดใส่เก๊ะเพื่อนทำด้วยความเคยชินมาตลอด เพื่อนโดนผู้จัดการเขตคนนั้นตำหนิแล้วให้ออกจากงาน หลังจากนั้นเพื่อนร่วมงานได้โทรมาแจ้งว่าทางบริษัทได้ดำเนินคดีกับเพื่อนของดิฉันในคดีลักทรัพย์นายจ้าง จำนวนเงิน 500 บาท เพื่อนตกใจกลัวมากเพราะว่าตอนนั้นก็เรียนหนังสืออยู่ มีหมายเรียกส่งไปหาเพื่อนตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่ของเพื่อนตอนนั้นเครียดมาก รวมถึงญาติๆ แต่เพราะเป็นคนต่างจังหวัดเลยไม่มีใครรู้กฏหมายอะไรมากนักเพื่อนไปตามหมายเรียกกับแม่ เจ้าหน้าที่สอบสวนว่าได้เอาเงินไปจริงหรือไม่ ซึงเพื่อนก็ให้การปฎิเสธไปว่าไม่ได้เอาเงินไป เอาไปแค่บัตรเติมเงินซึ่งก็นำเงินมาชำระคืนภายหลังทุกครั้ง แต่ตำรวจยืนยันว่าทางบริษัทร้านสะดวกซื้อมีหลักฐานคือภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่จะดำเนินคดีได้ทางเพื่อนดิฉันได้ขอดูแต่ทางตำรวจไม่ให้ดูบอกว่าหากต้องการดูให้ไปขอที่ศาลดูเท่านั้น เพื่อนของดิฉันต้องรับสารภาพโทษหนักจะได้เป็นเบา คือตำรวจพูดให้เพื่อนของดิฉันกับแม่เพื่อนดิฉันเสียขวัญมาก ตำรวจแจ้งว่าทางนั้นไม่ยอมความเจรจาใดๆเขาจะให้เรื่องถึงศาลเพื่อนของดิฉันก็จะเสียอนาคตเพราะว่าเป็นนักเรียนอยู่ แม่ของเพื่อนเลยสอบถามกับตำรวจว่ามีทางไหนจะช่วยได้บ้าง ทางตำรวจเสนอว่าจะทำให้เรื่องจบหากเรายอมรับสารภาพ ซึ่งในสำนวน ตำรวจให้เพื่อนเรายอมรับสารภาพว่าได้เอาเงินมากจากบริษัท ร้านสะดวกซื้อ เป็นจำนวนเงิน 20 บาทจริง (เพราะบัตรเติมเงินที่เพื่อนกดมามีมูลล่า20บาทเป็นบัตรออนไลน์) เพื่อนจึงยอมรับสารภาพตำรวจให้เซ็นเอกสารแล้วก็พาไปปั๊มลายนิ้วมือ จากนั้นตำรวจแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินให้เรื่องจบอยู่ที่ 30000 โดยที่จบที่โรงพักไม่ต้องไปศาล แม่ของเพื่อนแจ้งว่าไม่มีเงิน ตำรวจเลยลดให้เหลือ 15000 ณ ตอนนั้นเพื่อนไม่ทราบว่าเป็นค่าดำเนินอะไร แม่ของเพื่อนก็ยืนยันว่าไม่มีเงินตรงนั้นเพราะหาเช้ากินค่ำ เขาให้กลับไปคิดอีกที แล้วรอหมายเรียกไปถ้าเกิดไม่เคลียร์ที่โรงพักก็ต้องไปเคียร์ที่ศาล สรุปเพื่อนก็ไม่ได้จ่ายไปหลังจากนั้นก็ไม่มีหมายเรียกอะไรอีก เพื่อนเรียนจบแล้วหางานทำปรกติก็ไม่ได้มีหมายศาลมา จนถึงตอนนี้เพื่อนก็ไม่รู้ว่าคดีไปถึงไหน จะไปตรวจประวัติตามที่ แผนก ฝ่ายบุคคลต้องการเพื่อนก็กลัวจะโดนจับ คำถามคือ
1.ตอนนี้คดีอายุความประมาณ 7-8 ปียังมีผลอยู่ไหมคะ
2.หากเพื่อนไปขอตรวจสอบประวัติตัวเองแล้วจะต้องไปเคลียร์โรงพักที่เกิดเหตุหรือไม่(เพราะว่าเคยมีพนักงานก่อเหตุลักษณะของเพื่อนแล้วไปตวจลายนิ้วมิอพอพบประวัติเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาคุมตัวไปฝากขังแล้วรอเจ้าหน้าที่ๆเป็นเจ้าของคดีมารับตัวไปแต่เคสนี้คือเขาลักทรัพย์ไปสามแสนกว่าบาท เพื่อนกลัวว่าต้องไปติดคุกรอก่อนเพราะตอนนี้ที่อยู่ปัจจุบันอยู่ไกลกลับที่ๆเกิดเหตุคะ)
อาจจะเขียนงงๆไป ยังไงรบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะคะ
พิมพ์ลายนิ้วมือก่อนเข้าทำงาน
เนื่องจากเพื่อนของดิฉันไปสมัครงาน ณ ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งทางบริษัทให้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เพื่อนยังไม่กล้าไป เพราะ
ตอนเพื่อนอายุ 17-18 ปี ประมาณ ม.6 ตอนนี้เพื่อนอายุ 28 ปี เพื่อนได้ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง โดยปรกติเวลาส่งรอบกันต้องมีการนับเงินปรากฏว่าเก๊ะเงินของเพื่อนมีเงินหายไปจำนวน 500 บาท หลักจากนั้น ก็มีผู้จัดการเขตเข้ามาคุย และสอบถามพนักงานทุกคนว้าได้เอาเงินไปรึเปล่าซึ่งทุกคนให้การปฎิเสธหมดเลยซึ่งเพื่อนของดิฉันเองก็ปฎิเสธเช่นกัน แต่ยอมรับว่า ได้นำบัตรเติมเงินออกมาเติมเงินก่อนแต่ยังไม่ได้ชำระในทันที ออกจากรอบมาถึงจะเอาเงินเข้าไปชดใส่เก๊ะเพื่อนทำด้วยความเคยชินมาตลอด เพื่อนโดนผู้จัดการเขตคนนั้นตำหนิแล้วให้ออกจากงาน หลังจากนั้นเพื่อนร่วมงานได้โทรมาแจ้งว่าทางบริษัทได้ดำเนินคดีกับเพื่อนของดิฉันในคดีลักทรัพย์นายจ้าง จำนวนเงิน 500 บาท เพื่อนตกใจกลัวมากเพราะว่าตอนนั้นก็เรียนหนังสืออยู่ มีหมายเรียกส่งไปหาเพื่อนตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งอยู่ต่างจังหวัด พ่อแม่ของเพื่อนตอนนั้นเครียดมาก รวมถึงญาติๆ แต่เพราะเป็นคนต่างจังหวัดเลยไม่มีใครรู้กฏหมายอะไรมากนักเพื่อนไปตามหมายเรียกกับแม่ เจ้าหน้าที่สอบสวนว่าได้เอาเงินไปจริงหรือไม่ ซึงเพื่อนก็ให้การปฎิเสธไปว่าไม่ได้เอาเงินไป เอาไปแค่บัตรเติมเงินซึ่งก็นำเงินมาชำระคืนภายหลังทุกครั้ง แต่ตำรวจยืนยันว่าทางบริษัทร้านสะดวกซื้อมีหลักฐานคือภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานที่เพียงพอที่จะดำเนินคดีได้ทางเพื่อนดิฉันได้ขอดูแต่ทางตำรวจไม่ให้ดูบอกว่าหากต้องการดูให้ไปขอที่ศาลดูเท่านั้น เพื่อนของดิฉันต้องรับสารภาพโทษหนักจะได้เป็นเบา คือตำรวจพูดให้เพื่อนของดิฉันกับแม่เพื่อนดิฉันเสียขวัญมาก ตำรวจแจ้งว่าทางนั้นไม่ยอมความเจรจาใดๆเขาจะให้เรื่องถึงศาลเพื่อนของดิฉันก็จะเสียอนาคตเพราะว่าเป็นนักเรียนอยู่ แม่ของเพื่อนเลยสอบถามกับตำรวจว่ามีทางไหนจะช่วยได้บ้าง ทางตำรวจเสนอว่าจะทำให้เรื่องจบหากเรายอมรับสารภาพ ซึ่งในสำนวน ตำรวจให้เพื่อนเรายอมรับสารภาพว่าได้เอาเงินมากจากบริษัท ร้านสะดวกซื้อ เป็นจำนวนเงิน 20 บาทจริง (เพราะบัตรเติมเงินที่เพื่อนกดมามีมูลล่า20บาทเป็นบัตรออนไลน์) เพื่อนจึงยอมรับสารภาพตำรวจให้เซ็นเอกสารแล้วก็พาไปปั๊มลายนิ้วมือ จากนั้นตำรวจแจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินให้เรื่องจบอยู่ที่ 30000 โดยที่จบที่โรงพักไม่ต้องไปศาล แม่ของเพื่อนแจ้งว่าไม่มีเงิน ตำรวจเลยลดให้เหลือ 15000 ณ ตอนนั้นเพื่อนไม่ทราบว่าเป็นค่าดำเนินอะไร แม่ของเพื่อนก็ยืนยันว่าไม่มีเงินตรงนั้นเพราะหาเช้ากินค่ำ เขาให้กลับไปคิดอีกที แล้วรอหมายเรียกไปถ้าเกิดไม่เคลียร์ที่โรงพักก็ต้องไปเคียร์ที่ศาล สรุปเพื่อนก็ไม่ได้จ่ายไปหลังจากนั้นก็ไม่มีหมายเรียกอะไรอีก เพื่อนเรียนจบแล้วหางานทำปรกติก็ไม่ได้มีหมายศาลมา จนถึงตอนนี้เพื่อนก็ไม่รู้ว่าคดีไปถึงไหน จะไปตรวจประวัติตามที่ แผนก ฝ่ายบุคคลต้องการเพื่อนก็กลัวจะโดนจับ คำถามคือ
1.ตอนนี้คดีอายุความประมาณ 7-8 ปียังมีผลอยู่ไหมคะ
2.หากเพื่อนไปขอตรวจสอบประวัติตัวเองแล้วจะต้องไปเคลียร์โรงพักที่เกิดเหตุหรือไม่(เพราะว่าเคยมีพนักงานก่อเหตุลักษณะของเพื่อนแล้วไปตวจลายนิ้วมิอพอพบประวัติเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาคุมตัวไปฝากขังแล้วรอเจ้าหน้าที่ๆเป็นเจ้าของคดีมารับตัวไปแต่เคสนี้คือเขาลักทรัพย์ไปสามแสนกว่าบาท เพื่อนกลัวว่าต้องไปติดคุกรอก่อนเพราะตอนนี้ที่อยู่ปัจจุบันอยู่ไกลกลับที่ๆเกิดเหตุคะ)
อาจจะเขียนงงๆไป ยังไงรบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะคะ