ญาติหลวงพ่อคูณ เปิดใจสาเหตุขอสรีระสังขารคืน ยอมรับวัดเป็นหนี้ 90 ล้าน
เปิดใจญาติหลวงพ่อคูณ แจงกรณีขอร่างหลวงพ่อคูณกลับวัดบ้านไร่ ยอมรับตรง ๆ ต้องการนำมาปลดหนี้ของวัดจำนวน 90 ล้าน เผยตอนนี้วัดบ้านไร่แทบจะเป็นวัดร้าง ลูกศิษย์เก่า ๆ ที่เคยศรัทธาหนีหายหมด
กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่น้อย สำหรับกรณีที่บรรดาญาติ ๆ ของหลวงพ่อคูณได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอสรีระสังขารกลับวัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับพินัยกรรมจนหลายคนมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือไม่นั้น
ล่าสุด (27 กุมภาพันธ์ 2560) รายการปากโป้ง ทางช่อง 8 จึงได้เชิญญาติใกล้ของหลวงพ่อคูณมาพูดคุยถึงกรณีดังกล่าวในรายการ รวมทั้งเชิญนายคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ น้องสาวของหลวงพ่อคูณมาในรายการด้วย
โดย นายบุญเทิด วงษ์กาญจนรัตน์ หลานของหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า โดนกดดันจากญาติ ๆ และลูกศิษย์ลูกหาของวัดบ้านไร่ ว่า ทำไมไม่นำร่างของหลวงพ่อคูณกลับมาที่วัด พอเจอคำถามบ่อย ๆ ตนก็ได้ชี้แจงไปว่ามีพินัยกรรมระบุชัดเจนแล้ว ซึ่งตนก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า "พินัยกรรมสู้ความเป็นเครือญาติไม่ได้" และก็ถูกกดดันเช่นนี้มาโดยตลอด ตนจึงได้ดำเนินการขอร่างหลวงพ่อคูณคืนเพื่อให้เห็นว่าฝ่ายตนได้ทำจริง ๆ ส่วนเรื่องที่ถามว่าทำไมญาติคนอื่น ๆ จึงไม่เดินทางไปขอเอง เนื่องจากกลุ่มของตนเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจเรื่องที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่หากไม่ทำอะไรเลยก็ถูกคนเขาตำหนิ
ด้าน นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ ซึ่งเป็นหลานและหนึ่งในพยานที่เซ็นรับรองพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า วันที่ทำพินัยกรรม หลวงพ่อมีความต้องการที่จะสละสรีระจริง และทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ได้บอกกับตนว่า ให้เซ็นเพื่อความสบายใจของหลวงพ่อเท่านั้น ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ได้นำร่างของหลวงพ่อคูณไป เนื่องจากร่างกายของหลวงพ่อคูณไม่ตรงตามข้อกำหนดในการบริจาคร่างกาย อาทิ น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์, อายุมากเกินไป และมีอาการอาพาธ เป็นต้น เมื่อตนได้ฟังดังนั้นจึงตกลงเซ็นให้
นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผยจาก นายสุดท้าย วงษ์กาญจนรัตน์ หลานชายอีกคนของหลวงพ่อคูณว่า หลายครั้งที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ของวัดบ้านไร่เรียกตนเข้าไปคุยเพราะหนักใจเรื่องหนี้สินของวัด ซึ่งเริ่มแรกมีหนี้สินอยู่จำนวน 102 ล้านบาท แต่ได้ชดใช้ไปแล้วเหลือ 90 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ติดค้างตั้งแต่สมัยหลวงพ่อคูณยังมีชีวิตอยู่ ในการสร้างวิหารภายในวัด 3 โครงการ
ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่าการนำร่างของหลวงพ่อคูณกลับวัดเพื่อให้คนมากราบไหว้เพื่อนำเงินไปใช้หนี้นั้น นายสุดท้าย กล่าวว่า "ในฐานะสายเลือดลูกหลานก็ไม่อยากให้หลวงพ่อคูณติดหนี้ ขนาดจะเผาแล้วยังมีหนี้ติดอยู่ หากพูดว่าคนที่ติดหนี้คือวัดก็ไม่ถูก เพราะพูดถึงวัดบ้านไร่คนที่เป็นเจ้าอาวาสขณะนั้นก็ต้องไปถึงหลวงพ่อคูณอยู่ดี"
ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา แต่อยากให้มองเป็นเรื่องความผูกพันในบ้านเกิดเมืองนอนที่เป็นชาวโคราช และเรื่องผลประโยชน์อย่างที่คุณแม่เคยพูดว่า หลวงพ่อคูณไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็มีเรื่องผลประโยชน์อยู่ดี ดังนั้นพวกเราจึงคิดกันแล้วว่า วาระสุดท้ายก็อยากให้ผลประโยชน์เกิดที่วัดบ้านไร่ ส่วนที่เพิ่งออกมาพูดเรื่องนี้เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาคนมาวัดน้อยลง"
ข่าววัดบ้านไร่เป็นหนี้ 90 ล้านบาท ญาติหลวงพ่อคูณขอสรีระสังขารหลวงพ่อคืนกลับไปช่วย แจ้งพินัยกรรมสู้ความเป็นญาติไม่ได้
เปิดใจญาติหลวงพ่อคูณ แจงกรณีขอร่างหลวงพ่อคูณกลับวัดบ้านไร่ ยอมรับตรง ๆ ต้องการนำมาปลดหนี้ของวัดจำนวน 90 ล้าน เผยตอนนี้วัดบ้านไร่แทบจะเป็นวัดร้าง ลูกศิษย์เก่า ๆ ที่เคยศรัทธาหนีหายหมด
กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันไม่น้อย สำหรับกรณีที่บรรดาญาติ ๆ ของหลวงพ่อคูณได้เดินทางไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอสรีระสังขารกลับวัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับพินัยกรรมจนหลายคนมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์หรือไม่นั้น
ล่าสุด (27 กุมภาพันธ์ 2560) รายการปากโป้ง ทางช่อง 8 จึงได้เชิญญาติใกล้ของหลวงพ่อคูณมาพูดคุยถึงกรณีดังกล่าวในรายการ รวมทั้งเชิญนายคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ น้องสาวของหลวงพ่อคูณมาในรายการด้วย
โดย นายบุญเทิด วงษ์กาญจนรัตน์ หลานของหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า โดนกดดันจากญาติ ๆ และลูกศิษย์ลูกหาของวัดบ้านไร่ ว่า ทำไมไม่นำร่างของหลวงพ่อคูณกลับมาที่วัด พอเจอคำถามบ่อย ๆ ตนก็ได้ชี้แจงไปว่ามีพินัยกรรมระบุชัดเจนแล้ว ซึ่งตนก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า "พินัยกรรมสู้ความเป็นเครือญาติไม่ได้" และก็ถูกกดดันเช่นนี้มาโดยตลอด ตนจึงได้ดำเนินการขอร่างหลวงพ่อคูณคืนเพื่อให้เห็นว่าฝ่ายตนได้ทำจริง ๆ ส่วนเรื่องที่ถามว่าทำไมญาติคนอื่น ๆ จึงไม่เดินทางไปขอเอง เนื่องจากกลุ่มของตนเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจเรื่องที่ระบุไว้ในพินัยกรรม แต่หากไม่ทำอะไรเลยก็ถูกคนเขาตำหนิ
ด้าน นายประทีป วงษ์กาญจนรัตน์ ซึ่งเป็นหลานและหนึ่งในพยานที่เซ็นรับรองพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า วันที่ทำพินัยกรรม หลวงพ่อมีความต้องการที่จะสละสรีระจริง และทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นก็ได้บอกกับตนว่า ให้เซ็นเพื่อความสบายใจของหลวงพ่อเท่านั้น ทางมหาวิทยาลัยจะไม่ได้นำร่างของหลวงพ่อคูณไป เนื่องจากร่างกายของหลวงพ่อคูณไม่ตรงตามข้อกำหนดในการบริจาคร่างกาย อาทิ น้ำหนักไม่ถึงเกณฑ์, อายุมากเกินไป และมีอาการอาพาธ เป็นต้น เมื่อตนได้ฟังดังนั้นจึงตกลงเซ็นให้
นอกจากนี้ยังได้รับการเปิดเผยจาก นายสุดท้าย วงษ์กาญจนรัตน์ หลานชายอีกคนของหลวงพ่อคูณว่า หลายครั้งที่เจ้าอาวาสองค์ใหม่ของวัดบ้านไร่เรียกตนเข้าไปคุยเพราะหนักใจเรื่องหนี้สินของวัด ซึ่งเริ่มแรกมีหนี้สินอยู่จำนวน 102 ล้านบาท แต่ได้ชดใช้ไปแล้วเหลือ 90 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ติดค้างตั้งแต่สมัยหลวงพ่อคูณยังมีชีวิตอยู่ ในการสร้างวิหารภายในวัด 3 โครงการ
ส่วนเรื่องที่หลายคนมองว่าการนำร่างของหลวงพ่อคูณกลับวัดเพื่อให้คนมากราบไหว้เพื่อนำเงินไปใช้หนี้นั้น นายสุดท้าย กล่าวว่า "ในฐานะสายเลือดลูกหลานก็ไม่อยากให้หลวงพ่อคูณติดหนี้ ขนาดจะเผาแล้วยังมีหนี้ติดอยู่ หากพูดว่าคนที่ติดหนี้คือวัดก็ไม่ถูก เพราะพูดถึงวัดบ้านไร่คนที่เป็นเจ้าอาวาสขณะนั้นก็ต้องไปถึงหลวงพ่อคูณอยู่ดี"
ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา แต่อยากให้มองเป็นเรื่องความผูกพันในบ้านเกิดเมืองนอนที่เป็นชาวโคราช และเรื่องผลประโยชน์อย่างที่คุณแม่เคยพูดว่า หลวงพ่อคูณไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็มีเรื่องผลประโยชน์อยู่ดี ดังนั้นพวกเราจึงคิดกันแล้วว่า วาระสุดท้ายก็อยากให้ผลประโยชน์เกิดที่วัดบ้านไร่ ส่วนที่เพิ่งออกมาพูดเรื่องนี้เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาคนมาวัดน้อยลง"