สวัสดีครับ ขอเจิมกระทู้พันทิปกระทู้แรกของผมด้วยเรื่องนี้เลยครับ
- - -

อาหาร/เครื่องดื่มทุกอย่าง ถ้าเราใส่ใจในรายละเอียดดีๆ มันจะมีศิลปะซ่อนอยู่

กาแฟก็เช่นกัน

- - -

จริงๆแล้วศาสตร์ในเรื่องกาแฟเป็นอะไรที่กว้างใหญ่มาก สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้เป็นเพียงความรู้เล็กๆน้อยๆเท่าที่ผมมีเท่านั้น

ผมเป็นนิสิตคนนึงที่ชอบดื่มกาแฟ แต่จุดประสงค์คือต้องการเสพความความหอมและรสชาติของมันเท่านั้น ส่วนถ้าจะกินกาแฟแก้ง่วงนั้น ใช้ไม่ค่อยได้กับผมเท่าไหร่ เพราะกินแล้วก็สัปหงกเหมือนเดิม 55
         
เพราะฉะนั้น กาแฟที่ผมดื่ม จะไม่เติมน้ำตาลหรือนมเลย เพื่อสัมผัสกลิ่นและรสของมันให้เต็มที่
         
กาแฟสำเร็จรูป ถึงแม้ว่าจะหาได้ง่าย ราคาถูก แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มความสุขของผมได้
         
เกณฑ์ความสุขของผม ไล่เป็นระดับได้ประมาณนี้
- ไม่ผ่าน: กาแฟขมปี๋(ใครผสมโรบัสต้ามาเยอะนี่ขอบาย ผสมแบบน่ารักๆยังพอให้อภัยได้), เปรี้ยวเกินไป
- ก็ดี: กาแฟหอม กลมกล่อม ดื่มได้เพลินๆ
- อาาาห์: มีความต่างของรสชาติตอนเปิด ตอนกลาง ตอนจบ กาแฟมีความซับซ้อนของกลิ่นและรสสัมผัส อันนี้ออกผลไม้นะ อันนี้ออกช็อกโกแลตนะ บลาๆๆ มาจากดอยนู้นดอยนี้ ประเทศนู้นประเทศนี้เป็นยังไง มีข้อมูลอ่านประกอบการดื่ม

นั่นคือจริตในการดื่มกาแฟของผม

- - -

วิธีการชง

การชงกาแฟสดเองสักถ้วยหนึ่ง มีแนวทางในการเตรียมมากมาย จะทำแบบถูกก็ได้ แบบแพงก็มี
ตัวผมเองมีแหล่งรายได้ไม่มากนัก ฉะนั้นงบที่แบ่งมาในเรื่องกาแฟจะเป็นแบบพอดีๆ เอาว่าพอใจกับเงินที่จ่ายไปคือสำเร็จแล้ว
จากอุปกรณ์เท่าที่ผมมี สามารถชงกาแฟได้สามแบบดังนี้ ขอไม่เขียนละเอียดมาก เพราะเห็นว่ามีไซต์อื่นๆเขียนไว้ค่อนข้างดี จะแปะไว้ให้ด้านล่างนะครับ

1. Pour-Over
หลักการ: เอากาแฟใส่กระดาษกรอง เทน้ำร้อนไปข้างบน ให้มันหยดติ๋งๆลงมา
ความคิดเห็น: แบบนี้จะได้กาแฟเนื้อโปร่งใส ปิ๊งๆ ทำเสร็จแล้วล้างง่ายด้วย

2. French Press
หลักการ: มีกาใบนึง คล้ายๆบีกเกอร์ในแลบ เอามาใส่กาแฟ ใส่น้ำร้อนลงไป
ฝาของกาใบนี้ มีก้านชักสำหรับกรองกาแฟ พอแช่กาแฟไว้สักสี่นาทีก็คน ปิดฝา และกดก้านชักลงมา ตะแกรงจะดันกาแฟให้ลงมากองข้างล่าง รินดิ่มได้
ความคิดเห็น: แบบนี้เนื้อจะทึบกว่าหน่อย เพราะกรองละเอียดได้แค่รูตะแกรง

3. Cold Brew
หลักการ: เอากาแฟแช่น้ำไว้ในตู้เย็นข้ามคืน/วัน กรอง เอาไปเจือน้ำก่อน เพราะเข้มข้นมาก ค่อยดื่ม
ความคิดเห็น: อันนี้รอนาน กว่าจะได้กิน แต่จะได้กาแฟที่มีรสสดชื่น เก็บรายละเอียดของรสและกลิ่นเล็กๆน้อยๆที่มีอยู่ในกาแฟได้มากขึ้น

ส่วนตัวแล้วชอบ Pour-Over มากที่สุด เพราะทันใจ อยากกินก็ทำ ล้างง่าย
Cold Brew ก็อร่อยดีนะ ชอบ แต่จะกินต้องแพลนข้ามวันเลยอะ จะทำเก็บไว้ก็กลัวไม่มีอารมณ์กิน บูดซะก่อน
French Press ขี้เกียจล้าง บาย

ในอเมริกา มีสมาคมกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee Association of America - SCAA) เขียนมาตรฐานการชงกาแฟแบบต่างๆไว้ให้อ่าน ตามนี้ครับ
http://www.scaa.org/?page=resources&d=brewing-best-practices

ทีนี้ก็มาถึงเรื่องอุปกรณ์


1. เครื่องบดกาแฟ เฟืองเป็นเหล็ก (450บาท เจอในงาน Coffee Fest 2017)

2. กา French Press (ของคนอื่น ยืมเขามา)
อันนี้ไว้ชงร้อนแบบขยันล้าง ต้องเคาะกากทิ้งก่อน เอาออกไม่เกลี้ยงเดี๋ยวท่อตัน อ่าวเคาะไม่หมด ติดก้นโถ ล้วงยากอีก มีติดตะแกรงอีก โมโหปาทิ้งแม่มม    
แต่ประโยชน์ของมันไม่ได้มีแค่นั้น เค้าว่าใช้แก้ขัดแทนกาดริป(กาที่มีท่อน้ำผอมๆ ซึ่งแพง) การมีจงอยเหมือนบีคเกอร์ทำให้พอเทน้ำเป็นสายเล็กๆได้ ยอมรับว่าคุมการไหลได้ไม่ดีเท่ากาดริป แต่ก็ทำให้ประหยัดไปหลายร้อย

3. ที่วางกระดาษกรอง
อันนี้ไว้ชงร้อนแบบขี้เกียจล้าง ยกกระดาษกรองออก เอาไปล้างๆน้ำ มือลูบๆ จบ เป็นพลาสติกPP (ร้านทุกอย่าง 60บาท เลือกเอา มีทั้งเมดอินเจแพนและไชน่า)
จริงๆถ้าแบบกระเบื้องก็คงจะทนดี แต่ขี้เกียจหา สั่งในเว็บก็กลัวไม่ถูกใจ ชอบเห็นของก่อนซื้อ

4. กระดาษกรองกาแฟ (พบได้ทั่วไปตามซุเปอร์มาร์เกต ถ้าในร้านทุกอย่าง 60บาท ได้90แผ่น มีทั้งแบบฟอกและไม่ฟอกสี มีทั้งเมดอินเจแพนและเจอร์มนี)

5. หม้อธรรมดาสักใบ เอาไว้ชงแบบ Cold Brew

6. กระชอน ละเอียดหน่อย ไว้กรองรอบแรกตอนทำ Cold Brew

7. กาแฟ ตามชอบ
ตอนใหม่ๆยังไม่มีเครื่องบด ก็ซื้อแบบที่เขาบดแล้วมาใช้ พอได้บดเองแก้วต่อแก้วเท่านั้นล่ะ รู้เรื่องเลย บดแล้วชงทันทีมันดีกว่าจริงๆครับ หอมกว่ากันเยอะ    
ในส่วนของตัวกาแฟ เนื่องจากเพิ่งเริ่มหัดชงเอง จึงเคยซื้อมาแค่ 3 แบบ เท่านั้น คงใช้ให้หมดก่อนค่อยซื้อใหม่ ไม่อยากเก็บนาน เดี๋ยวไม่อร่อย รีวิวตัวกาแฟขอยกไปไว้ส่วนท้ายนะครับ

8. แหล่งน้ำ(ร้อน/เย็น)

9. ช้อนแกงสักอัน ไว้ตวงกาแฟ ปกติที่กินก็สองช้อน(บดแล้ว)

10. ถ้วยกาแฟ (ว่าจะไม่เขียนละนะ)

มีของแค่ประมาณนี้แหละ ทำกาแฟเองได้แล้ว สบาย

- - -

+ รีวิวกาแฟคั่ว


เกณฑ์: ไม่ผ่าน / ก็ดี / อาาาห์

1. Moccona - Blue Mountain: ก็ดี
         เป็นกาแฟคั่วบดตัวแรกที่ซื้อ คือที่ห้างหน้าปากซอยจะมีขายตั้งแต่ BonCafe, Aroma, Suzuki บลาๆๆ ยัน Lavazza ไม่กล้าซื้อตัวแพงๆ ละตัวถูกๆก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร หาอ่านรีวิวก็ไม่ค่อยมี อันนี้พอจะมีคนพูดถึงบ้าง เลยหยิบมา
         ก็ดีนะ ผ่าน กลิ่นตีขึ้นอ่อนๆเวลาน้ำร้อนลงไปกระทบ คือฟินกว่าชงกาแฟสำเร็จรูปแน่นอน รสชาติค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่หวือหวามาก ติดเปรี้ยวเบาๆ มีขมทื่อๆปนมาบ้าง ตอนจบมีรสหวานค้างในปาก คือดีอะ โอเคแหละ ดื่มได้เพลินๆ ไม่คิดไรมาก และพอเอาไปชงแบบ Cold Brew อันนี้ก็ดี คือมันละมุน เอามาทำแบบนี้ดื่มแล้วดูมีอะไรขึ้น
         สรุปคือ ทำแบบร้อนก็ผ่าน เอาไปทำ Cold Brew ดื่มแบบสดชื่นสบายๆก็ได้ ถือว่าพอใจ (130บาท/250กรัม) แต่คงไม่ซื้อแล้ว บดเองดีกว่า
         ปล.ทิ้งกล่องไปแล้ว ขออนุญาตวาดให้ดูคร่าวๆแทนครับ

2. NL Coffee – Arabica: ก็ดี+
         อันนี้ได้มาจากงาน Coffee Fest 2017 พอดีเห็นว่า NL มีสำนักงานอยู่ใกล้ๆบ้าน เค้ามาตั้งบูธก็ไปลองซะหน่อย เราชอบอราบิก้าเพียวๆ เลยลองไปสองอันคืออันนี้ (คั่วกลาง) กับตัว Blue Coffee (คั่วอ่อน) เขาก็ใจดีทำให้เราชิม เป็นเอสเปรสโซอย่างละช็อตเลยนะ ตัวอราบิก้ามีเปรี้ยวมาหน่อยๆ แต่ตัวบลูโคตรเปรี้ยว! มันมีอีกอันเป็นแบบคั่วเข้มที่สุด แต่เราไม่ชอบกาแฟเข้ม สุดท้ายเลยซื้ออันนี้
        มีพวกกาแฟต่างประเทศด้วยนะ ชิมไปอันนึง เขาดริปเอาไว้ ปังมาก รสชาติมีมิติ สดชื่น แต่จำไม่ได้ว่าอันไหน ราคาแพงอยู่ (370 - 4xx บาท/250กรัม) แต่ก็จะซื้อ เพราะมันถูกจริต ไว้พวกธรรมดาๆนี้หมดจะไปสอยที่สำนักงาน
        ก็เป็นกาแฟประจำวันที่โอเคเลยล่ะ ดีกว่าเจ้า Moccona ตรงที่ไม่มีความขมแรงปนมา พอใจครับ อุดหนุนแบรนด์ไทย (เจ้าของเดียวกับ นครหลวงกาแฟ – กาแฟโบราณตรางูเห่า) ราคาถูก (110บาท/250กรัม)
        ถ้าวิเคราห์ละเอียดลงไปหน่อย กลิ่น/รสที่สัมผัสได้เด่นๆ จะออกถั่วๆมันๆ แล้วก็มีกลิ่นควันๆ ยางไหม้เบาๆ ถ้าอยากรู้ว่าในกาแฟของคุณมีรสอะไรเจืออยู่บ้าง ลองเปิดแผนภาพ Coffee Taster Flavor Wheel แล้วกวาดตาดูว่าสัมผัสได้ถึงอะไรบ้าง โหลดได้ที่นี่ครับ
http://www.scaa.org/chronicle/wp-content/uploads/2016/01/SCAA_FlavorWheel.01.18.15.jpg

3. Suzuki – Kenya AA Top Aguthi: อาาาห์
         ได้มาจากงาน Coffee Fest 2017 เหมือนกัน เป็นยี่ห้อที่ไม่เคยกิน ก็เลยเดินไปลอง มันมีแบบผสมหลายสูตรทั่วๆไป กับแบบ Single Origin มีให้เลือกหลากหลายที่ กาแฟจากแต่ละที่ก็จะมีรสสัมผัสไม่เหมือนกัน เราเรียกแบบแพงละกัน พนักงานแนะนำดี ให้เราดม คือกาแฟแบบทั่วไปกลิ่นมันก็คือๆกันหมด แต่พวกนี้จะมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง บางอันออกผลไม้ บางอันออกช็อคโกแลต พอดมแล้วถูกใจเขาก็ดริปให้ชิมเลย
         คือฟินตั้งแต่ดมแล้วอะ กลิ่นมันคล้ายๆช็อคโกแลต พอชิมนี่ โอ้ววววววว ไอ่สองอันที่เพิ่งซื้อไปคืออะไร มันต่างกันมาก มีความซับซ้อน ตอนเข้าปากจะเป็นกาแฟเข้มๆ ผ่านไปสักพักจะมีความเปรี้ยวสดชื่นแทรกเข้ามาเบาๆ เมื่อกลืนแล้วทิ้งความกลมกล่อมและกลิ่นกรุ่นๆไว้ในปาก เฮ้ยยยย มันใช่ว่ะ บอกพนักงาน เอาครับเอา!
         ข้อมูลบนฉลากบอกไว้ตามนี้
          Origin: Kenya
          Growing Altitude: >1,650 MASL
          Taste Note: Pineapple, Grape, Tomato, Sugar cane sweetness
         บูธนี้เป็นบูธที่ทำให้เราควักเงินซื้อกาแฟแบบแพงเป็นครั้งแรก เพราะเขาขายห่อเล็กๆ (220บาท/100กรัม) ไม่ค่อยเจ็บเท่าไหร่ และทำให้เราค้นพบตัวเองว่า จะไม่ซื้อกาแฟธรรมดาๆดื่มอีกแล้ว ดื่มแล้วไม่ฟินจะซื้อทำไม คือไม่ได้ดื่มเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว นานๆจะชงที อารมณ์ดีไรงี้ค่อยอยากดื่ม

- - -

ไซต์อื่นที่น่าสนใจ

ชงกาแฟอย่างไรให้อร่อย    
http://cafe-de-tan.blogspot.com/p/blog-page_20.html

Cold brew coffee common mistakes
http://www.bonappetit.com/test-kitchen/common-mistakes/article/cold-brew-coffee-common-mistakes

The Compendious Coffee Chart
http://cdn.shopify.com/s/files/1/0068/6272/files/PopChartLab_Coffee_ZOOM822.jpg?103284

Coffee Family Tree
http://images.cafeimports.com/19868-14343-coffeefamilytree2015web-copy.jpg