เมื่อความลับ กำลังจะถูกเปิดเผย "เที่ยวถ้ำค้างคาว กินข้าวหลามยาว...ที่สุดในโลก"
ถ้ำผาหิ่ง อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ทริปนี้มันน่าสนใจมาก ดูลึกลับ? แบบว่ายังไม่.. ตกลงใจไปทันที หลังจากที่ ได้รับคำชวน จากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่นายวัฒนา พุฒิชาติ บอกว่าชวนเราไปดู ค้างคาวเป็นล้านออกจากถ้ำกันไหม ช่วงเย็น วันศุกร์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงตัดสินใจ ออกเดินทางกันในช่วงบ่ายวันศุกร์กันเลยครับ นับเป็นการเดินทาง ไปดูถ้ำค้างคาวครั้งแรก
การเดินทางไปถ้ำผาหิ่ง สามารถสอบถามได้ที่เทศบาลตำบล บ้านปิน นะครับ โทร 054583193
https://www.facebook.com/banpinSAO/
เราเดินทางจากอำเภอเมืองแพร่ หมู่บ้านปิ่น ต่อจากนั้น ขับรถเข้าไปทาง บ้านแม่จองไฟ และต่อไปที่บ้านผาคอ ตำบลบ้านปินอำเภอลองจังหวัดแพร่ โดยใช้ระยะทางอีกประมาณ 40 กิโลเมตร โดยช่วงท้ายประมาณ 3 กิโลเมตรสุดท้ายจะเป็นทางดินครับ ก่อนถึงถ้ำ พิกัด : 18.259889, 99.878306
มาถึงที่หมายกันแล้วครับ ด้านหน้า ถ่ายรูปเช็คอินกันที่นี่ ป้ายเขียนว่าวัดถ้ำผาหิ่ง ครับ เป็นภาษาถิ่น วันนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางกันมามากพอสมควร
แป๊ป+++เราขอถ่ายรูปกันอีกสักนิด ให้ พี่ๆ เดินนำ กันไปเลยก่อนนะครับ ระยะทางอีกยาวไกล จากตรงนี้เข้าไปประมาณ 500 เมตร
ทางเดินสะอาดและสะดวกสบายดีครับสำหรับทางเดินเข้าไปด้านใน
เดินมาประมาณ 200 เมตรก็จะพบกับศาลาไม้ ซึ่งด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งบริเวณนี้ ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ มาตั้งแต่ ประมาณปี 2529 แล้วครับ เนื่องจาก มีความสงบร่มเย็นและอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก
และที่ใกล้ศาลาไม้นี่เองเราพบกับ ถ้ำแอร์ ถ้ำแรกของวันนี้ ซึ่งเมื่อไปยืนใกล้ๆปากถ้ำจะมีลมเย็นๆออกมา จึงเรียกว่าถ้ำแอร์ครับ ถ้ำนี้สามารถเข้าไปยืนกันได้หลายคนอยู่ครับ แต่เนื่องจากไม่ทันถ่ายรูปมาให้ชม เพราะต้องรีบไปขึ้นถ้ำใหญ่กันครับ
เดินทางออกจาก ที่พักสงฆ์ เข้ามาในป่า ประมาณ 300 เมตร ทางเดินเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆเริ่มขึ้นเขากันแล้วครับ ทางเดินช่วงนี้จะเป็นร่องน้ำเก่าครับ ตรงจุดนี้พักเหนื่อยกันแป๊บนึงถ่ายรูปกันด้วย วันนี้มี เจ้าหน้าที่จาก อบต.บ้านปิน และ ศูนย์ต้นน้ำ ผู้ใหญ่บ้านร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
ทางเริ่มชันแล้วนะจ๊ะแต่ยังไหว เช็คอินกันก่อนให้เพื่อนๆเห็นสภาพเส้นทาง ไว้ตัดสินใจมาเที่ยวกัน ช่วงสุดท้ายก่อนถึงปากถ้ำ ประมาณ 100 เมตรสุดท้ายเป็นทางชันประมาณ 70 องศา แต่ค่อนข้างปลอดภัยดี
และแล้วก็มาถึงปากถ้ำผาหิ่ง เพื่อตามหา"ค้างคาว" ว่าจะอยู่ในถ้ำนี้เป็นล้านจริงหรือไม่ แต่ก่อนจะเข้าไปขอถ่ายรูปเช็คอินเป็นหมู่กันไว้ก่อนนะครับ จะได้รู้ว่าขาออกมาครบทุกคนขาดไปใครหรือไม่ **ทางเข้าถ้ำอยู่ด้านซ้ายมือของภาพครับ
ทางเข้าถ้ำช่วงแรกครับ มีลักษณะเป็นอุโมงค์ขนาดเท่าประตูความลึกประมาณ 5 เมตร
ก่อนเข้าเราขอแช๊ะภาพเก็บไว้สักหน่อยก่อน แต่ดูทางข้างหลังสิครับ มืดตึบ ดีนะที่ทางชาวบ้านเตรียมไฟฉายมาเผื่อด้วย ไม่งั้นหล่ะก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปยังไงกันเลยครับ
พอผ่านทางเข้าเมื่อกี้มาก็เจอเรื่องน่าทึ่งเลยครับ คือข้างในกว้างมาก เราเลยขอถ่ายรูปหมู่ด้านในเก็บไว้ด้วยสักหน่อย ขนาดประมาณ 10x10 เมครได้เลยครับ
พอเดินเข้ามาอีกสักพักก็จะเจอกับกลุ่มตั๊กแตน ที่ทำรังอยู่ตามซอกหิน และตามหินต่างๆอีกด้วย
ยิ่งเดินเข้ามาด้านในก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีหินงอกหินย้อยด้วย สวยมากๆเลยครับ ด้านหลังยังมีทางเดินไปต่ออีกนะครับ ยังไม่สุดนะคะ
เดินเข้ามาอีกก็จะเจอกับพระพุทธรูปอยู่ด้านในด้วย ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อก่อนด้านในนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่ภายในของถ้ำนี้ครับ
ด้านหลังทางขวามือคือทางไปต่อทางด้านในของถ้ำนะครับ
และนี่คือทางเข้าไปในถ้ำส่วนที่2ครับ ทางไม่กว้างมาก แต่ก็สามารถเข้าไปได้อย่างสบายๆเลยครับ
เดินเข้ามาก็เจอเลยครับ พระเอกของงานกำลังห้อยหัวอยู่ด้านบนหัวของเราพอดีเลยครับ
และนี่ก็คือพระเอกของงานครับ ค้างคาวที่เราตามหากันมาทั้งวันมานอนห้อยหัวอยู่ที่นี่เอง แต่เอ๊ะ ไม่เห็นจะมีเยอะอย่างที่ชาวบ้านว่าไว้เลย หรือว่าจะอยู่ด้นในของถ้ำเข้าไปอีกนะ
ด้านในของถ้ำยังคงมีการเกิดหินงอกหินย้อยขึ้นตามธรรมชาติอีกด้วยนะครับ ดูสิ สวยระยิบระยับมากเลย
และนี่คือสิ่งที่ชาวบ้านบอกว่าส่วนนี้คือถ้ำเสือ เพราะที่หินก้อนนี้มีรอยเหมือนกับมือของเสืออยู่ด้วย
เดินมาด้านในของถ้ำส่วนที่2 เราก็ได้เห็นทางออกอีกทางของฝูงค้างคาวด้วยครับ
บรรยากาศตอนเดินลงมาจากถ้ำครับ ตอนลงเราใช้เวลาเดินลงมาประ10นาที แต่ระมัดระวังกันด้วยนะครับ เพราะค่อนข้างจะชันสักเล็กน้อย แต่ก็ปลอดภัยดีครับ
เดินลงมาสักพัก ชาวบ้านได้แนะนำบอกว่ายังมีถ้ำฤาษีอยู่อีกถ้าหนึ่ง เราเลยแวะไปดูกัน โดยภายในได้ประดิษฐานรูปปั้นของฤาษีอยู่องค์หนึ่ง แต่เสียดายที่เราไม่ได้ไปเก็บภาพมาไว้ ใครไปเที่ยวก็ลองเดินเข้าไปไหว้และเที่ยวชมได้นะครับ
หลังจากลุยในถ้ำกันมาแล้ว ก็ขอแวะเติมพลังกันสักหน่อย ด้วยข้าวหลามของชาวบ้านปิน หวาน มันส์ อร่อยมากๆเลย อยากให้มาลองกันดูนะ
ข้าวหลามบ้านปิน ข้าวหลามที่ยาวที่สุดในโลก ขนาดความยาวประมาณ1เมตรเลยนะ กระบอกเดียวรับรองเลยครับว่า อิ่มไปทั้งวันแน่นอน
ตรงส่วนนี้คือหลุมศพของเจ้าหน้าที่ของทางรถไฟ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าเขาเสียชีวิตขณะเดินตรวจในเวลางาน โดยถูกกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกใส่จนเสียชีวิต แต่ด้วยทางเจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นแขกหรือนับถือศาสนาอิสลาม จึงต้องรีบทำพิธีศพตามแบบศาสนาคือ ฝังก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ชาวบ้านจึงได้ฝังศพเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไว้ที่บริเวณนี้ครับ
เดินมาทั้งวันแล้ว ขอนั่งพักเหนื่อยระหว่างรอดูค้างคาวสักหน่อย
และทางด้านหลังที่ท่านผู้ัว่าราชการจังหวัดแพร่ของเราชี้ไปนั่นก็คือถ้ำค้างคาว หรือถ้ำวัดผาหิ่งที่พวกเราไปสำรวจและไปตารมหาเหล่าค้างคาวกันมาครับ
ส่วนเนินที่ราบทางด้านขวาของท่านผู้ว่าตรงนั้นคือที่ที่เราจะมานั่งดูกันครับว่าจะมีฝูงค้างคาวบินออกมานับล้านๆตัวอย่างที่ทางชาวบ้านได้บอกไว้จริงหรือไม่
ขณะนี้เวลา 18.00 ฝูงค้างคาวออกมากันแล้วครับ ตอนที่ทางคณะท่านผู้ว่าและทางไอซ์เราไปเดินสำรวจไปตามหาเจอไม่เยอะนะ แต่พอออกมานั่งดูตอนนี้กลับบินออกมากันเต็มเลย แบบนี้มีเป็น พันๆ เป็นล้านๆตัวแน่นอนครับ
ดูสิครับ บินออกมากันเต็มเลย ออกมาหลายฝูง หลายตัวเลย ตอนเข้าไปเจอไม่กี่ตัว แต่ตอนออกมาดูข้างนอก บินออกมากันเต็มเลย
เชื่อแล้วครับว่าค้างคาวที่นี่มีนับล้านๆตัวจริงๆ บินออกมากันเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ
สำหรับใครที่อยากกินรมชมวิวมาตามทางก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟผาคอได้เลยนะครับ จะนั่งจากสถานีเด่นชัย มาลงที่สถานีผาคอก็ได้ หรือจากสถานีใกล้บ้านท่านก็ได้นะครับ จะได้รับชมทั้งวิวดีๆ และอากาศบริสุทธิ์ให้ชื่นใจกันไปเลย
[CR] Unseen in phrae "เที่ยวถ้ำค้างคาว กินข้าวหลามยาว...ที่สุดในโลก"
เมื่อความลับ กำลังจะถูกเปิดเผย "เที่ยวถ้ำค้างคาว กินข้าวหลามยาว...ที่สุดในโลก"
ถ้ำผาหิ่ง อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ทริปนี้มันน่าสนใจมาก ดูลึกลับ? แบบว่ายังไม่.. ตกลงใจไปทันที หลังจากที่ ได้รับคำชวน จากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่นายวัฒนา พุฒิชาติ บอกว่าชวนเราไปดู ค้างคาวเป็นล้านออกจากถ้ำกันไหม ช่วงเย็น วันศุกร์ที่ผ่านมา ดังนั้นจึงตัดสินใจ ออกเดินทางกันในช่วงบ่ายวันศุกร์กันเลยครับ นับเป็นการเดินทาง ไปดูถ้ำค้างคาวครั้งแรก
การเดินทางไปถ้ำผาหิ่ง สามารถสอบถามได้ที่เทศบาลตำบล บ้านปิน นะครับ โทร 054583193
https://www.facebook.com/banpinSAO/
เราเดินทางจากอำเภอเมืองแพร่ หมู่บ้านปิ่น ต่อจากนั้น ขับรถเข้าไปทาง บ้านแม่จองไฟ และต่อไปที่บ้านผาคอ ตำบลบ้านปินอำเภอลองจังหวัดแพร่ โดยใช้ระยะทางอีกประมาณ 40 กิโลเมตร โดยช่วงท้ายประมาณ 3 กิโลเมตรสุดท้ายจะเป็นทางดินครับ ก่อนถึงถ้ำ พิกัด : 18.259889, 99.878306
มาถึงที่หมายกันแล้วครับ ด้านหน้า ถ่ายรูปเช็คอินกันที่นี่ ป้ายเขียนว่าวัดถ้ำผาหิ่ง ครับ เป็นภาษาถิ่น วันนี้เรามีผู้ร่วมเดินทางกันมามากพอสมควร
แป๊ป+++เราขอถ่ายรูปกันอีกสักนิด ให้ พี่ๆ เดินนำ กันไปเลยก่อนนะครับ ระยะทางอีกยาวไกล จากตรงนี้เข้าไปประมาณ 500 เมตร
ทางเดินสะอาดและสะดวกสบายดีครับสำหรับทางเดินเข้าไปด้านใน
เดินมาประมาณ 200 เมตรก็จะพบกับศาลาไม้ ซึ่งด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งบริเวณนี้ ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ มาตั้งแต่ ประมาณปี 2529 แล้วครับ เนื่องจาก มีความสงบร่มเย็นและอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก
และที่ใกล้ศาลาไม้นี่เองเราพบกับ ถ้ำแอร์ ถ้ำแรกของวันนี้ ซึ่งเมื่อไปยืนใกล้ๆปากถ้ำจะมีลมเย็นๆออกมา จึงเรียกว่าถ้ำแอร์ครับ ถ้ำนี้สามารถเข้าไปยืนกันได้หลายคนอยู่ครับ แต่เนื่องจากไม่ทันถ่ายรูปมาให้ชม เพราะต้องรีบไปขึ้นถ้ำใหญ่กันครับ
เดินทางออกจาก ที่พักสงฆ์ เข้ามาในป่า ประมาณ 300 เมตร ทางเดินเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆเริ่มขึ้นเขากันแล้วครับ ทางเดินช่วงนี้จะเป็นร่องน้ำเก่าครับ ตรงจุดนี้พักเหนื่อยกันแป๊บนึงถ่ายรูปกันด้วย วันนี้มี เจ้าหน้าที่จาก อบต.บ้านปิน และ ศูนย์ต้นน้ำ ผู้ใหญ่บ้านร่วมเดินทางไปด้วยกันครับทางเริ่มชันแล้วนะจ๊ะแต่ยังไหว เช็คอินกันก่อนให้เพื่อนๆเห็นสภาพเส้นทาง ไว้ตัดสินใจมาเที่ยวกัน ช่วงสุดท้ายก่อนถึงปากถ้ำ ประมาณ 100 เมตรสุดท้ายเป็นทางชันประมาณ 70 องศา แต่ค่อนข้างปลอดภัยดี
และแล้วก็มาถึงปากถ้ำผาหิ่ง เพื่อตามหา"ค้างคาว" ว่าจะอยู่ในถ้ำนี้เป็นล้านจริงหรือไม่ แต่ก่อนจะเข้าไปขอถ่ายรูปเช็คอินเป็นหมู่กันไว้ก่อนนะครับ จะได้รู้ว่าขาออกมาครบทุกคนขาดไปใครหรือไม่ **ทางเข้าถ้ำอยู่ด้านซ้ายมือของภาพครับ
ทางเข้าถ้ำช่วงแรกครับ มีลักษณะเป็นอุโมงค์ขนาดเท่าประตูความลึกประมาณ 5 เมตร
ก่อนเข้าเราขอแช๊ะภาพเก็บไว้สักหน่อยก่อน แต่ดูทางข้างหลังสิครับ มืดตึบ ดีนะที่ทางชาวบ้านเตรียมไฟฉายมาเผื่อด้วย ไม่งั้นหล่ะก็ไม่รู้จะเดินเข้าไปยังไงกันเลยครับ
พอผ่านทางเข้าเมื่อกี้มาก็เจอเรื่องน่าทึ่งเลยครับ คือข้างในกว้างมาก เราเลยขอถ่ายรูปหมู่ด้านในเก็บไว้ด้วยสักหน่อย ขนาดประมาณ 10x10 เมครได้เลยครับ
พอเดินเข้ามาอีกสักพักก็จะเจอกับกลุ่มตั๊กแตน ที่ทำรังอยู่ตามซอกหิน และตามหินต่างๆอีกด้วย
ยิ่งเดินเข้ามาด้านในก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีหินงอกหินย้อยด้วย สวยมากๆเลยครับ ด้านหลังยังมีทางเดินไปต่ออีกนะครับ ยังไม่สุดนะคะ
เดินเข้ามาอีกก็จะเจอกับพระพุทธรูปอยู่ด้านในด้วย ชาวบ้านเล่าว่า เมื่อก่อนด้านในนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรมอยู่ภายในของถ้ำนี้ครับ
ด้านหลังทางขวามือคือทางไปต่อทางด้านในของถ้ำนะครับ
และนี่คือทางเข้าไปในถ้ำส่วนที่2ครับ ทางไม่กว้างมาก แต่ก็สามารถเข้าไปได้อย่างสบายๆเลยครับ
เดินเข้ามาก็เจอเลยครับ พระเอกของงานกำลังห้อยหัวอยู่ด้านบนหัวของเราพอดีเลยครับ
และนี่ก็คือพระเอกของงานครับ ค้างคาวที่เราตามหากันมาทั้งวันมานอนห้อยหัวอยู่ที่นี่เอง แต่เอ๊ะ ไม่เห็นจะมีเยอะอย่างที่ชาวบ้านว่าไว้เลย หรือว่าจะอยู่ด้นในของถ้ำเข้าไปอีกนะ
ด้านในของถ้ำยังคงมีการเกิดหินงอกหินย้อยขึ้นตามธรรมชาติอีกด้วยนะครับ ดูสิ สวยระยิบระยับมากเลย
และนี่คือสิ่งที่ชาวบ้านบอกว่าส่วนนี้คือถ้ำเสือ เพราะที่หินก้อนนี้มีรอยเหมือนกับมือของเสืออยู่ด้วย
เดินมาด้านในของถ้ำส่วนที่2 เราก็ได้เห็นทางออกอีกทางของฝูงค้างคาวด้วยครับ
บรรยากาศตอนเดินลงมาจากถ้ำครับ ตอนลงเราใช้เวลาเดินลงมาประ10นาที แต่ระมัดระวังกันด้วยนะครับ เพราะค่อนข้างจะชันสักเล็กน้อย แต่ก็ปลอดภัยดีครับ
เดินลงมาสักพัก ชาวบ้านได้แนะนำบอกว่ายังมีถ้ำฤาษีอยู่อีกถ้าหนึ่ง เราเลยแวะไปดูกัน โดยภายในได้ประดิษฐานรูปปั้นของฤาษีอยู่องค์หนึ่ง แต่เสียดายที่เราไม่ได้ไปเก็บภาพมาไว้ ใครไปเที่ยวก็ลองเดินเข้าไปไหว้และเที่ยวชมได้นะครับ
หลังจากลุยในถ้ำกันมาแล้ว ก็ขอแวะเติมพลังกันสักหน่อย ด้วยข้าวหลามของชาวบ้านปิน หวาน มันส์ อร่อยมากๆเลย อยากให้มาลองกันดูนะ
ข้าวหลามบ้านปิน ข้าวหลามที่ยาวที่สุดในโลก ขนาดความยาวประมาณ1เมตรเลยนะ กระบอกเดียวรับรองเลยครับว่า อิ่มไปทั้งวันแน่นอน
ตรงส่วนนี้คือหลุมศพของเจ้าหน้าที่ของทางรถไฟ ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าเขาเสียชีวิตขณะเดินตรวจในเวลางาน โดยถูกกิ่งไม้ขนาดใหญ่ตกใส่จนเสียชีวิต แต่ด้วยทางเจ้าหน้าที่ท่านนี้เป็นแขกหรือนับถือศาสนาอิสลาม จึงต้องรีบทำพิธีศพตามแบบศาสนาคือ ฝังก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ชาวบ้านจึงได้ฝังศพเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไว้ที่บริเวณนี้ครับ
เดินมาทั้งวันแล้ว ขอนั่งพักเหนื่อยระหว่างรอดูค้างคาวสักหน่อย
และทางด้านหลังที่ท่านผู้ัว่าราชการจังหวัดแพร่ของเราชี้ไปนั่นก็คือถ้ำค้างคาว หรือถ้ำวัดผาหิ่งที่พวกเราไปสำรวจและไปตารมหาเหล่าค้างคาวกันมาครับ
ส่วนเนินที่ราบทางด้านขวาของท่านผู้ว่าตรงนั้นคือที่ที่เราจะมานั่งดูกันครับว่าจะมีฝูงค้างคาวบินออกมานับล้านๆตัวอย่างที่ทางชาวบ้านได้บอกไว้จริงหรือไม่
ขณะนี้เวลา 18.00 ฝูงค้างคาวออกมากันแล้วครับ ตอนที่ทางคณะท่านผู้ว่าและทางไอซ์เราไปเดินสำรวจไปตามหาเจอไม่เยอะนะ แต่พอออกมานั่งดูตอนนี้กลับบินออกมากันเต็มเลย แบบนี้มีเป็น พันๆ เป็นล้านๆตัวแน่นอนครับ
ดูสิครับ บินออกมากันเต็มเลย ออกมาหลายฝูง หลายตัวเลย ตอนเข้าไปเจอไม่กี่ตัว แต่ตอนออกมาดูข้างนอก บินออกมากันเต็มเลย
เชื่อแล้วครับว่าค้างคาวที่นี่มีนับล้านๆตัวจริงๆ บินออกมากันเยอะแยะเต็มไปหมดเลยครับ
สำหรับใครที่อยากกินรมชมวิวมาตามทางก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟผาคอได้เลยนะครับ จะนั่งจากสถานีเด่นชัย มาลงที่สถานีผาคอก็ได้ หรือจากสถานีใกล้บ้านท่านก็ได้นะครับ จะได้รับชมทั้งวิวดีๆ และอากาศบริสุทธิ์ให้ชื่นใจกันไปเลย