สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน หลังจากผมไม่ได้อัพรีวิวมาหลายวัน ตอนนี้กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Review เที่ยวญี่ปุ่น ตะลุยหิมะ จากโอซาก้าถึงฮอกไกโด ซึ่งจะเป็นตอนที่ 8 จากทั้งหมด 9 วันในทริปนี้ครับ ความเดิมล่าสุดคือผมได้เดินทางมาจนถึงช่วงท้ายแล้วครับ ซึ่งเช้าวันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของผมที่ญี่ปุ่น ก่อนที่จะต้องไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินฮาเนดะเพื่อไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ วันสุดท้ายนี้ผมได้ตกลงกับเพื่อนๆในทริปว่าจะเป็น Free day ครับ แยกย้าย อยากไปไหนก็ไป ส่วนตัวผมมีสถานที่ที่อยากจะไปดูให้เป็นบุญตาอยู่แล้วครับ เช่น โตเกียวโดม ส่วนอีกที่นึงที่อยากไปนั่นก็คือสวนอิโนคาชิระ ซึ่งแฟนการ์ตูนจอมเกบูลล์ คงรู้จักเป็นอย่างดี ว่าแล้วก็เชิญพบกับการเดินทางวันสุดท้ายในญี่ปุ่นครั้งนี้กันได้เลยครับ
กระทู้หลัก >> Link :
https://ppantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 11 กพ 60 >>
https://ppantip.com/topic/36140180
---------------------
12 กุมภาพันธ์ 2560 : วันสุดท้ายมักจะเป็นอะไรที่เศร้าเสมอครับ คำนี้ยังเป็นวลีเด็ดเสมอ ฮือออ .. หลังจากที่ตื่นมาก็พบกับสัมภาระที่ถูกแพ็กไว้เป็นอย่างดีเมื่อคืน โดยวันนี้ผมจะต้องเดินทางเที่ยวโตเกียวคนเดียว ตามที่ได้ตกลงกับเพื่อนว่าเป็น Free Day โดยที่สัมภาระทั้งหลายก็จะนำไปฝากที่โรงแรมเอาไว้ครับ นัดเพื่อนๆมารวมตัวกันที่โรงแรมอีกทีตอน 1 ทุ่ม เพื่อไปสนามบินฮาเนดะพร้อมกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พร้อมเดินทางครับ ก่อนไปขอถ่ายหน้าโรงแรมเป็นที่ระลึกอีกครั้ง ขอเรียกสั้นๆว่า Grid Hotel ละกัน
โดยเช้านี้สถานที่แรกที่ผมจะไป นั่นก็คือสถานที่ยอดฮิตสุดๆของคนที่มาโตเกียวครับ นั่นก็คือวัดอาซากุสะนั่นเอง เนื่องจากที่พักของผมอยู่ค่อนข้างใกล้กับสถานีอาซากุสะ ห่างกันเพียง 3ป้ายเท่านั้นเอง
เจอทางเข้ารถไฟใต้ดินแล้วครับ โดยผมเริ่มต้นจากสถานี Higashi-Nihombayashi โดยจะนั่งไปลง Asakusa Station ครับ
เนื่องจากวันนี้ตามตารางเที่ยวของผมส่วนใหญ่ จะโดยสารโดยใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก ดังนั้นบัตร JR Pass แทบจะพับเก็บไปก่อนได้เลยครับ โดยค่าโดยสารส่วนใหญ่ของ Metro Line นั้นก็จะประมาณ 300เยน ได้ครับ คิดไปคิดมาก เลือกซื้อตั๋ววันไปเลยครับ 1000เยน นั่ง 4เที่ยวขึ้นไปก็คุ้มละ
นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีอาซากุสะปุ๊ป มีป้ายบอกทางชัดเจนครับ ทางไปวัด Senso-Ji
ออกหน้าสถานีอาซากุสะมาแร้วจ้า คนเพียบเลยทีเดียว
เนื่องด้วยเป็นเช้าวันอาทิตย์ครับ วันหยุดคนมหาศาล ทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวแห่กันมาเหมือนไม่เคยเข้าวัดกันครับ
เดินมาหน้าทางเข้าหลัก สิ่งแรกที่จะสามารถสังเกตได้เมื่อมาที่นี่ก็คือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 雷門 (Kaminari-Mon) แปลว่า ประตูสายฟ้า ที่อยู่หน้าวัดอาซากุสะนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งใครที่ไปโตเกียวแล้วไม่ได้ไปถ่ายรูปมาละก็.. อาจจะถือว่าไปไม่ถึงโตเกียวก็เป็นได้!!! ความสูงของโคมไฟลูกนี้นั้นอยู่ที่ 3.9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร และมีน้ำหนักถึง 700 กิโลกรัม ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1971 โดยร้านทำโคมไฟเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากในเกียวโต และถูกบูรณะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว (ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2003) การทำโคมไฟยักษ์ลูกนี้นั้นต้องเฟ้นหาวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เช่น โครงไม้ไผ่อย่างดี สีแดงของหม่อนจากจังหวัดฟุคุอิคุณภาพเกิน 100 และกระดาษสาญี่ปุ่นแฮนเมดกว่า 300 แผ่น เนื่องจากโคมไฟลูกนี้จะต้องทนแดดทนฝนเป็นเวลาหลายปี (ที่มา :
http://anngle.org/th/news/kaminarimon-repair.html)
ในระหว่างที่กำลังมึนกับผู้คน ขอหาอะไรรองท้องก่อนครับ อาหารว่างชิ้นแรกของวันนี้ ซาลาเปาใส้อะไรก็ไม่รู้มีทั้งหมูสับและผักผสมๆกัน 250 เยน ครับ
รสชาติแปลกๆดีครับ อร่อยมาก กินร้อนๆตอนอากาศหนาวๆ
ยังไม่จบการกินนะครับ เดินไปเจอขนมอะไรเรียกไม่ถูก หน้าตาน่ารักทีเดียว ถ่ายหน้าร้านเค้าเลยครับ
ข้างในนี่สอดไส้ชีสนะครับ คำแรกอร่อยมาก คำหลังๆเริ่มเลี่ยนละ 555+
หยุดเรื่องกินแล้วเดินกันต่อดีกว่า เข้าข้างในจะเจอกับตัววัดละครับ
ด้านหน้าก็มีจุดสำหรับตักน้ำบ้วนปากตามอัธยาศัยเช่นเดียวกับวัดในเกียวโตครับ
มาดูประวัติของวัดอาซากุสะนี้กันบ้างครับ ..วัดเซ็นโซจิ หรือรู้จักกันดีในชื่อวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple) เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์เล็กเพียง 5 นิ้ว ตามตำนานเล่าว่ามีชาวประมงสองพี่น้อง ได้ทอดแหติดมาที่แม่น้ำซูมิดะ แม้จะทิ้งลงสู่แม่น้ำกี่ครั้ง ก็จะทอดติดแหของพวกเขาขึ้นมาทุกที จึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นมาให้เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม วัดเซ็นโซจิ เป็นวัดพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียวและอยู่คู่กับกรุงโตเกียวมาตั้งแต่ พ.ศ. 1171 มีพื้นที่กว้างขวางและใหญ่ที่สุดในโตเกียว ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักกันดี
(ที่มา :
http://www.palungdham.com/t252.html)
ผมใช้เวลานั่งเล่นอยู่ที่วัดร่วมๆ สองชั่วโมงก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ ซึ่งจุดหมายต่อไปก็คือริมแม่น้ำซูมิดะ ซึ่งสามารถมองเห็น Tokyo Sky Tree ได้ชัดๆครับ
เดินขึ้นมาแล้วครับ เริ่มมองเห็น Tokyo Sky Tree ชัดๆละ
หันไปด้านข้างก็จะมีทางเดินรอบแม่น้ำซูมิดะครับ
โตเกียวสกายทรี หรือเรียก โตเกียวทาวเวอร์แห่งใหม่ (New Tokyo Tower) เป็นหอกระจายคลื่นตั้งอยู่ที่เขตซุมิดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และ ได้กลายเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ที่ความสูง 634 เมตร โดยในปัจจุบัน โตเกียวทาวเวอร์ (สูง 333 เมตร) มีความสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม เนื่องจากมีอาคารและตึกสูงจำนวนมากสร้างขึ้นบังสัญญาณบริเวณใจกลางเมือง จึงมีโครงการก่อสร้างโตเกียวสกายทรีขึ้น (ที่มา :
https://th.wikipedia.org)
หลังจากเดินเล่นริมน้ำอยู่ประมาณ 15 นาที ก็ได้เวลาเดินทางต่อละ เป้าหมายต่อไปของผมคือ Ebisu Garden Place ตอนนี้กำลังเดินทางกลับสถานีอยู่ครับ
การเดินทางมายัง Ebisu Garden Place ก็สามารถมาโดย JR ได้เลยครับ ลงที่สถานี JR Ebisu หลังจากนั้นจะมีทางเชื่อมไปถึงหน้าสวนเลย แต่ผมไม่รู้เดินไปอีกทางนึง (อ้อมมาก) แต่ได้เดินชมวิวบ้านเรือนไปด้วยครับ 555+
หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่นาน ก็มาถึงละครับ เห็นยอดตึกแว่บๆละ
เดินเข้ามาปุ๊ป ตึกแรกที่เห็นเลย Ebisu Garden Place
เดินไปด้านหลังครับจะเจอ Sapporo Beer Station ราคาแพงเว่อร์ ขอถ่ายรูปพอ เข้าไปกินไม่ไหว 555
รอบๆสวนบรรยากาศดีมากครับ เหมาะแก่การถ่ายรูป และเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นเดินไปด้านข้างของสวน จะมีห้างสรรพสินค้าครับ Ebisu Glass Square ตรงชั้นสองจะมีระเบียงให้ถ่ายรูปลงมา สวยทีเดียวครับ
จากนั้นเดินไป Yebisu Beer Museum ด้วยความหวังว่าจะมาชิมเบียร์ แต่ก็ต้องผิดหวังครับ วันนี้ปิดซะงั้น !!
ผมใช้เวลาที่ Ebisu Garden Place ประมาณ 1ชั่วโมงครับ หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังสถานีใกล้ๆกัน นั่นก็คือสถานีชิบุย่า อันมีห้าแยกอันแสนวุ่นวายตั้งอยู่ ไม่ได้มาสองปีแล้ว ผู้คนยังเยอะเหมือนเดิมครับ
จากมุมนี้มองไปด้านล่างจะเห็นอนุเสาวรีย์เจ้าหมาน้อยฮาจิโกะ ซึ่งเป็นจุดนัดพบของคนญี่ปุ่น คล้ายๆน้ำพุเซ็นเตอร์พ๊อย์ เป็นต้น
[CR] Review วันที่ 8 One Day Trip in Tokyo หนึ่งวันในโตเกียว /วัดอาซากุสะ / Ebisu Garden / สวนอิโนะคาชิระ / โตเกียวโดม
กระทู้หลัก >> Link : https://ppantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 11 กพ 60 >> https://ppantip.com/topic/36140180
---------------------
12 กุมภาพันธ์ 2560 : วันสุดท้ายมักจะเป็นอะไรที่เศร้าเสมอครับ คำนี้ยังเป็นวลีเด็ดเสมอ ฮือออ .. หลังจากที่ตื่นมาก็พบกับสัมภาระที่ถูกแพ็กไว้เป็นอย่างดีเมื่อคืน โดยวันนี้ผมจะต้องเดินทางเที่ยวโตเกียวคนเดียว ตามที่ได้ตกลงกับเพื่อนว่าเป็น Free Day โดยที่สัมภาระทั้งหลายก็จะนำไปฝากที่โรงแรมเอาไว้ครับ นัดเพื่อนๆมารวมตัวกันที่โรงแรมอีกทีตอน 1 ทุ่ม เพื่อไปสนามบินฮาเนดะพร้อมกัน
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พร้อมเดินทางครับ ก่อนไปขอถ่ายหน้าโรงแรมเป็นที่ระลึกอีกครั้ง ขอเรียกสั้นๆว่า Grid Hotel ละกัน
โดยเช้านี้สถานที่แรกที่ผมจะไป นั่นก็คือสถานที่ยอดฮิตสุดๆของคนที่มาโตเกียวครับ นั่นก็คือวัดอาซากุสะนั่นเอง เนื่องจากที่พักของผมอยู่ค่อนข้างใกล้กับสถานีอาซากุสะ ห่างกันเพียง 3ป้ายเท่านั้นเอง
เจอทางเข้ารถไฟใต้ดินแล้วครับ โดยผมเริ่มต้นจากสถานี Higashi-Nihombayashi โดยจะนั่งไปลง Asakusa Station ครับ
เนื่องจากวันนี้ตามตารางเที่ยวของผมส่วนใหญ่ จะโดยสารโดยใช้รถไฟใต้ดินเป็นหลัก ดังนั้นบัตร JR Pass แทบจะพับเก็บไปก่อนได้เลยครับ โดยค่าโดยสารส่วนใหญ่ของ Metro Line นั้นก็จะประมาณ 300เยน ได้ครับ คิดไปคิดมาก เลือกซื้อตั๋ววันไปเลยครับ 1000เยน นั่ง 4เที่ยวขึ้นไปก็คุ้มละ
นั่งรถไฟใต้ดินลงสถานีอาซากุสะปุ๊ป มีป้ายบอกทางชัดเจนครับ ทางไปวัด Senso-Ji
ออกหน้าสถานีอาซากุสะมาแร้วจ้า คนเพียบเลยทีเดียว
เนื่องด้วยเป็นเช้าวันอาทิตย์ครับ วันหยุดคนมหาศาล ทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวแห่กันมาเหมือนไม่เคยเข้าวัดกันครับ
เดินมาหน้าทางเข้าหลัก สิ่งแรกที่จะสามารถสังเกตได้เมื่อมาที่นี่ก็คือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 雷門 (Kaminari-Mon) แปลว่า ประตูสายฟ้า ที่อยู่หน้าวัดอาซากุสะนั้น เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง ซึ่งใครที่ไปโตเกียวแล้วไม่ได้ไปถ่ายรูปมาละก็.. อาจจะถือว่าไปไม่ถึงโตเกียวก็เป็นได้!!! ความสูงของโคมไฟลูกนี้นั้นอยู่ที่ 3.9 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.3 เมตร และมีน้ำหนักถึง 700 กิโลกรัม ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1971 โดยร้านทำโคมไฟเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมากในเกียวโต และถูกบูรณะครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว (ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2003) การทำโคมไฟยักษ์ลูกนี้นั้นต้องเฟ้นหาวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เช่น โครงไม้ไผ่อย่างดี สีแดงของหม่อนจากจังหวัดฟุคุอิคุณภาพเกิน 100 และกระดาษสาญี่ปุ่นแฮนเมดกว่า 300 แผ่น เนื่องจากโคมไฟลูกนี้จะต้องทนแดดทนฝนเป็นเวลาหลายปี (ที่มา : http://anngle.org/th/news/kaminarimon-repair.html)
ในระหว่างที่กำลังมึนกับผู้คน ขอหาอะไรรองท้องก่อนครับ อาหารว่างชิ้นแรกของวันนี้ ซาลาเปาใส้อะไรก็ไม่รู้มีทั้งหมูสับและผักผสมๆกัน 250 เยน ครับ
รสชาติแปลกๆดีครับ อร่อยมาก กินร้อนๆตอนอากาศหนาวๆ
ยังไม่จบการกินนะครับ เดินไปเจอขนมอะไรเรียกไม่ถูก หน้าตาน่ารักทีเดียว ถ่ายหน้าร้านเค้าเลยครับ
ข้างในนี่สอดไส้ชีสนะครับ คำแรกอร่อยมาก คำหลังๆเริ่มเลี่ยนละ 555+
หยุดเรื่องกินแล้วเดินกันต่อดีกว่า เข้าข้างในจะเจอกับตัววัดละครับ
ด้านหน้าก็มีจุดสำหรับตักน้ำบ้วนปากตามอัธยาศัยเช่นเดียวกับวัดในเกียวโตครับ
มาดูประวัติของวัดอาซากุสะนี้กันบ้างครับ ..วัดเซ็นโซจิ หรือรู้จักกันดีในชื่อวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple) เป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมองค์เล็กเพียง 5 นิ้ว ตามตำนานเล่าว่ามีชาวประมงสองพี่น้อง ได้ทอดแหติดมาที่แม่น้ำซูมิดะ แม้จะทิ้งลงสู่แม่น้ำกี่ครั้ง ก็จะทอดติดแหของพวกเขาขึ้นมาทุกที จึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นมาให้เป็นที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม วัดเซ็นโซจิ เป็นวัดพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียวและอยู่คู่กับกรุงโตเกียวมาตั้งแต่ พ.ศ. 1171 มีพื้นที่กว้างขวางและใหญ่ที่สุดในโตเกียว ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนรู้จักกันดี
(ที่มา : http://www.palungdham.com/t252.html)
ผมใช้เวลานั่งเล่นอยู่ที่วัดร่วมๆ สองชั่วโมงก็ได้เวลาเดินทางต่อครับ ซึ่งจุดหมายต่อไปก็คือริมแม่น้ำซูมิดะ ซึ่งสามารถมองเห็น Tokyo Sky Tree ได้ชัดๆครับ
เดินขึ้นมาแล้วครับ เริ่มมองเห็น Tokyo Sky Tree ชัดๆละ
หันไปด้านข้างก็จะมีทางเดินรอบแม่น้ำซูมิดะครับ
โตเกียวสกายทรี หรือเรียก โตเกียวทาวเวอร์แห่งใหม่ (New Tokyo Tower) เป็นหอกระจายคลื่นตั้งอยู่ที่เขตซุมิดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และ ได้กลายเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ที่ความสูง 634 เมตร โดยในปัจจุบัน โตเกียวทาวเวอร์ (สูง 333 เมตร) มีความสูงไม่พอที่จะส่งสัญญาณคลื่นโทรทัศน์แบบดิจิตอลให้ครอบคลุม เนื่องจากมีอาคารและตึกสูงจำนวนมากสร้างขึ้นบังสัญญาณบริเวณใจกลางเมือง จึงมีโครงการก่อสร้างโตเกียวสกายทรีขึ้น (ที่มา : https://th.wikipedia.org)
หลังจากเดินเล่นริมน้ำอยู่ประมาณ 15 นาที ก็ได้เวลาเดินทางต่อละ เป้าหมายต่อไปของผมคือ Ebisu Garden Place ตอนนี้กำลังเดินทางกลับสถานีอยู่ครับ
การเดินทางมายัง Ebisu Garden Place ก็สามารถมาโดย JR ได้เลยครับ ลงที่สถานี JR Ebisu หลังจากนั้นจะมีทางเชื่อมไปถึงหน้าสวนเลย แต่ผมไม่รู้เดินไปอีกทางนึง (อ้อมมาก) แต่ได้เดินชมวิวบ้านเรือนไปด้วยครับ 555+
หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่นาน ก็มาถึงละครับ เห็นยอดตึกแว่บๆละ
เดินเข้ามาปุ๊ป ตึกแรกที่เห็นเลย Ebisu Garden Place
เดินไปด้านหลังครับจะเจอ Sapporo Beer Station ราคาแพงเว่อร์ ขอถ่ายรูปพอ เข้าไปกินไม่ไหว 555
รอบๆสวนบรรยากาศดีมากครับ เหมาะแก่การถ่ายรูป และเดินเล่นเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นเดินไปด้านข้างของสวน จะมีห้างสรรพสินค้าครับ Ebisu Glass Square ตรงชั้นสองจะมีระเบียงให้ถ่ายรูปลงมา สวยทีเดียวครับ
จากนั้นเดินไป Yebisu Beer Museum ด้วยความหวังว่าจะมาชิมเบียร์ แต่ก็ต้องผิดหวังครับ วันนี้ปิดซะงั้น !!
ผมใช้เวลาที่ Ebisu Garden Place ประมาณ 1ชั่วโมงครับ หลังจากนั้นเดินทางต่อไปยังสถานีใกล้ๆกัน นั่นก็คือสถานีชิบุย่า อันมีห้าแยกอันแสนวุ่นวายตั้งอยู่ ไม่ได้มาสองปีแล้ว ผู้คนยังเยอะเหมือนเดิมครับ
จากมุมนี้มองไปด้านล่างจะเห็นอนุเสาวรีย์เจ้าหมาน้อยฮาจิโกะ ซึ่งเป็นจุดนัดพบของคนญี่ปุ่น คล้ายๆน้ำพุเซ็นเตอร์พ๊อย์ เป็นต้น