เรียนมหาวิยาลัยเหนื่อยนะครับ ถ้าไม่มีเงิน

ตอนนี้ผมศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลังแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ผมเรียนสายภาษาครับ ผมชอบภาษามาก แต่ความจริงแล้วผมอยากเรียนอักษรมากกว่า ผมเลยตัดสินใจดรอปเรียนหนึ่งปีเพื่ออ่านหนังสือและระหว่างนี้ก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟไปด้วยครับเพื่อหาเงินเรียนเพราะบ้านของผมค่อนข้างยากจนผมเลยต้องหาเงินบางส่วน และช่วยเหลือแม่ในเรื่องค่าใช้จ่ายในบางครั้ง อีกอย่างผมและแม่ไม่ค่อยมีญาติและไม่มีใครค่อยช่วยนอกจากตัวเองหรือถ้าไปขอความช่วยเหลือก็คงไม่ได้เพราะพวกเขาก็มีปัญหาเหมือนกัน

ผมและแม่เลยต้องต่อสู้ด้วยกันสองคนครับ แต่ก็ไม่ติดมาติดมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังเรียนอยู่แทน พอผมเข้ามาแล้วผมรู้สึกชอบนะครับ วิชาที่เรียนก็ค่อนข้างดีอาจไม่หนักเท่าที่คิดไว้ และเรียนค่อนข้างสบายต่างจาก ม.ปลายมากๆ(ผมเรียนจบวิทย์-คณิตครับ) แต่สังคมรอบตัวไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ ระบบมหาวิทยาลัยบังคับให้ผมทำกิจกรรม ซึ่งทำให้ผมต้องล่ออกจากงานเพราะมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมที่ทำถึงดึง ทำให้ผมไม่มีเวลาในการทำงาน ซึ่งผมโอเคตรงนี้เพราะผมก็ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ และผมไม่ได้อยู่หอเพราะผมอยู่จังหวัดเดียวกับมหาวิทยาลัยเลยใช้การเดินทางไปกลับ อีกอย่างผมคิดว่าถ้าอยู่ในบ้านเวลาหมดกิจกรรมจะได้กลับไปทำงานสบายๆ ในช่วงแรกลำบากมากครับกลับดึกแม่ต้องยืมรถมอเตอร์ไซค์เพื่อนบ้านมาเพื่อรับผม เพราะกิจกรรมเลิกดึก ค่าแท็กซี่แพง และบ้านผมมีเพียงมอเตอร์ไซค์คันเดียวที่เป็นยานพาหนะและรถค่อนข้างสภาพไม่ดี ทำให้ไม่สามารถมารับส่งผมได้ ผมก็เป็นห่วงแม่ แม่ก็เป็นห่วงผม โชคดีระยะเวลากิจกรรมไม่กี่วันก็เลยผ่านพ้นไปได้ พอมาถึงกิจกรรมอื่นๆเช่น กีฬาที่ต้องซ้อมดึก และกิจกรรมหลายๆอย่าง พอผ่านพ้นไปหมดแล้วพร้อมหมดเทอมหนึ่ง ผมรู้สึกโล่งใจจนตัดสินใจกลับไปทำงานที่เดิม ซึ่งโชคดีมากที่เจ้านายเขาให้ผมทำเป็นพาร์ทไทม์ได้ และตอนนี้ที่ผมเริ่มไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย ขอเล่าก่อนนะครับว่ากิจกรรมมหาวิทยาลัยไม่บังคับตรงๆแต่มีผลต่อตอนที่คุณเรียนจบแน่นอน คุณจะทำยังไงก็ได้ให้มีหน่วยกิจกรรม ให้ครบกำหนดก็พอ ซึ่งผมว่ามันไม่ได้เยอะอะไรเลย แต่ผมจะเลือกกิจกรรมที่ไม่กินเวลามากๆ ซึ่งที่มีเข้ามาล้วนกระทบต่อตอนทำงานของผม ซึ่งถ้าผมไม่ทำงานเงินผมที่ใช้ตอนอยู่มหาวิทยาลับจะน้อยมาก และจะหนักไปที่แม่มากๆเลยครับ ในช่วงเทอมหนึ่งผมลำบากมากจริงๆ ได้เงินไปมหาวิทยาลัยไม่เกิน 70 บาท รวมค่าไปกลับค่าข้าว ซึ่งระหว่างนั้นก็มีจ่ายค่าชีท ค่ากิจกรรมบางส่วนที่อยู่ๆก็เข้ามางงๆ ผมแบบทนไม่ได้จนต้องรอ้งไห้ เพราะ 70 บาทค่ารถ ไปสองต่อ 18 บาท กลับ 18 บาท ค่าข้าว 25-30 ส่วนน้ำผมกรอกเอาไปดื่มเอง คือแต่ล่ะวันแทบหมดเงินจนไม่เหลือไปทำอะไรเลยครับ พอเทอมสองกลับมาทำงาน ผมทำงานแค่วันศุกร์-อาทิตย์ รายได้วันล่ะ 260 บาท ซึ่งมันก็โอเคที่ทำให้ผมใช้ชีวิตมาได้ แต่ก็ต้องแลกที่จะไม่ทำกิจกรรมเลย
  
ส่วนทุนและกยศ ขอยากและใช้เวลามากครับ ค่าเทอมผมต้องออกเอง 10000 บาท ในเทอมแรก ลำบากมากวิ่งหากันจนเหนื่อยเลยครับ ส่วนทุนที่ขอไปกับคณะ ขอยากมาก เพราะเขาดูหลายๆอย่าง เทอมแรกปีหนึ่งเขาไม่ได้ดูอะไรมาก แต่ตอนเทอม 2 ตอนสัมภาษณ์ทุนคณะ กรรมการสัมภาษณ์ทุนค่อนข้างไม่โอเคหลายอย่าง เช่น เขาบอกว่าเราควรทำกิจกรรมเยอะกว่านี้เพื่อจะได้เปลี่ยนแนวคิดอย่าเอาแต่เรียน(หน่วยกิจกรรมผมน้อยเมื่อเทียบกับคนอื่น)  ซึ่งผมก็แจ้งไปแล้วว่าทำงานและพยายามจะหากิจกรรมที่ไม่กระทบกับงานซึ่งยังไม่มี เขาก็พูดประโยคเดิม แล้วเรื่องบ้านพวกเขาดูแปลกใจมากที่ผมอยู่บ้านเช่ากับแม่ อธิบายก่อนว่า พวกเราสองคนแม่ลูกแทบไม่มีหลักทรัพย์อะไรเลย คือไม่มีที่ดิน ไม่มีบ้าน ดังนั้นบ้านก็ยังเช่าอยู่ ซึ่งกรรมการก็บอกว่าทำไมไม่ซื้อแล้วผ่อน ผมเลยบอกว่าไม่มีเงินมากพอที่จะดาวน์บ้านหรอกครับ แต่เขาก็พูดแต่ว่าผ่อนบ้านดีกว่าเช่าบ้าน ทำไมไม่ผ่อนล่ะไม่มีหลักทรัพย์อะไรเลยหรอ ผมก็ได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง สุดท้ายก็จบสัมภาษณ์ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ผลว่าเทอมนี้จะได้ทุนไหม เพราะเทอมที่แล้วได้มาก็ช่วยผมได้เยอะ(แต่สัมภาษณ์ต้นเทอมได้เงินปลายเทอม) แต่เทอมนี้ผมไม่หวังเลยเมื่อดูจากการสัมภาษณ์แล้ว สุดท้ายทุนที่บอกว่าให้สำหรับเด็กยากจน คนที่ได้ผ่านเข้าสัมภาษณ์ดันเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีฐานะ(อันนี้ผมรู้จักเขาและตัวเขามีการใช้ของที่บ่งบอกได้เลยว่ามีฐานะ แต่เขาทำกิจกรรมเยอะกว่าผมนะ) ซึ่งผมก็แอบน้อยใจมากๆเลยไม่หวังอะไรแล้ว 55555
  
และอีกเรื่องคือพอเรียนเทอมสองแล้วผมรู้สึกเบื่อกับทุกๆอย่างและวิชาเรียนก็เริ่มไม่ใช่แนวทางเท่าไหร่ เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยมีความคิดอยากซิ่ว แต่ก็ไม่มีเงินมากพอที่จะทำแบบนั้นได้ อีกอย่างผมเป็นหนี้บุญคุณอาจารย์ที่เขาค่อยช่วยเหลือผม ตอนที่ผมกับแม่ค้างค่าบ้านเช่า3เดือน จนเกือบโดนไล่ออก ต้องขอบคุณอาจารย์ท่านนั้นจริงๆครับ และผมก็ต้องหาเวลาว่างไปเก็บกิจกรรมจิตอาสาเพื่อที่จะได้กู้กยศปีถัดไปครับ 55555
  สุดท้ายกระทู้นี้เป็นกระทู้ระบายความรู้สึกของผมตลอดระยะเวลาในชีวิตมหาวิทยาลัยช่วงปีที่หนึ่ง รู้สึกสนุกนะครับถึงจะรู้สึกเหนื่อยใจและปวดหัวบ้าง แต่ก็มีความสุขนิดหน่อย เพื่อนที่ค่อนข้างโอเคบ้างไม่โอเคบ้าง ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่