Hidden Figures : ทีมเงาอัจฉริยะ
“ สู้ต่อไปท่ามกลางขวากหนาม จะต้องมีสักวันที่เราเป็นผู้ชนะ ”
Hidden Figures คือ หนังอีกเรื่องที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและก็เป็นม้ามืดพอสมควร ด้วยตัวเนื้อหาที่เน้นประเด็นไปที่เรื่องการเหยียดสีผิว (ซึ่งก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่นิยมยกมาใช้ในหนัง) รวมถึงหนังยังสร้างมาจากเรื่องซึ่งเป็นเรื่องราวของ 3 หญิงสาวผู้บุกเบิกและพัฒนาวงการอวกาศสหรัฐในยุคสงครามเย็น
Hidden Figures ได้รับการกำกับโดย
Theodore Melfi มีเนื้อหาเกี่ยวกับสตรี 3 คน ในยุคสงครามเย็นที่มีการแข่งขันการพัฒนาด้านอวกาศอย่างดุเดือดระหว่างอเมริกาและโซเวียต ซึ่งฝ่ายที่นำอยู่ในขณะนั้นคือโซเวียต อเมริกายอมไม่ได้ที่จะต้องเป็นพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนรักประเทศนี้ ความกดดันทั้งหมดจึงมาลงที่
NASA (องค์กรด้านอวกาศของสหรัฐ) ทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้สามารถส่งยานอวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลกได้
เนื้อเรื่องหลักก็อยู่ที่การฟันฝ่าอุปสรรคของสตรีผิวสี 3 คนนี้
Katherine Goble คณิตกรผู้เก่งในการคำนวณฟิสิกส์ ,
Mary Jackson คณิตกรผู้เชี่ยวชาญในด้านงานวิศวกรรม ,
Dorothy Vaughan หัวหน้าคณิตกรผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 คนต้องแบกรับความกดดัน ในขณะเดียวกันพวกเธอก็ต้องโดนเหยียดทั้งเรื่องเพศและสีผิว พวกเธอไม่ยอมแพ้และยังสู้ต่อไปในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอวกาศคนสำคัญของ
NASA ซึ่งใน Hidden Figures นี้ จะเน้นเนื้อเรื่องหลักไปอยู่ที่ชีวิตของ
Katherine Goble (Taraji P. Henson)
Hidden Figures : สนุก ให้ความรู้ & แรงบันดาลใจ
Hidden Figures ถือว่าเป็นหนังที่ดีและสนุกเรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังให้แรงบันดาลใจแก่ผู้ชม หนังมีเนื้อเรื่องดีน่าสนใจ ในแง่ของการได้รู้เกี่ยวกับชีวิตนักวิทยาศาสตร์ในยุคการแข่งขันด้านอวกาศของ NASA ว่าเขาทำงานอย่างไร นอกจากต้องเผชิญกับความกดดันจากการทำงานแล้ว สตรีทั้งสามยังต้องเผชิญกับการโดนเหยียดสีผิวในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังแสดงออกกันอย่างชัดเจนและในยุคนั้น การทำงานในวงการวิทยาศาสตร์ ยังเน้นไปที่ผู้ชายมากกว่า ทั้งสามคนต้องสู้เพื่ออิสรภาพในการทำงานและยังต้องสู้ชีวิตเพื่อทำให้โลกเห็นว่าสีผิวและเพศไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากมีความรู้ ความสามารถ
หนังยังน่าสนใจในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราวการทำงานในยุคที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ การคำนวณสมการทั้งหมดต้องคำนวณมือ NASA จึงต้องมีตำแหน่งนักคณิตกรขึ้นมา เพื่อมีหน้าที่เป็นเครื่องคิดเลข คอยช่วยคิดเลขให้กับนักวิทยาศาสตร์หลักได้ทำงานกันต่อไป หากลองมองดูในจุดนี้ ก็จะพบว่าตำแหน่งนี้เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ถูกลืม จากการเปลี่ยนยุคสมัยไปเป็นยุคคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ในยุคที่คอมพิวเตอร์เพิ่งเริ่มจะถูกนำมาใช้ เหล่านักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ คณิตกร ช่วยกันคำนวณและสร้างยานอวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จ
(โครงการ Mercury 7) รวมถึงยังต่อด้วยโครงการ
Apollo 11 ส่ง
Neil Armstrong ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ หนังจะช่วยเปิดแง่มุมเหล่านี้ให้กับเรา ทำให้เรามองเห็นภาพของชีวิตและความเหนื่อยยากของคนในยุคนั้นมากขึ้น
ในเรื่องการดำเนินเรื่อง ก็ถือว่าหนังทำได้สนุก รวดเร็ว ไม่น่าเบื่อเลย มีอารมณ์สนุก อารมณ์ดราม่า อารมณ์ตลกในบางเวลาและอารมณ์ประทับใจ เรียกได้ว่าครบทุกรส ทุกอารมณ์ แถมยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ทุกคนดูได้ ยิ่งโดยเฉพาะคนที่สนใจด้านอวกาศหรือวิทยาศาสตร์
Hidden Figures ก็จะช่วยตอบโจทย์และสร้างแรงบันดาลใจให้ได้ ส่วน Production กับ Costume ก็ทำได้ดี ดูสมจริงให้บรรยากาศคล้ายยุคนั้นดี
จุดที่เป็นข้อเสียของหนังใหญ่ๆ (ในมุมองของผมนะครับ) คงเป็นความรู้สึกที่รู้สึกว่าหนังดูเป็นไปตามสูตรสำเร็จมากเกินไป หนังเป็นไปตามสูตรแบบพอเดาได้ว่ามันจะจบยังไง รวมถึงหนังยังพยายามเน้นประเด็นดราม่าเรื่องสีผิวซ้ำไป ซ้ำมาแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนวิธีการเล่าเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าในจุดๆนี้ หนังดูจะดร็อบลงไปหน่อย (หรือว่าผมเคยดูหนังแนวนี้ผ่านตามาแล้ว ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นมากก็ไม่รู้) อีกจุดที่ผมคิดว่าหนังน่าจะพยายามลงมากกว่านี้ คือ การเน้นรายละเอียดด้านคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ เพื่อเน้นย้ำหนังให้มีรายละเอียดหนักแน่นยิ่งขึ้น รวมถึงรายละเอียดบางอย่างรู้สึกว่าไม่ละเอียดพอ (อย่างบทคนรักของแคทเธอรีน ผมก็รู้สึกว่าบทน้อยไปหน่อย) เหตุนี้ Hidden Figures ก็เลยกลายเป็นหนังลูกผสมระหว่างหนังแนวอัตชีวประวัติ หนังชีวิต หนังเรื่องการเหยียดผิวแล้วก็หนังแนววิทยาศาสตร์ ด้วยแนวที่หลากหลายเช่นนี้ ก็เลยอาจทำให้หนังดูไม่ชัดเจนว่าจะไปสุดทางในด้านไหน
แต่ถ้ามองกลับกันในแง่ดีก็ได้นะครับ เพราะ ด้วยความที่หนังเน้นไปทางหนังแนวชีวิต มันจึงทำให้หนังดูง่ายขึ้นกว่าการที่ไปเน้นเป็นหนังวิทยาศาสตร์และประเด็นดราม่าที่เล่าซ้ำไป ซ้ำมา ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากและไม่ได้ดราม่าหนักๆ จนคนดูเหนื่อยใจ ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง
Hidden Figures ก็ถือเป็นหนังที่คนดูได้ทุกคนและดูง่าย ไม่ปวดหัว ปวดตับเหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ
นักแสดง
ในส่วนนักแสดงหลัก ประทับใจนักแสดงนำทั้ง 3 คนเลย โดยเฉพาะ
Taraji P. Henson (Katherine Goble) เพราะ เรื่องราวเน้นไปที่ชีวิตเธอซะส่วนใหญ่ รู้สึกว่าเธอแสดงได้ดี ยิ่งตอนฉากระเบิดอารมณ์เรื่องห้องน้ำ ถือว่าแสดงได้ดีมาก (แต่ก็เสียดายที่รู้สึกฉากแสดงเค้นๆอารมณ์ มีไม่เยอะ) ส่วนนักแสดงอีกสองคนก็แสดงได้ดีคุณภาพตามมาตรฐาน คิดว่าถ้าคุณภาพการแสดงของทั้ง 3 คน ดร็อบลงกว่านี้ หนังก็คงจะอ่อนลงเยอะ โอกาสที่จะมาเข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็คงไม่มี
(Octavia Spencer ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง)
ที่ชอบเป็นพิเศษอีกคนหนึ่ง ก็คือ
Kevin Costner ในบทผู้อำนวยการ
Al Harrison ที่ช่วยเติมเต็มหนังให้สมบูรณ์ ช่วยเสริมองค์ประกอบหนังและสามารถรับส่งบทแคทเทอรีนอย่างราบเรียบ ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ : บรรยากาศดนตรีแบบยุค ’60 ที่เสริมหนังได้เป็นอย่างดี
Pharrell Williams - Runnin' (Audio)
Hidden Figures ได้รับการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์โดย
Hans Zimmer , Pharrell Williams และ Benjamin Wallfisch ซึ่งหลังจากที่ผมได้ลองสังเกตดนตรีภาพยนตร์และเห็นชื่อของ
Hans Zimmer ก็ไม่แปลกใจที่หนังทำดนตรีออกมาได้ดี เพราะ ลุงแก คือ นักประพันธ์ระดับ Professor แห่งวงการดนตรีประกอบภาพยนตร์ (
Hidden Figures ยังได้เข้าชิง
Best Original Score - Motion Picture ของลูกโลกทองคำอีกด้วย)
Pharrell Williams - Crave (Audio)
Pharrell Williams - Able (Audio)
ไฮไลท์ของดนตรีอยู่ที่
'ดนตรีแบบยุค 60' ซึ่งทำนองและสไตล์เพลงดนตรีแบบนี้ในบรรยากาศสนุกสนาน ช่วยสร้างอารมณ์ยุค 60 ได้เป็นอย่างดี แถมยังดูสร้างสรรค์ จังหวะทำนองที่สนุก ลื่นไหล สอดคล้องกับแนวหนังที่เป็นหนังชีวประวัติแบบที่ไม่ได้เน้นดราม่าชวนหนักหัวอะไรมาก ดนตรีประกอบทำให้หนังมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ส่วนในจังหวะดราม่าและจังหวะอื่นๆ ก็ทำได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
Hidden Figures (2016) Full Soundtrack
สรุป
Hidden Figures สำหรับผมให้ 8/10
(ดูสนุกตามสูตรสำเร็จและได้ความรู้ แรงบันดาลใจ) Hidden Figures คือ หนังดีที่สนุกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วได้ความรู้ ได้แรงบันดาลใจ หนังให้แนวคิดมุมมองเกี่ยวกับเรื่องการเหยียดเพศและชีวิตของคณิตกรในยุคนั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ปิดทองหลังพระที่ทุกคนไม่ได้นึกถึงกัน หนังมีครบทุกรส ทั้งสนุก ดราม่า ตลก ฟีลกู๊ดและอารมณ์ประทับใจตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ จึงทำให้ Hidden Figures เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย การดำเนินเรื่องฉับไว ไม่น่าเบื่อ ผสมผสานกับดนตรีประกอบอันโดดเด่นแบบบรรยากาศยุค '60
หากคุณต้องการดูหนังชีวิต หนังเรื่องสีผิว หนังวิทยาศาสตร์ ที่สนุก ตลก ซึ้ง ดราม่า ประทับใจ คุณจะต้องไม่พลาด Hidden Figures แถมถ้าคุณเป็นคอหนังรางวัลออสการ์ Hidden Figures คือ หนึ่งในผู้ท้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ประจำปีนี้
“ สู้ต่อไปท่ามกลางขวากหนาม จะต้องมีสักวันที่เราเป็นผู้ชนะ ”
8/10
----------------------------------------------------------------------
Hidden Figures (2016) (Imdb)
The story of a team of African-American women mathematicians who served a vital role in NASA during the early years of the US space program.
Director: Theodore Melfi
Writers: Allison Schroeder (screenplay), Theodore Melfi (screenplay) | 1 more credit »
Stars: Taraji P. Henson, Octavia Spencer, Janelle Monáe | See full cast & crew »
----------------------------------------------------------------------
ป.ล. ชอบฉากไหน ประทับใจช็อตใด หรือเรื่อง Oscar ก็มาคุยกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากที่ผมชอบที่สุด ก็คือ ฉากระเบิดอารมณ์เรื่องห้องน้ำครับ
ป.ล.2 หากชอบรีวิวหรืออยากติดตามพูดคุย สามารถติดตามได้ทาง Facebook อีกช่องทางนะครับ
[SR] (Review) Hidden Figures (2016) : ในวันที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ NASA จะส่งยานขึ้นอวกาศอย่างไร?
Hidden Figures คือ หนังอีกเรื่องที่ได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและก็เป็นม้ามืดพอสมควร ด้วยตัวเนื้อหาที่เน้นประเด็นไปที่เรื่องการเหยียดสีผิว (ซึ่งก็เป็นหนึ่งในประเด็นที่นิยมยกมาใช้ในหนัง) รวมถึงหนังยังสร้างมาจากเรื่องซึ่งเป็นเรื่องราวของ 3 หญิงสาวผู้บุกเบิกและพัฒนาวงการอวกาศสหรัฐในยุคสงครามเย็น
Hidden Figures ได้รับการกำกับโดย Theodore Melfi มีเนื้อหาเกี่ยวกับสตรี 3 คน ในยุคสงครามเย็นที่มีการแข่งขันการพัฒนาด้านอวกาศอย่างดุเดือดระหว่างอเมริกาและโซเวียต ซึ่งฝ่ายที่นำอยู่ในขณะนั้นคือโซเวียต อเมริกายอมไม่ได้ที่จะต้องเป็นพ่ายแพ้ให้กับเพื่อนรักประเทศนี้ ความกดดันทั้งหมดจึงมาลงที่ NASA (องค์กรด้านอวกาศของสหรัฐ) ทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อให้สามารถส่งยานอวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลกได้
เนื้อเรื่องหลักก็อยู่ที่การฟันฝ่าอุปสรรคของสตรีผิวสี 3 คนนี้ Katherine Goble คณิตกรผู้เก่งในการคำนวณฟิสิกส์ , Mary Jackson คณิตกรผู้เชี่ยวชาญในด้านงานวิศวกรรม , Dorothy Vaughan หัวหน้าคณิตกรผู้บุกเบิกด้านคอมพิวเตอร์ ทั้ง 3 คนต้องแบกรับความกดดัน ในขณะเดียวกันพวกเธอก็ต้องโดนเหยียดทั้งเรื่องเพศและสีผิว พวกเธอไม่ยอมแพ้และยังสู้ต่อไปในสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น จนได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอวกาศคนสำคัญของ NASA ซึ่งใน Hidden Figures นี้ จะเน้นเนื้อเรื่องหลักไปอยู่ที่ชีวิตของ Katherine Goble (Taraji P. Henson)
Hidden Figures : สนุก ให้ความรู้ & แรงบันดาลใจ
Hidden Figures ถือว่าเป็นหนังที่ดีและสนุกเรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังให้แรงบันดาลใจแก่ผู้ชม หนังมีเนื้อเรื่องดีน่าสนใจ ในแง่ของการได้รู้เกี่ยวกับชีวิตนักวิทยาศาสตร์ในยุคการแข่งขันด้านอวกาศของ NASA ว่าเขาทำงานอย่างไร นอกจากต้องเผชิญกับความกดดันจากการทำงานแล้ว สตรีทั้งสามยังต้องเผชิญกับการโดนเหยียดสีผิวในยุคที่การแบ่งแยกสีผิวยังแสดงออกกันอย่างชัดเจนและในยุคนั้น การทำงานในวงการวิทยาศาสตร์ ยังเน้นไปที่ผู้ชายมากกว่า ทั้งสามคนต้องสู้เพื่ออิสรภาพในการทำงานและยังต้องสู้ชีวิตเพื่อทำให้โลกเห็นว่าสีผิวและเพศไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากมีความรู้ ความสามารถ
หนังยังน่าสนใจในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราวการทำงานในยุคที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ การคำนวณสมการทั้งหมดต้องคำนวณมือ NASA จึงต้องมีตำแหน่งนักคณิตกรขึ้นมา เพื่อมีหน้าที่เป็นเครื่องคิดเลข คอยช่วยคิดเลขให้กับนักวิทยาศาสตร์หลักได้ทำงานกันต่อไป หากลองมองดูในจุดนี้ ก็จะพบว่าตำแหน่งนี้เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่ถูกลืม จากการเปลี่ยนยุคสมัยไปเป็นยุคคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ ในยุคที่คอมพิวเตอร์เพิ่งเริ่มจะถูกนำมาใช้ เหล่านักวิทยาศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ คณิตกร ช่วยกันคำนวณและสร้างยานอวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลกได้สำเร็จ (โครงการ Mercury 7) รวมถึงยังต่อด้วยโครงการ Apollo 11 ส่ง Neil Armstrong ขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จ หนังจะช่วยเปิดแง่มุมเหล่านี้ให้กับเรา ทำให้เรามองเห็นภาพของชีวิตและความเหนื่อยยากของคนในยุคนั้นมากขึ้น
ในเรื่องการดำเนินเรื่อง ก็ถือว่าหนังทำได้สนุก รวดเร็ว ไม่น่าเบื่อเลย มีอารมณ์สนุก อารมณ์ดราม่า อารมณ์ตลกในบางเวลาและอารมณ์ประทับใจ เรียกได้ว่าครบทุกรส ทุกอารมณ์ แถมยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ทุกคนดูได้ ยิ่งโดยเฉพาะคนที่สนใจด้านอวกาศหรือวิทยาศาสตร์ Hidden Figures ก็จะช่วยตอบโจทย์และสร้างแรงบันดาลใจให้ได้ ส่วน Production กับ Costume ก็ทำได้ดี ดูสมจริงให้บรรยากาศคล้ายยุคนั้นดี
จุดที่เป็นข้อเสียของหนังใหญ่ๆ (ในมุมองของผมนะครับ) คงเป็นความรู้สึกที่รู้สึกว่าหนังดูเป็นไปตามสูตรสำเร็จมากเกินไป หนังเป็นไปตามสูตรแบบพอเดาได้ว่ามันจะจบยังไง รวมถึงหนังยังพยายามเน้นประเด็นดราม่าเรื่องสีผิวซ้ำไป ซ้ำมาแบบเดิมๆ ไม่เปลี่ยนวิธีการเล่าเลย ผมก็เลยรู้สึกว่าในจุดๆนี้ หนังดูจะดร็อบลงไปหน่อย (หรือว่าผมเคยดูหนังแนวนี้ผ่านตามาแล้ว ก็เลยไม่ได้ตื่นเต้นมากก็ไม่รู้) อีกจุดที่ผมคิดว่าหนังน่าจะพยายามลงมากกว่านี้ คือ การเน้นรายละเอียดด้านคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ เพื่อเน้นย้ำหนังให้มีรายละเอียดหนักแน่นยิ่งขึ้น รวมถึงรายละเอียดบางอย่างรู้สึกว่าไม่ละเอียดพอ (อย่างบทคนรักของแคทเธอรีน ผมก็รู้สึกว่าบทน้อยไปหน่อย) เหตุนี้ Hidden Figures ก็เลยกลายเป็นหนังลูกผสมระหว่างหนังแนวอัตชีวประวัติ หนังชีวิต หนังเรื่องการเหยียดผิวแล้วก็หนังแนววิทยาศาสตร์ ด้วยแนวที่หลากหลายเช่นนี้ ก็เลยอาจทำให้หนังดูไม่ชัดเจนว่าจะไปสุดทางในด้านไหน
แต่ถ้ามองกลับกันในแง่ดีก็ได้นะครับ เพราะ ด้วยความที่หนังเน้นไปทางหนังแนวชีวิต มันจึงทำให้หนังดูง่ายขึ้นกว่าการที่ไปเน้นเป็นหนังวิทยาศาสตร์และประเด็นดราม่าที่เล่าซ้ำไป ซ้ำมา ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากและไม่ได้ดราม่าหนักๆ จนคนดูเหนื่อยใจ ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง Hidden Figures ก็ถือเป็นหนังที่คนดูได้ทุกคนและดูง่าย ไม่ปวดหัว ปวดตับเหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ
นักแสดง
ในส่วนนักแสดงหลัก ประทับใจนักแสดงนำทั้ง 3 คนเลย โดยเฉพาะ Taraji P. Henson (Katherine Goble) เพราะ เรื่องราวเน้นไปที่ชีวิตเธอซะส่วนใหญ่ รู้สึกว่าเธอแสดงได้ดี ยิ่งตอนฉากระเบิดอารมณ์เรื่องห้องน้ำ ถือว่าแสดงได้ดีมาก (แต่ก็เสียดายที่รู้สึกฉากแสดงเค้นๆอารมณ์ มีไม่เยอะ) ส่วนนักแสดงอีกสองคนก็แสดงได้ดีคุณภาพตามมาตรฐาน คิดว่าถ้าคุณภาพการแสดงของทั้ง 3 คน ดร็อบลงกว่านี้ หนังก็คงจะอ่อนลงเยอะ โอกาสที่จะมาเข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็คงไม่มี (Octavia Spencer ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิง)
ที่ชอบเป็นพิเศษอีกคนหนึ่ง ก็คือ Kevin Costner ในบทผู้อำนวยการ Al Harrison ที่ช่วยเติมเต็มหนังให้สมบูรณ์ ช่วยเสริมองค์ประกอบหนังและสามารถรับส่งบทแคทเทอรีนอย่างราบเรียบ ทำให้หนังสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ : บรรยากาศดนตรีแบบยุค ’60 ที่เสริมหนังได้เป็นอย่างดี
Hidden Figures ได้รับการประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์โดย Hans Zimmer , Pharrell Williams และ Benjamin Wallfisch ซึ่งหลังจากที่ผมได้ลองสังเกตดนตรีภาพยนตร์และเห็นชื่อของ Hans Zimmer ก็ไม่แปลกใจที่หนังทำดนตรีออกมาได้ดี เพราะ ลุงแก คือ นักประพันธ์ระดับ Professor แห่งวงการดนตรีประกอบภาพยนตร์ ( Hidden Figures ยังได้เข้าชิง Best Original Score - Motion Picture ของลูกโลกทองคำอีกด้วย)
ไฮไลท์ของดนตรีอยู่ที่ 'ดนตรีแบบยุค 60' ซึ่งทำนองและสไตล์เพลงดนตรีแบบนี้ในบรรยากาศสนุกสนาน ช่วยสร้างอารมณ์ยุค 60 ได้เป็นอย่างดี แถมยังดูสร้างสรรค์ จังหวะทำนองที่สนุก ลื่นไหล สอดคล้องกับแนวหนังที่เป็นหนังชีวประวัติแบบที่ไม่ได้เน้นดราม่าชวนหนักหัวอะไรมาก ดนตรีประกอบทำให้หนังมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ส่วนในจังหวะดราม่าและจังหวะอื่นๆ ก็ทำได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
สรุป
Hidden Figures สำหรับผมให้ 8/10 (ดูสนุกตามสูตรสำเร็จและได้ความรู้ แรงบันดาลใจ) Hidden Figures คือ หนังดีที่สนุกเรื่องหนึ่ง ที่ดูแล้วได้ความรู้ ได้แรงบันดาลใจ หนังให้แนวคิดมุมมองเกี่ยวกับเรื่องการเหยียดเพศและชีวิตของคณิตกรในยุคนั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ปิดทองหลังพระที่ทุกคนไม่ได้นึกถึงกัน หนังมีครบทุกรส ทั้งสนุก ดราม่า ตลก ฟีลกู๊ดและอารมณ์ประทับใจตามสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ จึงทำให้ Hidden Figures เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศ ทุกวัย การดำเนินเรื่องฉับไว ไม่น่าเบื่อ ผสมผสานกับดนตรีประกอบอันโดดเด่นแบบบรรยากาศยุค '60
หากคุณต้องการดูหนังชีวิต หนังเรื่องสีผิว หนังวิทยาศาสตร์ ที่สนุก ตลก ซึ้ง ดราม่า ประทับใจ คุณจะต้องไม่พลาด Hidden Figures แถมถ้าคุณเป็นคอหนังรางวัลออสการ์ Hidden Figures คือ หนึ่งในผู้ท้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมออสการ์ประจำปีนี้
Hidden Figures (2016) (Imdb)
The story of a team of African-American women mathematicians who served a vital role in NASA during the early years of the US space program.
Director: Theodore Melfi
Writers: Allison Schroeder (screenplay), Theodore Melfi (screenplay) | 1 more credit »
Stars: Taraji P. Henson, Octavia Spencer, Janelle Monáe | See full cast & crew »
ป.ล. ชอบฉากไหน ประทับใจช็อตใด หรือเรื่อง Oscar ก็มาคุยกันได้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ป.ล.2 หากชอบรีวิวหรืออยากติดตามพูดคุย สามารถติดตามได้ทาง Facebook อีกช่องทางนะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น