ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า ในปีที่หนังเรื่องนี้ออกฉายในเมืองไทย ผมพลาดไม่ได้ชม และเพิ่งจะได้มาดูจากทาง ช่อง โมโน 29 และ อยากจะรีวิว แม้จะย้อนหลังไปมากก็ตาม เพราะเป็นหนังที่ให้มุมมอง แง่คิด รวมถึงที่สำคัญ ความรู้สึกของบทภาพยนตร์ที่บวกกับการแสดงที่ยอดเยี่ยม ตัดต่อภาพดี ให้อารมณ์ร่วมแบบเข้าถึง ในอารมณ์ของผมในการชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
หนังสร้างจากเรื่องจริง ของ โดโรธี วอห์น แมรี่ แจ็คสัน และ แคทเธอรีน โกเบิล สามสาวผิวสี ที่ทำงานให้กับนาซ่า แบบ ลูกจ้างชั่วคราว หรือ เรียกกันง่ายๆ ไม่ใช่ข้าราชการ ของรัฐบาลแต่อย่างใด ซึ่งเริ่มเรื่องก็เรียกรอยยิ้มได้ เมื่อสามสาวรถเสีย และ มีตำรวจ ผิวขาวมาพบ และเริ่มบทสนทนาด้วย อย่างไม่ให้เกียรติสาวๆทั้งสามคน แต่หลังจากนั้น ก็เรียกได้ว่า ฮากันนิดๆ กับ บทพูดที่ แมรี่ แจ็คสัน กล่าวเวลาขับรถตาม คุณตำรวจ เวอร์จิเนีย ไปส่งที่ นาซ่า เพราะ ในยุค ต้น 60 คนอเมริกัน ยังมองคนผิวสีว่าเป็น ประชากรที่ไม่ได้รับการยอมรับให้มีสิทธิ์ในหลายๆอย่างทัดเทียมคนผิวขาว เหมือนกับหนังอย่าง Help , Green Book ( ถ้า ... ดูจบสามเรื่องติด เราคงมีอคติกับ ชนผิวขาวในอเมริกากันพอสมควร )
ตลอดทั้งเรื่อง หนังแสดงให้เห็นชัดเจนถึง การกีดกัน ไม่ให้เกิยรติ์ และปฏิบัติต่อคนที่ผิวสีแตกต่างกัน แบบ 99% จะมียกเว้น ก็ เจ้าหน้าที่ นาซ่า อย่าง หัวหน้า อัล แฮริสัน ( เควิน คอสต์เนอร์ ) ที่ไม่ได้มองคนที่สีผิว แต่มองคนเป็นคน รวมถึงนักบินอวกาศ ที่ขับยาน เมอร์คิวรี่ เซเว่น นอกนั้น ในส่วนของ ผู้หญิงใน นาซ่า อย่าง คุณนาย มิทเชล ( เคอรเท่น ดันท์) ที่แม้จะมีไมตรี พูดจาดี ไม่รังแก แต่ลึกๆ ก็ไม่ยอมรับเหมือนกัน
หนังเดินเรื่องเข้มข้น ทุกฉาก แสดงให้เห็นถึง อัจฉริยะภาพของ สามสาวผิวสี ที่ทำงานด้วยกัน แต่คนละหน้าที่ มีความชำนายแตกต่าง แต่ยังเกื้อหนุนกันได้ดี การรวมตัวรวมกลุ่ม แม้ในวันหยุด ที่โบสถ์ และ รู้จักกันแบบทั้งในเวลางาน และนอกเวลางาน เวลาว่าง ก็ผ่อนคลายกันแบบ คนปกติเขาทำกัน มีเต้นบ้าง คุยเล่นบ้าง คือ นอกจากสีผิวแล้ว พวกเธอมีคุณสมบัติเหมือนคนขาว และคนทั่วโลกที่ฉลาดๆ ทั่วไป
หนังตีแผ่ความจริงที่ผู้ชาย กีดกัน ผู้หญิง และจะแย่กว่านั้น ถ้าเป็นผู้หญิง ผิวสี นาซ่า องค์กรอัจฉริยะ อุดมไปด้วยคนฉลาด แต่หนังก็แสดงให้เห็นถึง คนฉลาดระดับสร้างจรวด ก็เลือกที่รัก มักที่ชัง เหมือนคนโง่ๆทั่วไป และกีดกันถึงขนาดที่เรียกว่า ให้คนมาทำงาน แต่ไม่ให้ข้อมูล เรียกว่า กดหัว กันเต็มที่ แต่ฉากที่ ใหญ่สุดสำหรับผม คงจะเป็น เรื่องของ ไม่มีห้องน้ำ สำหรับคนผิวสี
ฉากนี้ต้องดูครับ ว่าคนเราทำกันได้ถึงขนาดนี้ในยุคสมัยก่อน ซึ่งอาจจะเป็นในทุกประเทศด้วยซ้ำ คงไม่ใช่เฉพาะอเมริกัน ที่กีดกันคนที่มีรากเหง้าเคยเป็นทาส หรือต่ำต้อยกว่า ไม่ให้ใช้แม้แต่กาน้ำชงกาแฟ หรือ ห้องน้ำร่วมกัน มันสะท้านอารมณ์จริงๆ ที่คนเก่งๆ ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
มาถึงตรงนี้ ผมขอแทรกนิดนึง ผมเคยดุสารคดี เกี่ยวกับ เสือ คือ เราคิดว่า เสือ ก็คือเสือ แต่จริงๆ มี เสือโคร่ง เสือจาร์กัวร์ เสือดาว เสือพูม่า ล้วนแตกต่างกันตามวิวัฒนาการ ของแต่ละพื้นที่ แต่ทุกตัวก็คือ สุดยอดวิวัฒน์สำปรับปัจจุบัน เป็นสัตว์ที่ถูกเลือกสรรค์แล้ว โดยธรรมชาติ แต่จะสูญพันธ์ก็เพราะคนไปล่านี่ละครับ
แต่คน ต่างๆ ผมดูสารคดี เกี่ยวกับมนุษย์ สมัยก่อนก็มี หลายเผ่าพันธุ์ มีบางพวก ไหล่แคบ ยิงธนูไม่ได้ พวกนี้สูญพันธ์ หรือ อาจยังมี ตามในพื้นที่ไหนบนโลกผมไม่ทราบ ต่างจากพวกเรา ที่ ไหล่ผาย ยืดหยุ่นแขน ใช้ยิงธนูได้ ซึ่ง คนในทุกประเทศ ปัจจุบัน เหมือนกันหมดแล้ว แตกต่างแค่ รูปร่างหน้าตา ผิวสี แค่นั้นเอง คือจริงๆแล้ว คนยุคปัจจุบัน มีวิวัฒนาการมาทัดเทียมกัน ถือเป็นคนเท่ากัน
รายละเอียดของหนังมีมาก แต่ที่ผมเห็นชัดเจนคือ คนที่มีสติปัญญา และความรู้ อย่าง สามสาวผิวสีในเรื่อง ไม่ยอมให้โชคชะตา กดเธอไว้ พวกเธอต่อสู้ดิ้นรน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น และรวมถึงความอดทน และเข้าใจสถานการณ์ด้วย รวมถึงมีโชคบ้าง ตามที่พวกเธอสมควรจะได้
หามาดูครับ ถ้าใครไม่เคยดู รับรองว่า ดี
[CR] HIDDEN FIGURES สติปัญญา และ ความเป็นคน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้