กระทู้นี้เราตั้งใจว่าจะต้องมารีวิวประสบการณ์การขอวีซ่าเชงเก้น อิตาลี ให้ได้ เป็นการขอบคุณเพื่อนๆใน Pantip ที่เป็นแหล่งข้อมูลอย่างดี ทำให้การขอวีซ่าเชงเก้น อิตาลี ครั้งนี้ราบรื่น ครั้งเดียวผ่าน และเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆที่กำลังจะไปล่องเรือสำราญในโซนเชงเก้นแล้วสับสนเรื่องการขอวีซ่า(เหมือนที่เราเป็นตอนแรก) เพราะเท่าที่ดูยังไม่เห็นกระทู้แชร์ประสบการณ์การขอวีซ่า สำหรับล่องเรื่อสำราญ เพราะครั้งนี้วัตถุประสงค์หลักของการไปเที่ยวคือไป Cruise 8วัน 7คืน เริ่มจาก Venice, Italy -Greece

ขอเกริ่นก่อนนะคะ การเดินทางครั้งนี้ เราเดินทางไปอิตาลีและกรีซค่ะ โดยอยู่อิตาลีนานที่สุดและเข้าเป็นประเทศแรก เลยต้องขอวีซ่าเชงเก้นที่อิตาลีค่ะ

จากการเก็บข้อมูลมาหลายๆกระทู้ อิตาลีถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นเลื่องลือกันถึงความเนี้ยบและเป๊ะของเอกสาร เราเลยตั้งใจเตรียมเอกสาร เช็คแล้วเช็คอีก

การขอวีซ่าเชงเก้น อิตาลีนั้นต้องขอผ่านตัวแทนเท่านั้น คือบริษัท VFS Global เท่านั้น ออฟฟิศอยู่ที่ตึก  Silom Complex ชั้น 15

แต่จากประสบการณ์ตรงของเรานะคะ เอกสารทุกอย่างเตรียมตามในchecklist ที่VFS ให้มาเลยค่ะ อ่านให้ละเอียด และเตรียมตามนั้นเลยค่ะ เกินได้แต่ห้ามขาดค่ะ เพื่อประหยัดเวลาของเราเองนะคะ ยอมยุ่งยากตอนเตรียมเอกสารตอนแรกดีกว่าเสียเวลาวิ่งหาเอกสารทีหลังเพิ่มเติมนะคะ

วีซ่าสามารถขอได้ล่วงหน้าก่อนเดินทาง 90 วัน เท่านั้นนะคะ

เราเริ่มต้นจากจองคิวยื่นเอกสารออนไลน์ก่อนเลยค่ะ ไม่รับWalk in นะคะ ของเรา คิวว่างค่อนข้างเยอะค่ะ เร็วสุดค่ะ 2วันก็ได้แล้วค่ะ  
>>ทริคเล็กน้อยนะคะ เผื่อเพื่อนๆที่ใช้ Mac ตอนแรกเราใช้Safariเหมือนจองไม่ได้ค่ะ กดแล้วไม่ไป เลยลองสลับมาใช้ Chrome แทนถึงได้

https://www.vfsvisaonline.com/Global-Appointment/Account/RegisteredLogin?q=shSA0YnE4pLF9Xzwon/x/IzcvBCb/70NmWcryI2n01f1UXMD0kUoL4wTXymo5mN9P9BbADCbNZe9hMI7AxF0Aw==

เราจองไว้ 9:15 เค้าแจ้งว่าให้มาถึงก่อน 15นาที มาถึงแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามายื่นวีซ่าของอิตาลี พร้อมยื่นใบจองคิวออนไลน์ แล้วเค้าจะกดบัตรคิวให้ ทุกคนได้คนละคิวค่ะ ถึงแม้จะเดินทางพร้อมกันครอบครัวเดียวกันก็ได้คนละคิว แล้วเดินเข้าประตูด้านซ้ายมือ ก่อนเข้าต้องปิดโทรศัพท์มือถือก่อนนะคะ ห้ามเปิดสั่นนะคะ ต้องปิดเลย ตรงนี้ค่อนข้างซีเรียสเลยค่ะ ตอนเรานั่งรอมีคนเปิดโทรศัพท์ระหว่างอยู่ในนั้น โดนรปภดุเสียงดังเลยค่ะ

คิวรอค่อนข้างนานเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะอ่านมาเยอะว่า มีคนรอนานถึง 8ชมก็มี แต่เรานึกว่ามีระบบจองคิวออนไลน์แล้วจะเร็วขึ้น ทั้งๆที่คนไม่เยอะแต่นานมาก เราไปถึง 9:15 ได้ยื่นประมาณเที่ยง รอจนทตรวจเอกสารประมาณ 30นาที เสร็จแล้วจนทจะถามว่าจะให้ส่งเล่มพาสปอร์ตคืนทางไปรษณีย์ (ค่าใช้จ่าย 200บาท/เล่ม) หรือ รับเล่มเอง (สามารถมอบอำนาจให้คนอื่นมารับได้) แล้วก็มีให้กรอกข้อมูลเบอร์โทรศัพท์สำหรับแจ้งอัพเดทสถานะวีซ่าค่ะ แล้วก็จ่ายเงินค่าธรรมเนียมวีซ่า เดินไปทางด้านขวามือจะมีห้องสำหรับแสกนนิ้วมือเก็บข้อมูล เสร็จเรียบร้อยค่ะ

ยื่นเมื่อวันพุธที่ 8 กุมภา วันศุกร์ที่ 10 กุมภา ประมาณบ่าย 3 ได้รับข้อความว่าให้ไปรับเล่มได้ที่VFSค่ะ เบ็ดเสร็จ 2 วันค่ะ

เราเลือกที่จะไปรับเอง เพราะอยู่ไมไกล แต่กลายเป็นว่าคิดผิดเพราะรอนานมาก รับเล่มให้ไปช่วง 13:00-16:00 เราไปถึง 13:30 กว่าจะได้รับเล่ม 15:45 ค่ะ สำหรับคนที่รีบยอมเสียเงินดีกว่าค่ะ เราว่าระบบจัดการของ VFS ไม่ดีเลยค่ะ

กำหนดการเดินทางของเราคือ 4-19/5 วีซ่าของเราและสามีได้ วันที่ 4/5 – 6/6 ค่ะ



…………………………………………………………………………………………………………….

ในส่วนของการเตรียมเอกสาร เราดาวน์โหลดแบบฟอร์ม Checklist ด้านล่างเลยค่ะ
ตรงนี้ค่อนข้างคล้ายๆกับที่เพื่อนๆเคยรีวิวไว้ก่อนหน้านี้แต่เราอธิบายไว้เผื่อเคสเราจะคล้ายของใคร ถ้าสงสัยหลังไมค์มาถามเพื่มเติมได้เลยนะคะ

http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/pdf/Checklist_for_Tourist_Application.pdf

เราเตรียมเอกสารตามลิสนี้เป๊ะๆเลยค่ะ (จริงๆคือเตรียมเกินด้วยค่ะ) แนะนำให้เรียงเอกสารตามในฟอร์มนี้เลย เพื่อความรวดเร็วของจนทในการตรวจเช็คเอกสารด้วยค่ะ

เราเตรียมเอกสารรายละเอียดเอกสารตามนี้เลยค่ะ

1.    Visa Application form ใบสมัครวีซ่า  
     http://www.vfsglobal.com/italy/thailand/pdf/Italy_New_Application_Form_230616.pdf
    >> แบบฟอร์มใบสมัคร เราปริ้นออกมาแล้วเขียนด้วยปากกา เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อง่ายต่อการอ่านค่ะ
    ** แนะนำว่าช่องไหนไม่ชัวร์ยังไม่ต้องกรอกนะคะ ดีกว่าผิดแล้วต้องมาแก้ หรือต้องกรอกใหม่ค่ะ เราปริ้นฟอร์มไปเผื่ออีกคนละชุดด้วยค่ะ เผื่อไว้ๆ

2.    Two recent passport photos รูปถ่ายขนาด 3.5 x 4.5 ซม. พื้นขาว 2 ใบ
    >> เราไม่ได้แปะไปบนใบสมัครนะคะ เราเอาคลิปหนีบแยกไป

3.    Valid Passport พาสปอร์ตตัวจริง เล่มปัจจุบัน ที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนนับจากวันเดินทางนะคะ

4.    Round Trip air ticket ตั๋วเครื่องบิน ที่มีระบุชื่อผู้สมัคร

    >> ตั๋วเครื่องบินเราวัดใจเลยค่ะ ซื้อเลยเอาความมั่นใจมาจากไหนไม่รู้ว่าน่าจะผ่านแหละ 5555 ตอนแรกเราสับสนเล็กน้อยเพราะใน Checklist มีเขียนว่า Round Trip air ticket booking with AIR COMPANY LETTERHEAD แต่ของเราจองผ่านเวบไซต์ แต่สรุปใช้ได้ค่ะ คือตั๋วเครื่องบินที่ส่งมาในอีเมล์แบบนั้นได้เลยค่ะ เพียงแต่ต้องมีชื่อผู้ขอวีซ่า, รายละเอียดไฟลท์บินระบุด้วยค่ะ

5.    เราไม่มีค่ะ ก็ไม่ต้องติกไปค่ะ
6.    ไม่มีเช่นกัน
7.    Hotel booking ใบจองโรงแรม
    >> เนื่องจากของเรามีแผนเดินทางโดยเรือสำราญ ด้วยค่ะ เราก็แนบใบจองเรือไปด้วยแทนใบจองโรงแรม ไม่มีปัญหาค่ะ แค่ต้องโชว์ให้เห็นว่าทุกคืนเรามีที่พักค่ะ และในใบจองทั้งเรือและโรงแรมจำเป็นต้องมีชื่อผู้ขอวีซ่าระบุอย่างชัดเจนค่ะ
       >> สำหรับคนที่สนใจ หรือกำลังจะไปเรือสำราญเหมือนเรานะคะ ของNorwegian Cruise เวลาจองไม่จำเป็นต้องจ่ายเต็มค่ะ ของเรามัดจำไว้ $250 ค่ะ  สามารถขอเงินคืนได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 60 วันก่อนเดินทาง(ลองอ่านเงื่อนไขอีกทีนะคะ แต่ของเราเป็นแบบนี้ค่ะ)

8.    Complete itinerary with dates and citites แผนเที่ยวตลอดการเดินทาง **ห้ามมีภาษาไทยปนนะคะ**
    >> ของเราไม่ได้ทำละเอียดเลยค่ะ ระบุแค่ วันเดินทาง เมืองที่ไป และ โรงแรมที่พักแต่ละคืน ส่วนวันที่เดินทางออกนอกอิตาลีก็แค่ระบุว่าไปกับเรือ เช่น “Norwegian Cruise: Santorini, Greece”


9.    Proof of economic situation
    >> มีทั้งหมด 2 อย่างนะคะ **ย้ำว่าต้องมีทั้งคู่นะคะ
                 1)    จดหมายรับรองสถานะทางการเงินจากธนาคาร ของเราใช้บัญชีออมทรัพย์ 2 ธนาคารคือไทยพานิชย์ และ กรุงเทพค่ะ แจ้งธนาคารว่าขอหนังสือรับรองเพื่อขอวีซ่าค่ะ **ให้ขอภายใน 15 วันก่อนยื่นวีซ่าเท่านั้นนะคะ อย่าขอล่วงหน้าเกินค่ะ และ ตรวจเช็คชื่อ-นามสกุล ให้ถูกต้องตรงตามในPassportนะคะ
                 2)    Bank Statement เราใช้ถ่ายเอกสารจากสมุดธนาคารมาเลยค่ะ ใช้ได้ไม่มีปัญหาค่ะแต่สำคัญว่า ** ต้องมีรายการล่าสุดภายใน 7วันค่ะ เอาเงินเข้าหรือถอนออกแล้วอัพบุ๊คแบงค์ก็ได้ค่ะ
    >> เราใช้สองบัญชีเพราะ บัญชีแรกมีเงินแค่ 5 หลัก แต่มีเงินหมุนเวียนตลอดค่ะ อีกบัญชี มีเงิน 6 หลักต้นๆ แต่บัญชีนิ่งๆค่ะ

10.    Evidence of employment
    >> เราเป็นแม่บ้านค่ะ รายได้หลักมาจากสามี แต่เพิ่งเริ่มธุรกิจของตัวเองและจดทะเบียนนิติบุคคลได้ไม่ถึง 1 ปี เลยลองใช้หนังสือรับรองบริษัท และ แปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเองค่ะ เฉพาะ2หน้าแรกนะคะ หน้าวัตถุประสงค์ไม่ต้องค่ะ แบบฟอร์มหาได้จากในเนตเลยค่ะ แต่ด้วยกลัวว่าจะดูไม่น่าเชื่อถือเพราะบริษัทใหม่มาก เราเลยยื่นเอกสารการเงินของสามีเราด้วยค่ะ เผื่อไว้แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไรเพราะเงินในบัญชีเราพอแล้ว แค่ยื่นใบทะเบียนสมรสแนบไปก็พอค่ะ (ทะเบียนสมรสแปลด้วยนะคะ แปลเอง รับรองเองได้เลยค่ะ คอนเฟิร์มว่าใช้ได้) ไม่ต้องใช้พวกหลักฐานการเงินของสามีค่ะ หนังสือแนะนำตัวที่อธิบายว่าเป็นแม่บ้าน รายได้หลักจากสามีก็ไม่ต้องใช้ค่ะ

11.    House Registration
    >> ตัวจริงและสำเนาทะเบียนบ้าน รวมทั้งตัวแปลเป็นอังกฤษ ฟอร์มหาได้ตามลิ้งด้านล่างเลยค่ะ แปลเอง รับรองเอง ได้เลยค่ะ ไม่ต้องเสียเงิน คอนเฟิร์มว่าใช้ได้ค่ะ

http://www.consular.go.th/main/th/form/1421/21818-ตัวอย่างคำแปลแบบฟอร์มเอกสารราชการ.html

12.     เราไม่มีค่ะ เว้นไว้
13.    ไม่มีเช่นกันค่ะ
14.     Overseas medical insurance  
    >> เราใช้ของบริษัท MSIG Easy2 ค่ะ  2คน ราคาประมาณ 3,xxx บาท ซื้อออนไลน์เลยค่ะสะดวกมาก เราซื้อแพงหน่อยค่ะ เพราะอยากให้ครอบคลุมเยอะหน่อยค่ะ แต่จริงๆอันถูกสุดก็สามารถใช้ขอยื่นวีซ่าได้ค่ะ

15.     ไม่มีค่ะ
16.    ไม่มีค่ะ
17.    2 copies of passport and previous visa
    >> กรณีของเรามีวีซ่าอเมริกาในพาสปอร์ต 2 เล่มเก่าค่ะ คือมีกี่เล่มถ่ายไปให้หมดเลยค่ะถ้ามีวีซ่าอังกฤษ,เชงเก้น,เมกา,แคนาดาค่ะ
             1)    สำเนาหน้าแรกพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน 2 ฉบับ
             2)    สำเนาวีซ่าอเมริกาที่อยู่ในเล่มปัจจุบัน
             3)    สำเนาหน้าแรกพาสปอร์ตเล่มเก่า + วีซ่าอเมริกา
             4)    สำเนาหน้าแรกพาสปอร์ตเล่มเก่ากว่า + วีซ่าอเมริกา




รีวิวครั้งแรก พยายามเขียนให้ละเอียดเผื่อข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆในนี้ได้นะคะ ไม่รู้ว่าละเอียดไปรึป่าว ถ้าสงสัยตรงไหนหลังไมค์มาได้เลยนะคะ

ไว้กลับมาแล้วจะมารีวิวทริปฮันนีมูนเรือสำราญนะคะ ^^