ขอบอกก่อนนะครับ ว่าเป็นเรื่องราวของคู่รักเกย์ และก็ยืม user ขอพี่ชาย มาโพสนะครับ เพราะผมไม่มี....
เรื่องราวก่อนเจอกัน ขอไม่พูดถึงเพราะ เจอกันด้วยดี
ตั้งแต่เดือนตุลาคม จำได้ว่าขอคบเป็นแฟนกันคือวันที่ 31 ตุลาคม 2559
จากนั้น เรากับแฟนก็ดีด้วยกันเสมอมา เพราะเราสองคนไม่มีความลับต่อกัน
เฟส ไลน์ รหัส เราสองคนรู้หมด เพราะเราให้ใจกัน ตั้งแต่เดือนตุลา - มกราคม เป็นเวลา 3 เดือน
เราสองคนรักกันมาก มีอะไรก็บอกกัน ไปไหนมาไหนก็บอก
ไปเที่ยว ไปดื่มก็จะไปด้วยกัน (ส่วนตัวผมจะชอบไปดริ้งกับเพื่อนๆ ซึ่งก็พาเค้าไปด้วย)
มีช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ไปด้วยกัน
ตั้งแต่ช่วงเดือนมกรา เค้าฝึกงานเสร็จเค้าก็กลับมาเรียนต่อ เพราะใกล้จบต้นเดือนมีนา
เค้าเรียนอยู่แถวๆ แมคโคร-ชลบุรี (ขอไม่เอ่ยชื่อโรงเรียน)
..ส่วนตัวผมทำงานอยู่ในเมืองชลบุรี
เรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่เค้าฝึกงานเสร็จ ก็ต้องไปซ้อมเต้น เพื่อไปแข่งงานอะไรสักอย่าง แต่ระดับประเทศอยู่เหมือนกัน
เราก็เริ่มไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันมากนัก เค้าจะชอบไปนอนหอโรงเรียน ซึ่งหอที่เราอยู่กับหอโรงเรียนมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก
หอที่เราอยู่ด้วยกันจะอยู่บางแสน-แมคโครชลบุรี เอาดีๆก็ไม่ไกลกันมาก ตั้งแต่ตอนนั้นทำให้เราเริ่มระแวง
เพราะเค้าจะไปหมกตัวอยู่กับพี่สนิทมากคนนึง ขอเรียกชื่อย่อ "พี่ ต." ส่วนแฟนผมชื่อ "น." (ชื่อสมมติเหมือนกันครับ)
น.จะไปนอนที่หอ พี่ต. แต่ไม่รู้ว่านอนกันสองคน รึป่าว เพราะโทรไปก็มีเสียงหลายคนอยู่ เค้าอ้างว่า "เล่นไผ่"
อันนี้เราก็โอเค ยังถือว่าเชื่อใจได้ เพราะคนเป็นแฟนกันต้องรักษาระยะห่าง และเวลาส่วนตัว และ พี่ ต. เราก็รู้จักและไว้ใจ
ช่วงนั้นก็เริ่มมีเวลาให้เราน้อยลง เราก็เชคช้อความเฟส ข้อความไลน์ ก็โอเคไม่มีอะไร ไม่คิดมาก
จนมันมากๆ เข้า น.อยู่กับเราน้อยลง จะไปอยู่กับ พี่ ต. บ่อยขึ้น จนเราถาม "ที่หอนี่มันไม่น่าอยู่ใช่มั้ย"
ตอนนั้นก็เริ่มทะเลาะกันครั้งแรก จนเราต้องส่งข้อความไปหา พี่ต. ให้ น. กลับหอ ครั้งนี้ทะเลาะกันครั้งแรก
เวลาทะเลาะกัน เราขอโทษ น. ตลอดว่าเราไม่มีสติ เราหวงมากเกินไป เราขอโทษ
จนวันต่อมาที่เราทะเลาะกันครั้งแรก น. ต้องไปงานศพคุณยายของแฟนเก่า
เราก็ไม่ได้คิดอะไร เค้าต้องไปหาพี่สาวเค้าด้วย
เราก็คุยกันในไลน์เหมือนเดิม คุยหวานเหมือนเดิม ส่งสติ๊กเกอร์น่ารัก มุ้งมิ้ง
เค้าบอกไม่รู้จะมีรถกลับมั้ย ไม่รู้ แต่อยากกลับมากๆ
เราก็รอเค้ากลับมา แต่กลับมาก็ไม่ได้มานอนหาเรานะครับ ต้องไปนอนหอ พี่ต.
เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปแข่งจินตลีลาอะไรสักอย่าง ซึ่งพอเค้ากลับมา ก็กลับไปอาบน้ำที่หอ
แล้วก็ไปหาอะไรทานกับเรา สักพัก พี่ต. ก็ไลน์ตาม เราก็ถือโทรศัพท์ พอดี ก็เลยเอามาอ่าน
แวบแรกที่เห็น ต้องคุยกัน รายงานกันตลอดเลยหรอ ซึ่งเราคิดในใจ เค้าสนิทกัน ใจเย็นๆ
แต่เช้นส์เราอ่ะ มันแรง เราเริ่มระแวงหนักมาก พอกินเสร็จ เค้าก็ขอตัวไปนอน หาพี่ ต. ซึ่งก็ดึกมากแล้ว
เราถามว่า ก็นอนนี่ไปเลย ตื่นเช้าหน่อยเป็นไรไป ซึ่งตอนนั้นเราก็โทรหาพี่ ต. ว่าเออ น.กำลังจะไปหา พี่ต. แล้วนะ ลงมาเปิดประตูให้มันด้วย
หลังจากนั้น น. ก็ไป ไม่รู้ว่าเช้นส์อะไร แรงมากขนาดนี้ (เหมือนเจนญาณทิพย์ 555+) เราก็ขี่ตาม แต่ขี่ตามไป
รู้มั้ยไม่จอดไหน จอดหอแถวๆ ซอยจันทร์เจ้า เราแบบ มือไม้สั่น ใจสั่นมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนแรก โอเคใจเย็นๆ โทรหาก่อน โทรไปหลายสายมาก (ขนาดนี้ แล้วตอนนั้นกูใจเย็นได้ไงว่ะ งงใจ)
โทรไม่ติด ที่นี้เราก็ไลน์ไป ก็ไม่อ่าน ไลน์ไปเยอะมาก ประมาณว่า ” เป็นห่วง ถึงยัง ทำไมไม่รับ เป็นไรป่าว “
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็อ่าน แต่ไม่ตอบ เราก็โทรไป “ตัวเอง อยู่ไหน ทำไม ไม่รับโทรศัพท์ เค้าเป็นห่วง”
สิ่งที่ตอบมาคือ “เป็นบ้าอะไรเนี่ย ตัวเอง ถึงหอแล้ว กำลังให้พี่ต. ลงมารับ คุยกันในไลน์”
(ตอนนั้น มือสั่น ใจสั่น โมโหสุดขีด) สุดท้ายเค้าก็ลงมาเจอเราที่ข้างล่างหอ หน้าซีดมาก
เราพูดด้วยอารมณ์โมโห (หน้าตาแบบกูไม่ไหวแล้ว) “ เนี่ยนะ อยู่หน้าหอแล้ว”
ที่นี้ก็บ้านแตกจร้า เราก็ตบหน้า น. พร้อมเขวี้ยงมือถือคืออารมณ์ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจหรอกนะ (ไม่สนับสนุนเรื่องการทำร้ายร่างกายนะ แต่มันทำร้ายจิตใจกูอ่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้น เค้าก็ขอโทษ ขอโอกาสเค้าได้มั้ย ในใจตอนนั้นคืออยากตัดมาก โทรมาเราก็ไม่รับ แต่รู้ยังไงตอนเย็นก็ต้องเจอเค้าที่หอ
วันนั้นกลับมาหอเสร็จเราก็ยังไม่คุยกะเค้านะ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ โกรธยังไง แต่มันก็ยังรักอยู่ บ้าบอจริงเชียว
โทรหาเพื่อนๆ เค้าว่า “ไปอยู่เป็นเพื่อน น. หน่อย กลัว น. คิดมาก” โอเคเพื่อนเค้าก็มารับไปนั่งหาดกัน
พอเราไปเที่ยวเสร็จ เรากลับเค้าก็ทำเชอไพร้ ติดสติ๊กเกอร์คำว่า “ขอโทษ” เราก็เห็น ก็เออตกใจ
ไม่นึกว่าจะทำ โอเคเราก็ให้อภัยเค้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอย้อนนิดนึงตอนทะเลาะ เราพอจะรู้นะว่าคนที่ น. ไปมีอะไรด้วยเป็นใคร
เพราะเค้าบอกแค่ชื่อมา เราก็เลยเอาชื่อไปหาว่า หอพักนี่มีชื่อนี้พักอยู่มั้ย? สรุปว่าเป็นน้องที่รู้จัก
พีคมั้ยละ? เราก็ทักไปคุยว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อมาก็ยังคงคุยกับแฟนเราปกติ เพราะเราเป็นคนให้อภัยคน เราคิดว่า คนทุกคนต้องได้โอกาส (หึหึ อยากมองบน)
วันต่อมา เค้าก็ขอไปเที่ยวกับ พี่ ต. ที่ กรุงเทพ (คิดในใจ เห้ย! เพิ่งทะเลาะกับกูนะ ควรอยู่ดูแลกูสิ )
เราก็ไม่ยอมไป ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลนะ แต่มันเป็นช่วงที่เราต้องสังเกตพฤติกรรมป่าวอ่ะ ก็ไม่ให้ไป
แล้วก็โทรไปขอโทษ พี่ ต. ว่าไม่โกรธนะ อย่าเคืองเราอ่ะ ที่ไม่ให้ไป เข้าใจเราด้วย (นางเอก
กู)
พอเสาร์-อาทิตย์ ช่วงใกล้วันวาเลนไทน์ (ก่อนเกิดเรื่องใหญ่สาหัส)
เสาร์ ก็พาแฟนเราไปเที่ยวร้านเหล้าชื่อดังที่บางแสน ที่มีนักร้องไปประกวด Thailand got talent
ก็เที่ยวปกติ จนมาวันอาทิตย์ เค้าก็ขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อ่ะโอเค ไปได้ เดี๋ยวดึกๆ เราตามไปหา
แต่พีคกว่านั้น เราก็ทักแชทไปชวน พี่ ต. ไปเที่ยวด้วย (อาวรณ์กันจังนะ)
พอดึกๆ เราก็ไปหาเค้าที่หาด เค้ากับ พี่ ต. ก็นั่งข้างกัน พี่ ต. ก็ชวนเราไปนั่งข้างๆ ส่วน แฟนเรา ก็ไปนั่งอีกที
(ปกติ ต้องให้กูนั่งข้างแฟนกูไม่ใช่หรอว่ะ) อ่ะ ไม่เป็นไร มีเพื่อนๆ น. อยู่ด้วย อย่าคิดมาก
หลั'จากนั้น ดริ้งกันเสร็จ เราก็บอก พี่ ต. ขี่รถไม่ไหวหรอกมั้งเมาแล้ว ไปนอนหอเรา
ช่วงพีคมาละ คือพอมานอนที่หอเราใช่มั้ย ก็มีช่วงที่เราตื่นมาบ้างละ เพราะเราทำงานเช้า เราจะตื่นเช้า
ภาพที่เราเห็น คือ เค้านอนกอดกัน (คิดในใจ เห้ย! สนิทกัน ต้องกอดกันด้วยหรอว่ะ อ่ะ กูเก็บไว้ก่อน เค้าสนิทกันมาก่อน)
พอตอนเช้า เค้าก็ชวนกันไปดูวอลเล่ (ทิ้งกูอยู่ห้องอีกแล้ว ขอบคุณจร้า –“-)
มาถึงวันเกิดเหตุที่ทำให้เราทนไม่ไว้ ต้องระเบิด คือวันวาเลนไทน์ เราก็เตรียมของมาเช้อส์ไพร้ ตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็พาไปกินหมูกระทะ เพราะเค้าชอบกิน แล้วเย็นก็พาไปเที่ยวร้านเหล้า
แล้วพี่ ต. ก็โทรมาหาเค้า ซึ่งตอนนี้เรายังใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวกันอยู่ เราก็หึงมาก เพราะมันเก็บมาตั้งนาน
ไหนจะวันที่เค้านอนกอดกันข้างเรา มันเลยปรี๊ดแตก ก็เลยเอา ข้อความเฟสบุ๊คของ น. มาคุย ทำเป็นเหมือนว่า น. คุยตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาสะุดดตรงคำว่า "ลบแชทด้วย" เฮ้ย!! ลบทำไม ทำไมต้องลบว่ะ มีอะไร แสดงว่าต้องคุยอะไรกันมาก่อน
คนสนิทใจ ตลบแชททำไม งงใจ มันบวกกับสิ่งที่เจอมาด้วย อ่านแล้วลองนึกภาพตามนะ อาจมองว่าคิดมาก แต่เป็นใคร ใครก็คิด
ตอนนี้ อารมณ์เลยเอาไม่อยู่แล้วครับ !!!! โมโห บวก ไม่มีสติ คุมอะไรไม่อยู่แล้ว....
เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ...
เจ็บนี้จำจนวันตาย..เรื่องเศร้าที่โดนคนรักและคนที่ไว้ใจทำร้าย :)
เรื่องราวก่อนเจอกัน ขอไม่พูดถึงเพราะ เจอกันด้วยดี
ตั้งแต่เดือนตุลาคม จำได้ว่าขอคบเป็นแฟนกันคือวันที่ 31 ตุลาคม 2559
จากนั้น เรากับแฟนก็ดีด้วยกันเสมอมา เพราะเราสองคนไม่มีความลับต่อกัน
เฟส ไลน์ รหัส เราสองคนรู้หมด เพราะเราให้ใจกัน ตั้งแต่เดือนตุลา - มกราคม เป็นเวลา 3 เดือน
เราสองคนรักกันมาก มีอะไรก็บอกกัน ไปไหนมาไหนก็บอก
ไปเที่ยว ไปดื่มก็จะไปด้วยกัน (ส่วนตัวผมจะชอบไปดริ้งกับเพื่อนๆ ซึ่งก็พาเค้าไปด้วย)
มีช่วงหลังๆ ไม่ค่อยได้ไปด้วยกัน
ตั้งแต่ช่วงเดือนมกรา เค้าฝึกงานเสร็จเค้าก็กลับมาเรียนต่อ เพราะใกล้จบต้นเดือนมีนา
เค้าเรียนอยู่แถวๆ แมคโคร-ชลบุรี (ขอไม่เอ่ยชื่อโรงเรียน)
..ส่วนตัวผมทำงานอยู่ในเมืองชลบุรี
เรื่องราวเกิดขึ้นตั้งแต่เค้าฝึกงานเสร็จ ก็ต้องไปซ้อมเต้น เพื่อไปแข่งงานอะไรสักอย่าง แต่ระดับประเทศอยู่เหมือนกัน
เราก็เริ่มไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันมากนัก เค้าจะชอบไปนอนหอโรงเรียน ซึ่งหอที่เราอยู่กับหอโรงเรียนมันก็ไม่ได้ไกลกันมาก
หอที่เราอยู่ด้วยกันจะอยู่บางแสน-แมคโครชลบุรี เอาดีๆก็ไม่ไกลกันมาก ตั้งแต่ตอนนั้นทำให้เราเริ่มระแวง
เพราะเค้าจะไปหมกตัวอยู่กับพี่สนิทมากคนนึง ขอเรียกชื่อย่อ "พี่ ต." ส่วนแฟนผมชื่อ "น." (ชื่อสมมติเหมือนกันครับ)
น.จะไปนอนที่หอ พี่ต. แต่ไม่รู้ว่านอนกันสองคน รึป่าว เพราะโทรไปก็มีเสียงหลายคนอยู่ เค้าอ้างว่า "เล่นไผ่"
อันนี้เราก็โอเค ยังถือว่าเชื่อใจได้ เพราะคนเป็นแฟนกันต้องรักษาระยะห่าง และเวลาส่วนตัว และ พี่ ต. เราก็รู้จักและไว้ใจ
ช่วงนั้นก็เริ่มมีเวลาให้เราน้อยลง เราก็เชคช้อความเฟส ข้อความไลน์ ก็โอเคไม่มีอะไร ไม่คิดมาก
จนมันมากๆ เข้า น.อยู่กับเราน้อยลง จะไปอยู่กับ พี่ ต. บ่อยขึ้น จนเราถาม "ที่หอนี่มันไม่น่าอยู่ใช่มั้ย"
ตอนนั้นก็เริ่มทะเลาะกันครั้งแรก จนเราต้องส่งข้อความไปหา พี่ต. ให้ น. กลับหอ ครั้งนี้ทะเลาะกันครั้งแรก
เวลาทะเลาะกัน เราขอโทษ น. ตลอดว่าเราไม่มีสติ เราหวงมากเกินไป เราขอโทษ
จนวันต่อมาที่เราทะเลาะกันครั้งแรก น. ต้องไปงานศพคุณยายของแฟนเก่า
เราก็ไม่ได้คิดอะไร เค้าต้องไปหาพี่สาวเค้าด้วย
เราก็คุยกันในไลน์เหมือนเดิม คุยหวานเหมือนเดิม ส่งสติ๊กเกอร์น่ารัก มุ้งมิ้ง
เค้าบอกไม่รู้จะมีรถกลับมั้ย ไม่รู้ แต่อยากกลับมากๆ
เราก็รอเค้ากลับมา แต่กลับมาก็ไม่ได้มานอนหาเรานะครับ ต้องไปนอนหอ พี่ต.
เพราะพรุ่งนี้เช้าต้องไปแข่งจินตลีลาอะไรสักอย่าง ซึ่งพอเค้ากลับมา ก็กลับไปอาบน้ำที่หอ
แล้วก็ไปหาอะไรทานกับเรา สักพัก พี่ต. ก็ไลน์ตาม เราก็ถือโทรศัพท์ พอดี ก็เลยเอามาอ่าน
แวบแรกที่เห็น ต้องคุยกัน รายงานกันตลอดเลยหรอ ซึ่งเราคิดในใจ เค้าสนิทกัน ใจเย็นๆ
แต่เช้นส์เราอ่ะ มันแรง เราเริ่มระแวงหนักมาก พอกินเสร็จ เค้าก็ขอตัวไปนอน หาพี่ ต. ซึ่งก็ดึกมากแล้ว
เราถามว่า ก็นอนนี่ไปเลย ตื่นเช้าหน่อยเป็นไรไป ซึ่งตอนนั้นเราก็โทรหาพี่ ต. ว่าเออ น.กำลังจะไปหา พี่ต. แล้วนะ ลงมาเปิดประตูให้มันด้วย
หลังจากนั้น น. ก็ไป ไม่รู้ว่าเช้นส์อะไร แรงมากขนาดนี้ (เหมือนเจนญาณทิพย์ 555+) เราก็ขี่ตาม แต่ขี่ตามไป
รู้มั้ยไม่จอดไหน จอดหอแถวๆ ซอยจันทร์เจ้า เราแบบ มือไม้สั่น ใจสั่นมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนแรก โอเคใจเย็นๆ โทรหาก่อน โทรไปหลายสายมาก (ขนาดนี้ แล้วตอนนั้นกูใจเย็นได้ไงว่ะ งงใจ)
โทรไม่ติด ที่นี้เราก็ไลน์ไป ก็ไม่อ่าน ไลน์ไปเยอะมาก ประมาณว่า ” เป็นห่วง ถึงยัง ทำไมไม่รับ เป็นไรป่าว “
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็อ่าน แต่ไม่ตอบ เราก็โทรไป “ตัวเอง อยู่ไหน ทำไม ไม่รับโทรศัพท์ เค้าเป็นห่วง”
สิ่งที่ตอบมาคือ “เป็นบ้าอะไรเนี่ย ตัวเอง ถึงหอแล้ว กำลังให้พี่ต. ลงมารับ คุยกันในไลน์”
(ตอนนั้น มือสั่น ใจสั่น โมโหสุดขีด) สุดท้ายเค้าก็ลงมาเจอเราที่ข้างล่างหอ หน้าซีดมาก
เราพูดด้วยอารมณ์โมโห (หน้าตาแบบกูไม่ไหวแล้ว) “ เนี่ยนะ อยู่หน้าหอแล้ว”
ที่นี้ก็บ้านแตกจร้า เราก็ตบหน้า น. พร้อมเขวี้ยงมือถือคืออารมณ์ตอนนั้นไม่มีใครเข้าใจหรอกนะ (ไม่สนับสนุนเรื่องการทำร้ายร่างกายนะ แต่มันทำร้ายจิตใจกูอ่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลังจากนั้น เค้าก็ขอโทษ ขอโอกาสเค้าได้มั้ย ในใจตอนนั้นคืออยากตัดมาก โทรมาเราก็ไม่รับ แต่รู้ยังไงตอนเย็นก็ต้องเจอเค้าที่หอ
วันนั้นกลับมาหอเสร็จเราก็ยังไม่คุยกะเค้านะ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ โกรธยังไง แต่มันก็ยังรักอยู่ บ้าบอจริงเชียว
โทรหาเพื่อนๆ เค้าว่า “ไปอยู่เป็นเพื่อน น. หน่อย กลัว น. คิดมาก” โอเคเพื่อนเค้าก็มารับไปนั่งหาดกัน
พอเราไปเที่ยวเสร็จ เรากลับเค้าก็ทำเชอไพร้ ติดสติ๊กเกอร์คำว่า “ขอโทษ” เราก็เห็น ก็เออตกใจ
ไม่นึกว่าจะทำ โอเคเราก็ให้อภัยเค้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอย้อนนิดนึงตอนทะเลาะ เราพอจะรู้นะว่าคนที่ น. ไปมีอะไรด้วยเป็นใคร
เพราะเค้าบอกแค่ชื่อมา เราก็เลยเอาชื่อไปหาว่า หอพักนี่มีชื่อนี้พักอยู่มั้ย? สรุปว่าเป็นน้องที่รู้จัก
พีคมั้ยละ? เราก็ทักไปคุยว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อมาก็ยังคงคุยกับแฟนเราปกติ เพราะเราเป็นคนให้อภัยคน เราคิดว่า คนทุกคนต้องได้โอกาส (หึหึ อยากมองบน)
วันต่อมา เค้าก็ขอไปเที่ยวกับ พี่ ต. ที่ กรุงเทพ (คิดในใจ เห้ย! เพิ่งทะเลาะกับกูนะ ควรอยู่ดูแลกูสิ )
เราก็ไม่ยอมไป ไม่ใช่ไม่มีเหตุผลนะ แต่มันเป็นช่วงที่เราต้องสังเกตพฤติกรรมป่าวอ่ะ ก็ไม่ให้ไป
แล้วก็โทรไปขอโทษ พี่ ต. ว่าไม่โกรธนะ อย่าเคืองเราอ่ะ ที่ไม่ให้ไป เข้าใจเราด้วย (นางเอกกู)
พอเสาร์-อาทิตย์ ช่วงใกล้วันวาเลนไทน์ (ก่อนเกิดเรื่องใหญ่สาหัส)
เสาร์ ก็พาแฟนเราไปเที่ยวร้านเหล้าชื่อดังที่บางแสน ที่มีนักร้องไปประกวด Thailand got talent
ก็เที่ยวปกติ จนมาวันอาทิตย์ เค้าก็ขอไปเที่ยวกับเพื่อนๆ อ่ะโอเค ไปได้ เดี๋ยวดึกๆ เราตามไปหา
แต่พีคกว่านั้น เราก็ทักแชทไปชวน พี่ ต. ไปเที่ยวด้วย (อาวรณ์กันจังนะ)
พอดึกๆ เราก็ไปหาเค้าที่หาด เค้ากับ พี่ ต. ก็นั่งข้างกัน พี่ ต. ก็ชวนเราไปนั่งข้างๆ ส่วน แฟนเรา ก็ไปนั่งอีกที
(ปกติ ต้องให้กูนั่งข้างแฟนกูไม่ใช่หรอว่ะ) อ่ะ ไม่เป็นไร มีเพื่อนๆ น. อยู่ด้วย อย่าคิดมาก
หลั'จากนั้น ดริ้งกันเสร็จ เราก็บอก พี่ ต. ขี่รถไม่ไหวหรอกมั้งเมาแล้ว ไปนอนหอเรา
ช่วงพีคมาละ คือพอมานอนที่หอเราใช่มั้ย ก็มีช่วงที่เราตื่นมาบ้างละ เพราะเราทำงานเช้า เราจะตื่นเช้า
ภาพที่เราเห็น คือ เค้านอนกอดกัน (คิดในใจ เห้ย! สนิทกัน ต้องกอดกันด้วยหรอว่ะ อ่ะ กูเก็บไว้ก่อน เค้าสนิทกันมาก่อน)
พอตอนเช้า เค้าก็ชวนกันไปดูวอลเล่ (ทิ้งกูอยู่ห้องอีกแล้ว ขอบคุณจร้า –“-)
มาถึงวันเกิดเหตุที่ทำให้เราทนไม่ไว้ ต้องระเบิด คือวันวาเลนไทน์ เราก็เตรียมของมาเช้อส์ไพร้ ตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แล้วก็พาไปกินหมูกระทะ เพราะเค้าชอบกิน แล้วเย็นก็พาไปเที่ยวร้านเหล้า
แล้วพี่ ต. ก็โทรมาหาเค้า ซึ่งตอนนี้เรายังใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวกันอยู่ เราก็หึงมาก เพราะมันเก็บมาตั้งนาน
ไหนจะวันที่เค้านอนกอดกันข้างเรา มันเลยปรี๊ดแตก ก็เลยเอา ข้อความเฟสบุ๊คของ น. มาคุย ทำเป็นเหมือนว่า น. คุยตามนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มาสะุดดตรงคำว่า "ลบแชทด้วย" เฮ้ย!! ลบทำไม ทำไมต้องลบว่ะ มีอะไร แสดงว่าต้องคุยอะไรกันมาก่อน
คนสนิทใจ ตลบแชททำไม งงใจ มันบวกกับสิ่งที่เจอมาด้วย อ่านแล้วลองนึกภาพตามนะ อาจมองว่าคิดมาก แต่เป็นใคร ใครก็คิด
ตอนนี้ อารมณ์เลยเอาไม่อยู่แล้วครับ !!!! โมโห บวก ไม่มีสติ คุมอะไรไม่อยู่แล้ว....
เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ...