おはよう ございます。(โอะฮาโย โกไซอิมัส) เปิดมาก็ทักมายเป็นภาษาญี่ปุ่นเลย แต่เป็นคำทักทายตอนเช้า (แต่นี่มันสายแล้ว ฮ่าๆ) ที่ทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นนี้ จะมารีวิวการไปเที่ยวญี่ปุ่นในทริปชื่อว่า Hilight Japan a plus TAKAYAMA. เป็นทริป 6 วัน 3 คืน ได้เที่ยวเต็มๆ 4 วัน แต่จะรีวิว EP.1ก่อน(เที่ยววันที่ 15/2/60)
เริ่มต้นหลังจากเตรียมตัวเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ ในเวลาประมาณ 6.15 น.ตามเวลาในญี่ปุ่น ซึ่งเวลาของญี่ปุ่นนี้จะเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง พอมาถึง ก็ต้องแปลงร่างในสนามบินนั่นเลย ตอนมาแต่งตัวสบายเพราะเมืองไทยไม่ค่อยหนาว พอมาถึงปุ๊บรู้สึกถึงบรรยากาศว่าหนาวมาก
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วเดินทางไปสถานที่แรกเลย นั่นคือ วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple / 浅草寺) เป็นหนึ่งในวัดพุทธชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานและเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว โดยสร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ. 628
ตามตำนานเริ่มจากการที่ชาวประมงสองพี่น้องซึ่งจะออกหาปลาทุกวันที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของวัด แต่แล้ววันหนึ่งทั้งสองพี่น้องก็จับปลาไม่ได้สักตัว จึงได้อธิษฐานขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้จับปลาได้ พอลองทอดแหดู กลับได้มาเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมทองคำสูงประมาณ 5 นิ้วแทน ทั้งสองจึงได้นำกลับมาที่หมู่บ้าน
เมื่อหัวหน้าของหมู่บ้านได้ทราบเรื่อง ก็ได้ปรับปรุงบ้านของตนแล้วสร้างเป็นวัดเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อให้คนได้มาสักการะบูชา เนื่องจากสิ่งที่ขอพรมักจะเป็นจริงอยู่เสมอ จึงมีผู้คนจากทั่วสาระทิศเดินทางมาเพื่อสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมนี้
ข้อมูลจากWeb:
http://www.japankakkoii.com/japan-travel/review-asakusa-sensoji-temple/
เวลาทำการ: วัดอาซากุสะ 6:00 – 17:00 (ช่วงตุลาคม – มีนาคม เปิด 6:30) / ร้านค้าทางเข้าวัดเปิดประมาณ 9:00-19:00
พอไปถึงด้านหน้าจะเจอโคมแดงซึ่งดูใหญ่มาก เป็น ไฮไลท์หนึ่งที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูปกัน
ระหว่างเดินเข้าไปวัดจะมีของขายมากมายรวมทั้งผู้คน
แต่เราต้องเข้าไปไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมก่อน ค่อยมาเดินที่หลังก็ได้ ก่อนถึงองค์เจ้าแม่กวนอิม ตรงหน้าศาลาหลักของวัดมีกระถางธูปอยู่ ผู้คนจะจุดธุปไปปักตรงกระถางแล้วเอามือโบกควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นศิริมงคล
และตรงศาลาด้านขวามือของกระถางธูปเป็นจุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกายค่ะ วิธีการก็คือ ใช้กระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย → ล้างมือขวา → ล้างปาก → ล้างมือซ้าย → ล้างกระบวย แต่เราไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามนี้(เพราะทราบทีหลัง) ได้แต่เอาน้ำมาล้างมือปกติ
ต่อจากนั้นจึงเดินเข้าไปสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ในศาลาหลักแห่งนี้
เมื่อสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมแล้ว จึงมาเดินดูของตามร้านขายของก่อนเข้าถึงศาลาหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นของฝากของที่ระลึก ของกิน ส่วนใหญ่เราเน้นไปเดินหาของกิน แหะๆ เรียกได้ว่าหลังจากไหว้พระแล้วถ้าใครจะซื้อของฝากถือว่าวัดนี้ก็มีของให้เลือกซื้อเยอะมาก ต้องลองมาเดินดู
และนี่ก็เป็นบริเวณที่ติดกับวัดที่เราลองมาเดินเล่นดู
แผนที่วัดอาซากุซะเผื่อใครกลัวหลงหรืออยากรู้ว่าบริเวณวัดนี้มีอะไรบ้าง
ช่วงเช้าทริปมีแค่นี้ หลังจากนั้นช่วงบ่าย ก็ได้ไปย่านช้อปปิ้ง นั่นคือ ชินจูกุ ดูจากสถานที่แล้วน่าเดินมาก คนยังไม่เยอะเพราะส่วนใหย่ คนมักจะมาเดินตอนเย็นกัน แต่เดินตอนคนไม่เยอะก็ฟินไปอีกแบบนะ ที่นี่มีสินค้ามากมายส่วนใหญ่คนจะนิยมมาซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป นาฬิกา แบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่น
เดินมาสักพักเริ่มเหนื่อย เหลือแต่เงินเหรียญดิ ต้องหักห้ามใจก่อน เพราะยังเหลืออีกหลายวัน ฮี่ๆๆ
ก็เลยมารอที่จุดนัดพบเพื่อจะกลับที่พัก แถวๆตึก เปเป้(ตอนนั้นเดินเยอะเริ่มร้อน เลยถอดเสื้อออกชั้นหนึ่ง แหะๆ)
บริเวณแถวนี้ทางไกด์ได้บอกว่า ถ้าเวลาตึกที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิด MV ศิลปินที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ จะมีวัยรุ่นญี่ปุ่นมายืนดูกันเต็มเลย ราวๆกับการมาดูคอนเสิร์ต แต่วันนั้นอดเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นรวมตัวกันเลย 5555+
เมื่อชาวคณะครบแก๊งแล้วก็เดินทางกลับที่พัก ไปทักที่ Fuji Premium Resort ซึ่งอยู่เมือง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) และทานอาหารเย็นที่นี่เลย อาหารที่นี่ก็น่าทานน่ะ เลยทานอย่างละนิดละหน่อยพอให้รู้รสชาติ
ทานอาหารเย็นแล้วหมดแรง เข้าที่พักนอนเก็บแรงเพื่อที่จะไปเที่ยววันที่สองต่อ และจะมารีวิวในการเที่ยวทริป Hilight Japan a plus TAKAYAMA. ใน EP.2 ต่อนะครัชชช
[CR] เที่ยวญี่ปุ่น ชื่อทริป Hilight Japan a plus TAKAYAMA. EP.1
เริ่มต้นหลังจากเตรียมตัวเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ ในเวลาประมาณ 6.15 น.ตามเวลาในญี่ปุ่น ซึ่งเวลาของญี่ปุ่นนี้จะเร็วกว่าเมืองไทยประมาณ 2 ชั่วโมง พอมาถึง ก็ต้องแปลงร่างในสนามบินนั่นเลย ตอนมาแต่งตัวสบายเพราะเมืองไทยไม่ค่อยหนาว พอมาถึงปุ๊บรู้สึกถึงบรรยากาศว่าหนาวมาก
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วเดินทางไปสถานที่แรกเลย นั่นคือ วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple / 浅草寺) เป็นหนึ่งในวัดพุทธชื่อดังของญี่ปุ่นที่มีประวัติยาวนานและเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ที่สุดในกรุงโตเกียว โดยสร้างเมื่อประมาณปี ค.ศ. 628
ตามตำนานเริ่มจากการที่ชาวประมงสองพี่น้องซึ่งจะออกหาปลาทุกวันที่แม่น้ำสุมิดะ (Sumida River) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ตั้งของวัด แต่แล้ววันหนึ่งทั้งสองพี่น้องก็จับปลาไม่ได้สักตัว จึงได้อธิษฐานขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้จับปลาได้ พอลองทอดแหดู กลับได้มาเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมทองคำสูงประมาณ 5 นิ้วแทน ทั้งสองจึงได้นำกลับมาที่หมู่บ้าน
เมื่อหัวหน้าของหมู่บ้านได้ทราบเรื่อง ก็ได้ปรับปรุงบ้านของตนแล้วสร้างเป็นวัดเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมเพื่อให้คนได้มาสักการะบูชา เนื่องจากสิ่งที่ขอพรมักจะเป็นจริงอยู่เสมอ จึงมีผู้คนจากทั่วสาระทิศเดินทางมาเพื่อสักการะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมนี้
ข้อมูลจากWeb: http://www.japankakkoii.com/japan-travel/review-asakusa-sensoji-temple/
เวลาทำการ: วัดอาซากุสะ 6:00 – 17:00 (ช่วงตุลาคม – มีนาคม เปิด 6:30) / ร้านค้าทางเข้าวัดเปิดประมาณ 9:00-19:00
พอไปถึงด้านหน้าจะเจอโคมแดงซึ่งดูใหญ่มาก เป็น ไฮไลท์หนึ่งที่ผู้คนนิยมไปถ่ายรูปกัน
ระหว่างเดินเข้าไปวัดจะมีของขายมากมายรวมทั้งผู้คน
แต่เราต้องเข้าไปไหว้องค์เจ้าแม่กวนอิมก่อน ค่อยมาเดินที่หลังก็ได้ ก่อนถึงองค์เจ้าแม่กวนอิม ตรงหน้าศาลาหลักของวัดมีกระถางธูปอยู่ ผู้คนจะจุดธุปไปปักตรงกระถางแล้วเอามือโบกควันธูปเข้าตัวเพื่อความเป็นศิริมงคล
และตรงศาลาด้านขวามือของกระถางธูปเป็นจุดสำหรับตักน้ำชำระร่างกายค่ะ วิธีการก็คือ ใช้กระบวยตักน้ำล้างมือซ้าย → ล้างมือขวา → ล้างปาก → ล้างมือซ้าย → ล้างกระบวย แต่เราไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามนี้(เพราะทราบทีหลัง) ได้แต่เอาน้ำมาล้างมือปกติ
ต่อจากนั้นจึงเดินเข้าไปสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมที่อยู่ในศาลาหลักแห่งนี้
เมื่อสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมแล้ว จึงมาเดินดูของตามร้านขายของก่อนเข้าถึงศาลาหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นของฝากของที่ระลึก ของกิน ส่วนใหญ่เราเน้นไปเดินหาของกิน แหะๆ เรียกได้ว่าหลังจากไหว้พระแล้วถ้าใครจะซื้อของฝากถือว่าวัดนี้ก็มีของให้เลือกซื้อเยอะมาก ต้องลองมาเดินดู
และนี่ก็เป็นบริเวณที่ติดกับวัดที่เราลองมาเดินเล่นดู
แผนที่วัดอาซากุซะเผื่อใครกลัวหลงหรืออยากรู้ว่าบริเวณวัดนี้มีอะไรบ้าง
ช่วงเช้าทริปมีแค่นี้ หลังจากนั้นช่วงบ่าย ก็ได้ไปย่านช้อปปิ้ง นั่นคือ ชินจูกุ ดูจากสถานที่แล้วน่าเดินมาก คนยังไม่เยอะเพราะส่วนใหย่ คนมักจะมาเดินตอนเย็นกัน แต่เดินตอนคนไม่เยอะก็ฟินไปอีกแบบนะ ที่นี่มีสินค้ามากมายส่วนใหญ่คนจะนิยมมาซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป นาฬิกา แบรนด์เนม เสื้อผ้าแฟชั่น
เดินมาสักพักเริ่มเหนื่อย เหลือแต่เงินเหรียญดิ ต้องหักห้ามใจก่อน เพราะยังเหลืออีกหลายวัน ฮี่ๆๆ
ก็เลยมารอที่จุดนัดพบเพื่อจะกลับที่พัก แถวๆตึก เปเป้(ตอนนั้นเดินเยอะเริ่มร้อน เลยถอดเสื้อออกชั้นหนึ่ง แหะๆ) บริเวณแถวนี้ทางไกด์ได้บอกว่า ถ้าเวลาตึกที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิด MV ศิลปินที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ จะมีวัยรุ่นญี่ปุ่นมายืนดูกันเต็มเลย ราวๆกับการมาดูคอนเสิร์ต แต่วันนั้นอดเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นรวมตัวกันเลย 5555+
เมื่อชาวคณะครบแก๊งแล้วก็เดินทางกลับที่พัก ไปทักที่ Fuji Premium Resort ซึ่งอยู่เมือง คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) และทานอาหารเย็นที่นี่เลย อาหารที่นี่ก็น่าทานน่ะ เลยทานอย่างละนิดละหน่อยพอให้รู้รสชาติ
ทานอาหารเย็นแล้วหมดแรง เข้าที่พักนอนเก็บแรงเพื่อที่จะไปเที่ยววันที่สองต่อ และจะมารีวิวในการเที่ยวทริป Hilight Japan a plus TAKAYAMA. ใน EP.2 ต่อนะครัชชช