คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ณ วันยื่นกู้ สมาชิกต่างก็รักใคร่กลมเกลียวยินยอมค้ำประกันด้วยความสมัครใจ
วันหนึ่ง...ผู้กู้เกิดกรณีต้องออกจากงานไป รับปากกับคนค้ำอย่างดีว่าจะผ่อนชำระตามปกติ
แต่...เรื่องจริงคือว่า เมื่อสมาชิกผู้กู้ออกไปจากสหกรณ์แล้ว ก็ไม่มีหน่วยงานไหนมาคอยหักเงินเดือนให้
เมื่อครบสามเดือน สหกรณ์ก็ทวงถามเอากับผู้ค้ำ
ผู้ค้ำบอกว่า ไม่มีสตางค์หรอก แค่ผ่อนของตัวเองก็แย่แล้ว ช่วยหน่อยสิ ฯลฯ
อ้อ...ก่อนครบสามเดือน ผู้กู้ก็มารับเช็คกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ก็ไม่กี่สตางค์หรอก แต่มันก็เป็นเงินออมของสมาชิก ซึ่งบางคนก็มีมาก บางคนก็มีน้อย
แล้วแต่อัตราเงินเดือนของแต่ละคน และส่วนของเงินสมทบว่ากี่ปี
ผู้กู้คิดดังนี้แล้วจึงไม่ยอมโอนเช็คกองทุนให้สหกรณ์
ผู้ค้ำก็ต้องโดนสหกรณ์ไล่เบี้ยตามระเบียบ
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับท่านผู้อ่าน
วันหนึ่ง...ผู้กู้เกิดกรณีต้องออกจากงานไป รับปากกับคนค้ำอย่างดีว่าจะผ่อนชำระตามปกติ
แต่...เรื่องจริงคือว่า เมื่อสมาชิกผู้กู้ออกไปจากสหกรณ์แล้ว ก็ไม่มีหน่วยงานไหนมาคอยหักเงินเดือนให้
เมื่อครบสามเดือน สหกรณ์ก็ทวงถามเอากับผู้ค้ำ
ผู้ค้ำบอกว่า ไม่มีสตางค์หรอก แค่ผ่อนของตัวเองก็แย่แล้ว ช่วยหน่อยสิ ฯลฯ
อ้อ...ก่อนครบสามเดือน ผู้กู้ก็มารับเช็คกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ก็ไม่กี่สตางค์หรอก แต่มันก็เป็นเงินออมของสมาชิก ซึ่งบางคนก็มีมาก บางคนก็มีน้อย
แล้วแต่อัตราเงินเดือนของแต่ละคน และส่วนของเงินสมทบว่ากี่ปี
ผู้กู้คิดดังนี้แล้วจึงไม่ยอมโอนเช็คกองทุนให้สหกรณ์
ผู้ค้ำก็ต้องโดนสหกรณ์ไล่เบี้ยตามระเบียบ
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับท่านผู้อ่าน
แสดงความคิดเห็น
โครงการเงินกู้ของสหกรณ์บังคับให้สมาชิกทำประกัน (ส่วนคนค้ำ)
เรื่องมีอยู่ว่า ทางสหกรณ์ออมทรัพย์....ได้ออกประกาศ เรื่อง โครงการเงินกู้เพื่อพัฒนาคุณภาพของสกรณ์ โดยมีเงื่อนไข 1..2..3.. แต่สิ่งที่เป็นข้อสังเกตุของโครงการนี้คือ สมาชิกที่ยื่นคำขอกู้จะต้องทำประกันชีวิตคนกู้ (ชำระเบี้ยครั้งเดียวเต็มสัญญา) และในส่วนของคนค้ำประกันครับ โดยค่าเบี้ยประกันของผู้คำ้ประกัน สหกรณ์จะหักค่าเบี้ยประกันล่วงหน้า 3 ปั จากวงเงินที่สหกรณ์อนุมัติไว้ ส่วนค่าเบี้ยประกันรายปีจะหักจากเงินปันผลและ เงินเฉลี่ยคืนของสมาชิก หรือยอดเรียกเก็บในปีที่เบี้ยประกันล่วงหน้าคงเหลือไม่ถึง 3 ปี
ตัวอย่างที่ทาง ผู้จัดการสหกรณ์ชี้แจง
นาย ก. กู้เงินเดือน พฤศจิกายน 2559 จำนวนเงิน 1,000,000 บาท ถูกหนักค่าเบี้ยประกัน ปีละ 5,840 บาท
1. ชำระเบี้ยประกันภัยปีแรก เป็นเงิน 5,850 บาท
2. ค่าเบี้ยประกันภัยล่วงหน้า 3 ปี เป็นเงิน 17,450 บาท
(นำฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ นาย ก. อัตราดอกเบี้ย 2.25 ต่อปี)
3. กำหนดถูกชำระเบี้ยประกันปีที่ 2 ในเดือน พฤศจิกายน 2560
ดังนั้น เมื่อ นาย ก. ถูกเรียกเก็บค่าเบี้ยประกันในปีที่ 2 เงินค่าเบี้ยประกันภัยล่วงหน้าตามที่ประกาศสหกรณ์ฯ กำหนดจะคงเหลือไม่ถึง 3ปี
เพื่อให้เป็นไปตามประกาศของสหกรณ์ ณ วันที่ นาย ก. รับเงินปันผลและเฉลี่ยคืน นาย ก. จะต้องถุกหักเงินปันผลและเฉลี่ยคืนเป็นค่าเบี้ยประกันภัยล่วงหน้าเพิ่มเติม 1 ปี (เป็นเงิน 5,850 บาท
เลยอยากเรียนถามผู้รู้ครับ การที่สหกรณ์ให้สมาชิกทำประกันในส่วนผู้คำ้ มีความเหมาะสมหรือไม่ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบสมาชิกมากจนเกินไปหรือป่าวครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม พนักงานที่เป็นสมาชิกเป็นพนักงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง การเรียกเก็บเงินในแต่และเดือนจะหักจากบัญชีเงินเดือนของพนักงาน แทบจะ ไม่ถือว่ามีความเสี่ยงในเรื่องของการชำระหนี้
สมาชิกทุกคนยินดีที่จะทำประกันในส่วนคนกู้ครับ