ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้จะพูดถึงเรื่อง "
ม้า ผู้นำ และคำสัญญา" มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย ???
อ๊ะๆ อย่าเพิ่งวงแตก กลับมาก่อนนนน เรากำลังคุยถึงอาณาจักรมองโกล ยุคเจงกีสข่านค่ะ
หากถามว่า อะไรทำให้ชาวมองโกลเคยเป็น ...
"ชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและครองผืนแผ่นดินกว่า 70% ของแผ่นดินที่มนุษย์ที่มีอารยธรรมอยู่ได้ในสมัยนั้น
ในขณะที่ชนเผ่าอื่นๆในโลกขณะนั้นต้องส่งบรรณาการให้มองโกลทั้งหมด !!!"
ทั้งที่ชาวมองโกลตอนนั้นถูกเรียกว่าชนเผ่าป่าเถื่อนหรือ “อนารยชน” ที่ไม่รู้จักการอยู่เป็นเมือง ไม่รู้จักการเพาะปลูก
ไม่มีตัวหนังสือของตัวเอง ฯลฯ
ดินแดนที่ชาวมองโกลเคยครอบครอง พื้นที่เกินกว่าครึ่งโลก ในยุคที่เจงกีสข่านเกรียงไกร
มองโกเลียในปัจจุบัน อยู่ระหว่างจีนกับรัสเซีย
คำตอบที่ชาวมองโกลสร้างประวัติศาสตร์เช่นนั้นได้ มีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ
1. ม้า
ชาวมองโกลอยู่แบบไม่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นทั้งผู้หญิง เด็ก คนแก่ก็ติดตามกองทัพไปได้ตลอด
ทำให้ทหารสามารถทำศึกแดนไกลได้นานๆ โดยไม่มีอาการคิดถึงบ้านแต่อย่างใด ดังนั้นม้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ชาวมองโกลอยู่บนหลังม้ามากกว่าเดินเท้า พวกเขาควบม้าต่อเนื่องได้วันละ 120ไมล์ และยังเป็นกองทัพธนูที่น่ากลัวยิ่ง
ชาวมองโกเลียจะอาศัยในเต๊นท์คล้ายกระโจมที่เรียกว่า เกอร์ (Ger) เพราะย้ายที่อยู่บ่อย ต้องเก็บและติดตั้งสะดวก
กองทัพม้าอันเกรียงไกรและนักธนูขั้นเทพ
2. ผู้นำ
ต้องเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เข้มแข็ง สร้างวินัยให้กองทัพ ใช้กฎหมายที่เข้มงวดโดยเท่าเทียมกันทุกฝ่าย
ผู้นำที่ทำให้มองโกลแผ่ขยายอาณาเขตขนาดนี้คือ เตมูจิน (แปลว่า ช่างตีเหล็ก) ซึ่งภายหลังได้รับฉายาว่า เจงกีสข่าน
เจงกีส แปลว่า “เวิ้งสมุทร, มหาสมุทร” เจงกีส ข่าน (Genghis Khan) จึงเปรียบได้ว่าผู้มีความยิ่งใหญ่ ดั่งเวิ้งมหาสมุทร
เพราะในสมัยนั้น ผู้คนยังเชื่อว่าโลกแบนราบ และแผ่นดินมีมหาสมุทรล้อมรอบ
ดังนั้นคำว่า Genghis Khan จึงหมายถึงกษัตริย์ผู้ปกครองโลกทั้งโลก
เจงกิสข่าน - Royal Sprites
https://www.youtube.com/watch?v=29BCkzmqmew
เป็นที่รู้กันว่าเจงกีสข่านเป็นนักรบที่ป่าเถื่อน โหดร้าย กระหายสงคราม และชอบปล้นสะดม
แต่เราจะมาดูในมุมมองการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งรวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนอย่างมองโกลให้เป็นปึกแผ่น
มิหนำซ้ำยังแผ่อาณาจักรจนยากหาใครเทียบ
-
ปฏิรูปการทหาร ให้ทหารมีความแข็งแกร่งในการทำสงคราม และเน้นความซื่อสัตย์ จงรักภักดี
-
เจริญความสัมพันธ์ต่างประเทศ ได้เปิดประตูสัมพันธไมตรีกับหลายประเทศ
-
มองการณ์ไกล ให้พระราชบุตรเรียนภาษาตุรกี เพื่อจะได้ติดต่อกับอาณาจักรตุรกีในอนาคต
-
ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ พวกเขารู้ตัวดีว่าเป็นผู้ด้อยในวิทยาการและอารยธรรมหลายแขนง
จึงพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการตั้งแง่รังเกียจไม่ว่าจะเป็น ศาสนา วิทยาการ ภาษา
กองทัพไปไหนก็ได้นำอารยธรรมของถิ่นนั้นมาผสมกับอารยธรรมตน
เช่น นำอารยธรรมและเทคโนโลยีของจีน และอิหร่านมาใช้ มีการสร้างปืนใหญ่ให้มีประสิทธิภาพในการยิงสูงขึ้น
และเมื่อกองทัพเจงกิสข่านพิชิตเอเชียกลาง ก็มีการติดต่อค้าขาย สินค้าเกษตรกรรม
เจงกิสข่านยังสามารถนำชาวนาจีนมาช่วยทำชลประทานของชาวมองโกลได้หลายโครงการ
3. คำสัญญา ข้อนี้เป็นพื้นฐานของผู้นำที่ดีทุกคน
เพราะจะต้องรักษาคำพูด คำมั่นสัญญา ผู้คนจึงจะศรัทธาและให้ความยำเกรง
เจงกีสข่านประกาศไว้ว่า "ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ มองโกลของเราต้องเหนือกว่าทุกเผ่าที่ยังหายใจอยู่บนโลกนี้!!"
มีสำนวนที่เกี่ยวกับม้าและการรักษาคำพูดอยู่สำนวนหนึ่ง คือ
一言既出, 驷马难追 อีเยียนจี้ชู ซื่อหม่าหนานจุย
คำนี้ในหนังจีนจะมีบ่อยๆ แปลว่า
คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ต่อให้ม้าสี่ตัวก็ยากจะตามกลับมา
หมายถึง คำพูดที่ลั่นวาจาออกไปแล้ว ถึงแม้ม้าสี่ตัวจะมีความเร็วมาก แต่ก็ไม่สามารถนำคำพูดนั้นกลับมาได้
นั่นก็คือ
คนพูดต้องรักษาคำพูด กลับคำไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ
1. http://board.postjung.com/691977.html
2. พี่ซี (คุณ cnck) ที่เอื้อเฟื้อถ่ายทอดข้อมูลและเกร็ดความรู้สำนวนจีน
3. http://topicstock.ppantip.com/wahkor/topicstock/2012/05/X12054633/X12054633.html
4. https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AA_%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99
5. http://www.royin.go.th/?knowledges=%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99
...........................................................
โลกเปลี่ยนไป เราไม่ต้องทำสงครามรบพุ่งกันอย่างเมื่อก่อน
แต่สิ่งที่ผู้นำไม่ควรเปลี่ยนและจำต้องยึดถือคือ...
"หนึ่งคำสัญญา มีค่าดั่งทองร้อยชั่ง"
ก็เคยสัญญา อัสนี-วสันต์ โชติกุล cover by The Mario
https://www.youtube.com/watch?v=cQk8UpiYZEk
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 21/2/2017 (ม้า ผู้นำ และคำสัญญา)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้จะพูดถึงเรื่อง "ม้า ผู้นำ และคำสัญญา" มันเกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย ???
อ๊ะๆ อย่าเพิ่งวงแตก กลับมาก่อนนนน เรากำลังคุยถึงอาณาจักรมองโกล ยุคเจงกีสข่านค่ะ
หากถามว่า อะไรทำให้ชาวมองโกลเคยเป็น ...
"ชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและครองผืนแผ่นดินกว่า 70% ของแผ่นดินที่มนุษย์ที่มีอารยธรรมอยู่ได้ในสมัยนั้น
ในขณะที่ชนเผ่าอื่นๆในโลกขณะนั้นต้องส่งบรรณาการให้มองโกลทั้งหมด !!!"
ทั้งที่ชาวมองโกลตอนนั้นถูกเรียกว่าชนเผ่าป่าเถื่อนหรือ “อนารยชน” ที่ไม่รู้จักการอยู่เป็นเมือง ไม่รู้จักการเพาะปลูก
ไม่มีตัวหนังสือของตัวเอง ฯลฯ
ดินแดนที่ชาวมองโกลเคยครอบครอง พื้นที่เกินกว่าครึ่งโลก ในยุคที่เจงกีสข่านเกรียงไกร
มองโกเลียในปัจจุบัน อยู่ระหว่างจีนกับรัสเซีย
คำตอบที่ชาวมองโกลสร้างประวัติศาสตร์เช่นนั้นได้ มีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือ
1. ม้า
ชาวมองโกลอยู่แบบไม่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นทั้งผู้หญิง เด็ก คนแก่ก็ติดตามกองทัพไปได้ตลอด
ทำให้ทหารสามารถทำศึกแดนไกลได้นานๆ โดยไม่มีอาการคิดถึงบ้านแต่อย่างใด ดังนั้นม้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ชาวมองโกลอยู่บนหลังม้ามากกว่าเดินเท้า พวกเขาควบม้าต่อเนื่องได้วันละ 120ไมล์ และยังเป็นกองทัพธนูที่น่ากลัวยิ่ง
ชาวมองโกเลียจะอาศัยในเต๊นท์คล้ายกระโจมที่เรียกว่า เกอร์ (Ger) เพราะย้ายที่อยู่บ่อย ต้องเก็บและติดตั้งสะดวก
กองทัพม้าอันเกรียงไกรและนักธนูขั้นเทพ
2. ผู้นำ
ต้องเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เข้มแข็ง สร้างวินัยให้กองทัพ ใช้กฎหมายที่เข้มงวดโดยเท่าเทียมกันทุกฝ่าย
ผู้นำที่ทำให้มองโกลแผ่ขยายอาณาเขตขนาดนี้คือ เตมูจิน (แปลว่า ช่างตีเหล็ก) ซึ่งภายหลังได้รับฉายาว่า เจงกีสข่าน
เจงกีส แปลว่า “เวิ้งสมุทร, มหาสมุทร” เจงกีส ข่าน (Genghis Khan) จึงเปรียบได้ว่าผู้มีความยิ่งใหญ่ ดั่งเวิ้งมหาสมุทร
เพราะในสมัยนั้น ผู้คนยังเชื่อว่าโลกแบนราบ และแผ่นดินมีมหาสมุทรล้อมรอบ
ดังนั้นคำว่า Genghis Khan จึงหมายถึงกษัตริย์ผู้ปกครองโลกทั้งโลก
เจงกิสข่าน - Royal Sprites
https://www.youtube.com/watch?v=29BCkzmqmew
เป็นที่รู้กันว่าเจงกีสข่านเป็นนักรบที่ป่าเถื่อน โหดร้าย กระหายสงคราม และชอบปล้นสะดม
แต่เราจะมาดูในมุมมองการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ซึ่งรวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนอย่างมองโกลให้เป็นปึกแผ่น
มิหนำซ้ำยังแผ่อาณาจักรจนยากหาใครเทียบ
- ปฏิรูปการทหาร ให้ทหารมีความแข็งแกร่งในการทำสงคราม และเน้นความซื่อสัตย์ จงรักภักดี
- เจริญความสัมพันธ์ต่างประเทศ ได้เปิดประตูสัมพันธไมตรีกับหลายประเทศ
- มองการณ์ไกล ให้พระราชบุตรเรียนภาษาตุรกี เพื่อจะได้ติดต่อกับอาณาจักรตุรกีในอนาคต
- ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ พวกเขารู้ตัวดีว่าเป็นผู้ด้อยในวิทยาการและอารยธรรมหลายแขนง
จึงพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการตั้งแง่รังเกียจไม่ว่าจะเป็น ศาสนา วิทยาการ ภาษา
กองทัพไปไหนก็ได้นำอารยธรรมของถิ่นนั้นมาผสมกับอารยธรรมตน
เช่น นำอารยธรรมและเทคโนโลยีของจีน และอิหร่านมาใช้ มีการสร้างปืนใหญ่ให้มีประสิทธิภาพในการยิงสูงขึ้น
และเมื่อกองทัพเจงกิสข่านพิชิตเอเชียกลาง ก็มีการติดต่อค้าขาย สินค้าเกษตรกรรม
เจงกิสข่านยังสามารถนำชาวนาจีนมาช่วยทำชลประทานของชาวมองโกลได้หลายโครงการ
3. คำสัญญา ข้อนี้เป็นพื้นฐานของผู้นำที่ดีทุกคน
เพราะจะต้องรักษาคำพูด คำมั่นสัญญา ผู้คนจึงจะศรัทธาและให้ความยำเกรง
เจงกีสข่านประกาศไว้ว่า "ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ มองโกลของเราต้องเหนือกว่าทุกเผ่าที่ยังหายใจอยู่บนโลกนี้!!"
มีสำนวนที่เกี่ยวกับม้าและการรักษาคำพูดอยู่สำนวนหนึ่ง คือ
一言既出, 驷马难追 อีเยียนจี้ชู ซื่อหม่าหนานจุย
คำนี้ในหนังจีนจะมีบ่อยๆ แปลว่า คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ต่อให้ม้าสี่ตัวก็ยากจะตามกลับมา
หมายถึง คำพูดที่ลั่นวาจาออกไปแล้ว ถึงแม้ม้าสี่ตัวจะมีความเร็วมาก แต่ก็ไม่สามารถนำคำพูดนั้นกลับมาได้
นั่นก็คือ คนพูดต้องรักษาคำพูด กลับคำไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
...........................................................
โลกเปลี่ยนไป เราไม่ต้องทำสงครามรบพุ่งกันอย่างเมื่อก่อน
แต่สิ่งที่ผู้นำไม่ควรเปลี่ยนและจำต้องยึดถือคือ...
"หนึ่งคำสัญญา มีค่าดั่งทองร้อยชั่ง"
ก็เคยสัญญา อัสนี-วสันต์ โชติกุล cover by The Mario
https://www.youtube.com/watch?v=cQk8UpiYZEk