สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานร้านถ่ายรูปมาก่อน
1.ถ้าที่ร้านมีเครื่อง หมายถึงเครื่องใหญ่ ฟูจิ หรือ โนริทสึ ก่อนที่จะใช้งานปริ๊นรูปให้เราได้นั้น ต้องมีการวอร์มน้ำยา1 ชั่วโมง
เทสกระดาษ และเทสสี เพื่อให้ตรงค่ากับสีจริงมากที่สุด ซึ่งกินเวลานาน สมมุติร้านเปิดประมาณ7:00 ลูกค้าคิวแรกที่จะได้คือเก้าโมงเช้า
หากมีลูกค้าที่ต้องการรับงานช่วงเช้า แต่มาเอาเมื่อวานเกือบร้านปิดก็ต้องนัดเช้า เพราะงานของลูกค้าที่นัดรับวันรุ่งขึ้นจะเยอะมาก ต้องมาเคลียร์
2. จริงๆถ้าร้านใหญ่ที่มีเครื่อง อย่างร้านแถวลาดพร้าว สามารถนัดรอรูปได้เลยนะ ในเวลาหนึ่งชั่วโมง ที่หนึ่งชั่วโมงเพราะมันจะมีพวกรูปติดบัตร พวกนี้ต้องปริ๊นแทรกให้ลูกค้าก่อน แต่ปกติจะนัดไปเลย1-2ชั่วโมง เพราะช่างจะยุ่งมากจนบางทีไม่มีเวลาแม้กระทั่งให้ช่างไปกินข้าว โดยเฉพาะช่วงงานรับปริญญา ที่มีทั้งรูปติดบัตรและรูปงาน ซึ่งบางทีงานแบบนี้รอ1ชั่วโมงทำให้ไม่ได้ อย่างต่ำต้องใช้เวลาเร็วสุด2ชั่วโมง เพราะใส่อัลบั้มอีก ยิ่งลูกค้าซื้ออัลบั้มแบบเล่มใหญ่ ต้องมานั่งใส่กันทีละรูป ต่างกับบุ๊คของร้าน ใส่สองรูปได้เลย ตกแล้ว1เล่ม ใช้เวลาในการใส่รูป38-40ใบ 3นาที
3.หากมีรูปที่มากกว่า 500-1000รูป แบบนั้น พนักงานที่ประจำอยู่หน้าร้านจะนัดเป็นวัน หรือให้มารับพรุ่งนี้ เพราะช่างปริ๊นก็ต้องมานั่งกดปุ่มแป้นคอม ปรับสี ปรับสว่าง ปรับคอนทราส หลายอย่างมาก และพอปริ๊น ได้ซัก500-800 ใบ ม้วนกระดาษในกล่องสีดำก็หมดอีก ต้องมานั่งเปลี่ยนในห้องมืด น้ำยาหมดอีก ต้องมาเติมน้ำ เติมBF เติมCD คือมันหลายขั้นตอน หากมีรูปติดบัตรที่ต้องเปลี่ยนเป็นกระดาษด้าน หรือ กระดาษแบบ3.5 ก็ต้องรอให้ที่ปริ๊นของเก่าเสร็จให้หมดก่อน บางทีรูปติดบัตรมาต้องมานั่งรอ500รูป ออก ช่างจะใช้วิธีแบ่งครึ่ง เพื่อเร่งงานด่วน
4.ทำไม1รูปต้องรอข้ามวัน กรณีนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นร้านส่ง ร้านส่งคือร้านที่ๆร้านไม่มีเครื่องใหญ่ เขาจะมีแต่เครื่องน้อย ตามที่จขกท บอกนั้นแหละ ซึ่งไอ่กระดาษตัวนี้มันซื้อแพงมากไม่คุ้ม และ การที่ร้านเล็กๆจะซื้อเครื่องของฟูจิ คือ มันแพงมากตัวหนึ่งเป็นล้าน ไหนจะค่าทุนน้ำยา ค่าจิปาถะ เขาจึงใช้วิธีการ ไปปริ๊นที่ร้านใหญ่ที่มีเครื่องในราคาส่ง เช่น ราคาหน้าร้าน2.50 ร้านส่งจะได้ใบละ1-2บาท แล้วมาเก็บลูกค้าให้คุ้มร้านเขา จึงสังเกตุได้ว่าร้านเขาตกราคาใบละ5บาทก็มี เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงรับงานรอให้เยอะก่อน เพราะลูกค้าเขาไม่เยอะเท่าร้านใหญ่ๆ จึงต้องนัดข้ามวัน เพราะการจะมาส่งไฟล์รูปในแต่ละครั้ง เสียค่าน้ำมัน ค่าเดินทางแพง จึงใช้วิธีปริ๊นเหมาทีเดียว แต่มาแค่เช้ากับเย็น
5.มีคนบอกว่าทำไม 20 รูปไม่ใส่อัลบั้มให้ ไม่ใส่ซองให้ บางทีก็ใส่ซอง เอ๊ะยังไง อยากบอกว่าสามารถใส่ได้นะถ้าลูกค้าต้องการแต่เป็นการซื้ออัลบั้ม อันนี้แล้วแต่ราคาร้านมั้ง คือเนื่องจากร้านส่วนใหญ่เขาจะไปจ้างบริษัทผลิตเล่มโฟโต้บุ๊คพวกนี้ ซึ่งเวลาสั่งทีเขาต้องสั่งมาเป็นล๊อต ซึ่งราคามันก็ขึ้นๆลงๆอะนะ หากลูกค้ามีรูปต่ำกว่า20 แต่อัลบั้มตกเล่มละ5บาท ก็เลยจำเป็นที่จะต้องไม่ใส่อัลบั้มให้ลูกค้า แต่อนุโลมใส่ซองแทน
6.ช่างโดนด่า สีเพี้ยน จริงๆกล้องจะตั้งค่าให้สว่างและสดกว่าสีที่เห็นจากจอคอมของช่างมาก บางทีเคยมีเคสที่ลูกค้าไม่สั่งให้ปรับ แต่รูปที่ออกมา กลับมืดกว่าของจริง ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วแต่ด้วยว่าเครื่องที่ร้านใช้เป็นของบริษัทอะไร อย่างฟูจิก็จะสีสดนิดๆ โนริทสึก็จะสีกลางๆ และคอมของแต่ละบ้านก็ตั้งค่าสี แสงไม่เหมือนกันอีก
1.ถ้าที่ร้านมีเครื่อง หมายถึงเครื่องใหญ่ ฟูจิ หรือ โนริทสึ ก่อนที่จะใช้งานปริ๊นรูปให้เราได้นั้น ต้องมีการวอร์มน้ำยา1 ชั่วโมง
เทสกระดาษ และเทสสี เพื่อให้ตรงค่ากับสีจริงมากที่สุด ซึ่งกินเวลานาน สมมุติร้านเปิดประมาณ7:00 ลูกค้าคิวแรกที่จะได้คือเก้าโมงเช้า
หากมีลูกค้าที่ต้องการรับงานช่วงเช้า แต่มาเอาเมื่อวานเกือบร้านปิดก็ต้องนัดเช้า เพราะงานของลูกค้าที่นัดรับวันรุ่งขึ้นจะเยอะมาก ต้องมาเคลียร์
2. จริงๆถ้าร้านใหญ่ที่มีเครื่อง อย่างร้านแถวลาดพร้าว สามารถนัดรอรูปได้เลยนะ ในเวลาหนึ่งชั่วโมง ที่หนึ่งชั่วโมงเพราะมันจะมีพวกรูปติดบัตร พวกนี้ต้องปริ๊นแทรกให้ลูกค้าก่อน แต่ปกติจะนัดไปเลย1-2ชั่วโมง เพราะช่างจะยุ่งมากจนบางทีไม่มีเวลาแม้กระทั่งให้ช่างไปกินข้าว โดยเฉพาะช่วงงานรับปริญญา ที่มีทั้งรูปติดบัตรและรูปงาน ซึ่งบางทีงานแบบนี้รอ1ชั่วโมงทำให้ไม่ได้ อย่างต่ำต้องใช้เวลาเร็วสุด2ชั่วโมง เพราะใส่อัลบั้มอีก ยิ่งลูกค้าซื้ออัลบั้มแบบเล่มใหญ่ ต้องมานั่งใส่กันทีละรูป ต่างกับบุ๊คของร้าน ใส่สองรูปได้เลย ตกแล้ว1เล่ม ใช้เวลาในการใส่รูป38-40ใบ 3นาที
3.หากมีรูปที่มากกว่า 500-1000รูป แบบนั้น พนักงานที่ประจำอยู่หน้าร้านจะนัดเป็นวัน หรือให้มารับพรุ่งนี้ เพราะช่างปริ๊นก็ต้องมานั่งกดปุ่มแป้นคอม ปรับสี ปรับสว่าง ปรับคอนทราส หลายอย่างมาก และพอปริ๊น ได้ซัก500-800 ใบ ม้วนกระดาษในกล่องสีดำก็หมดอีก ต้องมานั่งเปลี่ยนในห้องมืด น้ำยาหมดอีก ต้องมาเติมน้ำ เติมBF เติมCD คือมันหลายขั้นตอน หากมีรูปติดบัตรที่ต้องเปลี่ยนเป็นกระดาษด้าน หรือ กระดาษแบบ3.5 ก็ต้องรอให้ที่ปริ๊นของเก่าเสร็จให้หมดก่อน บางทีรูปติดบัตรมาต้องมานั่งรอ500รูป ออก ช่างจะใช้วิธีแบ่งครึ่ง เพื่อเร่งงานด่วน
4.ทำไม1รูปต้องรอข้ามวัน กรณีนี้อาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นร้านส่ง ร้านส่งคือร้านที่ๆร้านไม่มีเครื่องใหญ่ เขาจะมีแต่เครื่องน้อย ตามที่จขกท บอกนั้นแหละ ซึ่งไอ่กระดาษตัวนี้มันซื้อแพงมากไม่คุ้ม และ การที่ร้านเล็กๆจะซื้อเครื่องของฟูจิ คือ มันแพงมากตัวหนึ่งเป็นล้าน ไหนจะค่าทุนน้ำยา ค่าจิปาถะ เขาจึงใช้วิธีการ ไปปริ๊นที่ร้านใหญ่ที่มีเครื่องในราคาส่ง เช่น ราคาหน้าร้าน2.50 ร้านส่งจะได้ใบละ1-2บาท แล้วมาเก็บลูกค้าให้คุ้มร้านเขา จึงสังเกตุได้ว่าร้านเขาตกราคาใบละ5บาทก็มี เพราะฉะนั้นพวกนี้จึงรับงานรอให้เยอะก่อน เพราะลูกค้าเขาไม่เยอะเท่าร้านใหญ่ๆ จึงต้องนัดข้ามวัน เพราะการจะมาส่งไฟล์รูปในแต่ละครั้ง เสียค่าน้ำมัน ค่าเดินทางแพง จึงใช้วิธีปริ๊นเหมาทีเดียว แต่มาแค่เช้ากับเย็น
5.มีคนบอกว่าทำไม 20 รูปไม่ใส่อัลบั้มให้ ไม่ใส่ซองให้ บางทีก็ใส่ซอง เอ๊ะยังไง อยากบอกว่าสามารถใส่ได้นะถ้าลูกค้าต้องการแต่เป็นการซื้ออัลบั้ม อันนี้แล้วแต่ราคาร้านมั้ง คือเนื่องจากร้านส่วนใหญ่เขาจะไปจ้างบริษัทผลิตเล่มโฟโต้บุ๊คพวกนี้ ซึ่งเวลาสั่งทีเขาต้องสั่งมาเป็นล๊อต ซึ่งราคามันก็ขึ้นๆลงๆอะนะ หากลูกค้ามีรูปต่ำกว่า20 แต่อัลบั้มตกเล่มละ5บาท ก็เลยจำเป็นที่จะต้องไม่ใส่อัลบั้มให้ลูกค้า แต่อนุโลมใส่ซองแทน
6.ช่างโดนด่า สีเพี้ยน จริงๆกล้องจะตั้งค่าให้สว่างและสดกว่าสีที่เห็นจากจอคอมของช่างมาก บางทีเคยมีเคสที่ลูกค้าไม่สั่งให้ปรับ แต่รูปที่ออกมา กลับมืดกว่าของจริง ซึ่งอันนี้ก็ต้องแล้วแต่ด้วยว่าเครื่องที่ร้านใช้เป็นของบริษัทอะไร อย่างฟูจิก็จะสีสดนิดๆ โนริทสึก็จะสีกลางๆ และคอมของแต่ละบ้านก็ตั้งค่าสี แสงไม่เหมือนกันอีก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมร้านอัดรูปดิจิตอล ถึงต้องรอนาน?
เช่นวันนี้ เรานำรูปไป 1 รูป เราบอกรอเอาเลยได้มั้ย เค้าบอกไม่ได้ ต้องพรุ่งนี้เช้าเที่ยง
ถ้าจะเอาเลยจะเป็นปริ๊นด่วน ซึ่งเป็นปริ๊นอิ้งเจทกระดาษโฟโต้ธรรมดา และเพิ่มเงินเท่าตัว
อันนี้ไม่ได้จะว่าหรืออะไรนะ เราแค่สงสัยว่า กระบวนการมันทำไมต้องนานขนาดนั้นเลยหรือ?