โดนหนัก!! "PAYPALL" (เพย์ออล) ของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ถูก "ธปท." ฟ้องทำธุรกิจเถื่อน! เตือนประชาชนอย่ายุ่งเกี่ยว!

(ชื่อกระทู้พิมพ์ตัว P เกินมานะครับ ต้องเป็น "PAYALL" ครับ)

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ฟ้องดำเนินคดี ธุรกิจเครือข่ายชื่อดัง "เพย์ออล ฯ" ของ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ฐานทำ "อี-มันนี่" เถื่อน

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดผยว่า ธปท. ได้กล่าวโทษบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการ "แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ" ภายใต้ชื่อ "PayAll" ต่อ กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากทำธุรกิจการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-มันนี่ (E-money) โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ธปท. โดยกระบวนการหลังจากนี้ทางตำรวจจะต้องสืบสวนและเอาผิดกับทางกรรมการและผู้บริหารของบริษัท

นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า เมื่อกลางปีที่ผ่านมา บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด เคยยื่นขออนุญาตประกอบธุรกิจ e-Money ในบัญชี ก. คือ บัญชีใช้ซื้อสินค้า และบริการจากผู้ขายเพียงรายเดียว แต่จากที่ ธปท.พิจารณาพบว่า บริการของบริษัทดังกล่าวเข้าข่ายต้องขออนุญาตในบัญชี ค. คือ บัญชีใช้ซื้อสินค้า และบริการจากผู้ขายหลายราย โดยไม่จำกัดสถานที่ จึงได้แจ้งให้บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ทำการยื่นเรื่องมาใหม่ แต่พบว่า บริษัทยังคงให้บริการแอฟพลิเคชัน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นความผิด ประกอบกับประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาให้ ธปท.ตรวจสอบ ซึ่งได้ดำเนินการตรวจสอบตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
       
ดังนั้น ธปท.จึงได้เข้าแจ้งความเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับประชาชน และขอให้ประชาชนที่ใช้บริการเพย์ออล ต้องศึกษาสิทธิของตนเอง และใช้สิทธิที่มีเงื่อนไข และข้อตกลงที่มีกับบริษัท รวมถึงสิทธิอื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ หากพบผู้ให้บริการ e-Money ไม่ได้รับอนุญาตให้แจ้งที่ 1213 และสามารถตรวจสอบผู้ให้บริการ e-Money ที่ได้รับอนุญาตทางเว็บไซต์ www.bot.or.th
       
“ธปท. ย้ำว่า ธุรกิจ e-Money เป็นธุรกิจที่รับเงินจากประชาชนทั่วไปในวงกว้าง ดังนั้น ต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน และจะต้องมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท และต้องดำรงฐานะทางการเงินสภาพคล่อง เพื่อให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ต้องมีการเก็บรักษาเงินของผู้ใช้บริการอย่างรัดกุม โดยต้องฝากไว้กับสถาบันการเงิน และแยกบัญชีไว้ต่างหากจากเงินทุนหมุนเวียน” นางสาวสิริธิดา กล่าว

สำหรับบทลงโทษตามกฎหมายหรือกรณีที่มีผู้ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายให้บริการกับอีมันนี่โดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ www.payallgroup.com พบว่า มีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม เป็นประธานบริษัท (President) นอกจากนี้ ยังมี "นายสมคิด ลวางกูร" นักเขียนชื่อดัง เป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เป็นต้น

สำหรับการดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ ในรายละเอียด คือ ด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ตรวจพบว่า บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด (บริษัท) ให้บริการแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือภายใต้ชื่อ “PayAll” โดยให้ผู้ใช้บริการสมัครเป็นสมาชิกในแอปพลิเคชัน และเติมเงินล่วงหน้าเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำ e-Money ดังกล่าวไปใช้ในการชำระค่าสินค้าหรือบริการจากร้านค้าต่าง ๆ ที่กำหนด

ซึ่งมีลักษณะเป็นการให้บริการ e-Money อันเข้าข่ายเป็นการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2544 ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2551 (พ.ร.ฎ. e-Payment) และประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ประกอบประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง กิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 (การประกอบธุรกิจบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์) ซึ่งเป็นความผิดและมีโทษตามกฎหมายดังกล่าว

ธปท. ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตาม พ.ร.ฎ.e-Payment และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามประกาศกระทรวงการคลังข้างต้น ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีกับบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ธปท. ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในความผิดตามกฎหมายดังกล่าว

ธปท. ขอเรียนว่าการประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money เป็นธุรกิจที่มีการรับเงินล่วงหน้าจากประชาชนทั่วไปในวงกว้าง จึงต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนเริ่มประกอบธุรกิจ กฎหมายจึงกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดและที่สำคัญมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการ เช่น

- ต้องมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วตามที่กำหนด และดำรงฐานะทางการเงินและสภาพคล่อง เพื่อให้บริการ e-Money ได้อย่างต่อเนื่อง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใช้บริการ
- ต้องมีการเก็บรักษาเงินของผู้ใช้บริการที่เติมเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างรัดกุม โดยต้องฝากไว้ที่สถาบันการเงิน และแยกบัญชีไว้ต่างหากจากเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจ
- ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การรักษาความลับของข้อมูลผู้ใช้บริการ การคืนเงินให้ผู้ใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด และการแก้ไขข้อร้องเรียน เป็นต้น

ธปท. ขอแนะนำให้ประชาชน ร้านค้า และสถานประกอบการ เลือกใช้บริการ e-Money จากผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money ที่ได้รับอนุญาตจากทางการเท่านั้น รวมทั้งควรศึกษาเงื่อนไขของการใช้บริการและดำเนินการเพื่อรักษาสิทธิของตนเอง โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money ที่ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทางการได้จากรายชื่อที่แนบมาพร้อมนี้ และเว็บไซต์ของ ธปท. หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ 1213 หรือ E-mail: e-PaymentSupervisionandExaminationDivision@bot.or.th ทั้งนี้ หากประชาชนพบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ e-Money โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้แจ้ง ธปท. ทราบได้ตามช่องทางข้างต้น

เอกสารทางการจากธนาคารแห่งประเทศไทย
https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/News2560/n0760t.pdf
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ข่าว
http://money.sanook.com/463733/
http://www.dailynews.co.th/economic/556859
http://manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000017624
https://brandinside.asia/payall-cant-service-in-thailand/
http://www.springradio.in.th/newsupdate.php?menu_id=5&content_id=6133&page=1
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่