Day1-Lake shikotsu ice festival, Day2-Noboribetsu https://ppantip.com/topic/36129983
Day3-Sapporo, Day4-Sapporo snow festival https://ppantip.com/topic/36154246
Day5-Otaruhttps://ppantip.com/topic/36190295
Day6-Asahikawahttps://ppantip.com/topic/36241570
ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำรีวิว รวมถึงแพลนเองทั้งหมดหากมีใครสงสัยตรงไหนสามารถเม้นถามได้เลยครับผม หากใครที่ไม่เคยไป hokkdaido หรือไม่เคยไปเทศกาลหิมะซึ่งเป็นเทศกาลที่โด่งดังของประเทศญี่ปุ่น รีวิวนี้เรียกได้ว่าเป็นการ บรรยายประสบการ์ณตรงมากกว่าครับ ซึ่งในทริปเจออุปสรรคมากมายเอาไว้สำหรับเพื่อนที่ตั้งใจว่าจะแบ๊กแพ็คไปเองครับ
ก่อนแพลนเริ่มแรกตั้งใจว่าจะไปเทศกาลหิมะให้ได้ครังนึงในชีวิตเลยเริ่มจากหาตั๋วเครื่องบินก่อนได้ที่ ANA ราคาที่ 20,000บาท ซึ่งไม่ได้ถูกเลยแต่ถ้าจะไปช่วงเทศกาลหิมะ
อย่างนึงที่ควรจะทำคือวางแพลนตั้งแต่ๆเนิ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ตั๋วรถหรือ อื่นๆ เพราะราคาจะดีดไป 4-5 เท่าตัว หลังจากได้ตั๋วแล้วได้เวลาแพลนสามารถทีเที่ยวยอมรับว่าตอนนั้นความรุ้น้อยมากพอแพลนเสร็จไปลองหา โรงแรมดู ราคานี้แทบช้อคเลยครับ ต่อคืน 3-5 พันบาท ซึ่งทำให้ต้องเปลี่ยนแพลนใหม่ทั้งหมดและหลังจาดแพลนเสร็จก็ดูว่าตัดสิใจไม่เลือกจอง JR pass ครับเนื่องจากดูรูทการเดินทางแล้วใช้งบน้อยกว่า(
http://www.hyperdia.com/en/และ App Japan Rail Map เอาไว้ดู รูทการเดินทาง)(Agoda,Booking,tripadvisor,japanican เว็บจอง รร. ครับแนะนำ japanican ราคาจะถูกกว่าที่อื่น)แนะนำหนังสือเล่มนึงอ่านง่ายพร้อมทั้งมีแผนที่บอกเอาไว้ตอนแพลนสามารถ เลือกที่ที่จะไปและเวลาให้ลงตัวได้ครับ
***ก่อนจะไปเริ่มรีวิวกันจะ ขอแนะนำเครื่องแต่งกายกันเล็กน้อยครับ เนื่องจากผมเองเป็นคนค่อนข้างป่วยยากจึงไม่ค่อยได้เตรียมเครื่องกันหนาวไปเยอะแต่จะบอกว่าเตรียมไปเถอะครับได้ใช้แน่ๆ โดยเฉพาะสิง่ที่เราคิดว่าไม่สำคัญแต่สำคัญมากๆในการเอาตัวรอดครับ เช่น แผ่นใส่กับรองเท้ากันลื่นหิมะ ที่ปิดหู และสุดท้ายถุงร้อน อันนี้รองหาตามร้านยาที่ นั่นเลยครับ จะมีสองแบบ แบบแปะพื้นรองเท้ากับแบบเป็นถุงเอาไว้ในกระเป๋า อันนี้โคตรจะช่วยได้เลยครับ**
Day1-Lake shikotsu ice festival
ไฟท์ที่บินคือ บินจากสุวรรณภูมิลงที่นาริตะแล้วบินต่อไปที่ New chitose hokkaido ครับ
กว่าเครื่องจะลงที่ New chitose ก็ประมาณ บ่ายสอง(เครื่องดีเลย์ไปชั่วโมงกว่าด้วยครับ
)พอถึง สนามบิน New chitose ซึ่งถือเป็นสนามบินที่ใหญ่มากๆ ได้เวลาอาหารบ่ายกันแล้ว555 ไม่ได้กินอะไรเลยทั้งแต่เมื่อคืนหิวเลเวล 8 กันเลยทีเดียว
หลังจากได้เติมพลังกับราเมง มื้อแรกที่นี่แล้ว เดินเพื่ออกกำลังกายก่อนง่วงแล้วกันครับซึ่งในสนามบินนี้มีของให้ Shopping เยอะมากๆ และอย่างที่รุ้ๆกัน ที่นี่ใช้ Model ของ โดราเอม่อน มาประดับในสนามบินค่อยข้างเยอะเลยทีเดียว
หลังจากเดินในสนามบินได้สักพักเริ่มเอ่อะใจได้ว่าไม่น่าจะใช่ที่ๆของวัยเราแล้ว 555 จึงรีบออกจากสนามบินไปที่พักในคืนแรกกันเลย
คืนแรกเราพักที่โรงแรม area one ซึ่งใกล้กลับ สถานนี chitoseแต่เดินมาด้วยสภาพอากาศแบบว่าค่อนข้างหนาวเลทีเดียวครับ(ต่างจากnew chitose airport) โรงแรมที่แรกถือว่าดีมากๆครับมี ออนเซ็นในตัว เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วยครับราคาก้อไม่แพง เรียกได้ว่าแนะนำเลย เนื่องจากคืนแรกเราจะไปที่ งานLake shikotsu ice festival กัน
หลังจากเช็คอินกับเรียบร้อย ก้อไปเริ่มที่แพลนวันแรกเลยครับ เราจะไปกันที่Lake shikotsu ice festivalซึ่งจะมีแค่ ปีล่ะครั้ง**สำคัญมากคำนวน การเดินทางดีๆ เราสามารถขอตารางรถบัสได้ที่ สถานนีรถบัสซึ่งสถานี 4 เพื่อไปที่Lake shikotsu และต้องคำนวน ขากลับดีๆด้วยครับเพราะเป็นพื้นที่ไม่มีรถเข้าออกเลยนอกจากรถส่วนตัวเด๋วมาเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟัง อีกทีครับ
เดินทางประมาน 20 นาที แปบๆก้อมืดแล้ว ประมาน5 โมงที่นี่ก้อเริ่มมืดแล้วครับ จิงๆ งานนี้ค่อนข้างสวยมากเนื่องจากผมไม่ได้เอาเครื่องป้องกันความหนาวมาเยอะ จิงเกิดปัญหามากถ่ายรูปลำบาก และพร้อมทั้งปัจจัย หลายๆอย่างทำให้ได้รูปมาไม่ดี เสียดายมากๆครับ (ตอนถ่ายยรูปลืมตั้งเป็น Raw ไฟลอีกรุ้ตัวอีกทีถึง รร. แทบคลั่ง)
แต่สิ่งที่ผม งงมากๆคือ อากาศตอนนั้น -8 ถึง -9 และมีหิมะตก แต่กลับยังมีเด็กๆ เล่นสไลด์เดอร์ที่ทำจากนำ้แข็งอยู่ คือร่ะ???? สตั้นไปเลย
จากนั้นก้อถึงเวลากลับซึ่งถ้าจำไม่ผิด รอบรถบัสนั้นหมดไปแล้วแต่เราได้ถามทาง พนง. รร. แล้วว่ามี Taxi ไหมเค้าก้อบอกว่ามี
วันแรกก้อก่อเรื่องซะแล้ว
.
ไปถ่ายรูปงาน Lake shikotsu ice festival ขาไปก้อนั่งรถบัสไปแต่ รถขากลับหมดแล้ว ไอ่เราก้อถาม พนง. ที่ รร.ว่ามี Taxiไหม เค้าก้อบอกมี
.
พอถึงเวลากลับ อ่าววว ไม่มี รถสักคัน มืดตึบ หิมะตก อากาศ-9
ล่ะครับทีนี้
.
ลองเดินรอบๆดูร้านอาหารก้อปิดหมดแล้ว เลยลองเข้าไปคุยกะ ลุงคนนึง ขอให้เค้าเรียก Taxiให้ เค้าบอก ไม่มี Taxi เข้ามาหรอก...กำ
.
พอคุณป้ามาเค้าก้อแบบ พยายาม โทรหาทางช่วยเหลือให้ จนเค้าบอกว่า ไปกะเราไหม เราผ่านทางนี้ เราก่อแบบเกรงใจมากกก แต่เค้าก้อบอกว่า ถ้าทิ้งพวกคุณไว้ที่นี่แย่แน่ๆ เลยตกลงไปกับเค้า
.
ระหว่างทางเค้าชวนคุยตลอด เป็นดีมากจริงๆ พอถึง รร. เราก้อแบบ ชวนรับของขวัญจากเราด้วยครับผม คิดไม่ออกว่าจะให้อะไรอยากตอบแทน เลยให้เงินเค้า จำนวนนึง เค้าไม่เอา😑
เลยขอเก็บเรื่องนี้ไว้ในเฟสว่าเป็นวันดีๆที่ได้เจอครอบครัวนี้🙏🙏 ไม่งั้นนอนสถานีรถบัสแน่ตู(ขออนุญาติก๊อปโพสในเฟสบุคมาวางครับ)**เพราะฉะนั้นหากจะไปเที่ยวงานนี้คำนวน เวลาดีๆครับ ในใจคิดไม่น่าไปหลงโดราเอม่อนเลยตู วันแรกจบเพียงเท่านี้ครับ
Day2-Noboribetsu
ตื่นตั้งแต่เช้าครับพร้อมทั้งเจออากาศวันใหม่ หิมะตก!!! ว้อทททททท กลัวแพลนจะพักมากแต่ อย่างเพ่งคิดมากไปออนเซ็นแก้เซงเรื่องเมื่อคืนก่อนดีกว่า
หลังจาก เช็คเอ้าทเสร็จก็ลากกระเป๋ามาฝากที่ตู้สถานี Chitose ราคาตู้ล่ะ 600เยนครับ หลังจากที่หยอดเหรียญเสร็จเราจะได้ใบที่มี Pin มา 6 หลักแนะนำให้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยครับตอนขากลับต้องใส่pin มากดเพื่อกระเป๋าออก
ระหว่างรอรถไฟ มาดูลุงๆ ทำงานกันแต่เช้าเลยครับ
หลังจากฝากกระเป๋า ขึ้นรถไฟไปที่ Noboribetsu stn. มาดูบรรยายกาศภายในบ้างครับ
กว่าจะถึงก้อเกือบบ่ายๆแล้วครับแน่นอนว่าท้องร้องงงงงงง แล้ว หลังจากลง สถานนีรถไฟเดินออกมาจะเห็นป้ายรถบัสไป Noboribetsu onsen ครับ ไปไม่ยากครับรถก้อมาบ่อย่น่าจะทุกๆ 15 นาที ใช่ครับพอมาถึงแล้วก็วิ่งเข้าหาของกินก่อนเลย DaiO ramen รอคิวนานสักพักถ้าถามว่ารสชาติเป็นไง ผมว่าไม่ผ่านนะ ไม่ได้อร่อยแบบ ที่คิดไว้
หลังจากเติมพลังแล้วเรามาเดินทางไปตามแพลนกันเลยนั่นคือ Jigokudani ระหว่างทางก็จะเจอรูปปั้น ยักษ์น่ารักๆ ตามชื่อเมืองที่ขึ้นชื่อว่า "หุบเขานรก"
เดินมาสักพักจะเห็นรูปปั้นที่เป็น สัญลักษณ์ของที่นี่ครับ
เดินมาอีกสักพักก็ถึงครับ มาชมบรรยายกาศ กันเลยยยย
หลังจากเดินชม Jigokudani เสร็จแล้วได้เวลาเดินทางกลับ จริงๆตั้งใจว่าจะไปแช่ออนเซ็นเท้า ธรรมชาติด้วยแต่ว่าไม่ทันเสียดายเหมือนกันครับแต่ หลักๆก้อครบถ้วนอยุ่ครับ ขากลับเดินทางเพื่อกลับไปเอากระเป๋าที่ Chitose ก่อนแล้วไปลงสถานี แถว Sapporo พรุ่งนี้เราจะไปตะแวนแถวนั้นกันครับ
.
หลังจากเช็คอินเสร็จก็หิวมากๆ จึงหาอะไรกินก่อนนอนครับ
[CR] หนาวนี้กอดใคร..หนาวไหนกอดเธอ..@Hokkaido Snow festival 2017&Kawaguchiko Fujiview(ุBackpack landscape with fuji-XT2)
Day1-Lake shikotsu ice festival, Day2-Noboribetsu https://ppantip.com/topic/36129983
Day3-Sapporo, Day4-Sapporo snow festival https://ppantip.com/topic/36154246
Day5-Otaruhttps://ppantip.com/topic/36190295
Day6-Asahikawahttps://ppantip.com/topic/36241570
ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำรีวิว รวมถึงแพลนเองทั้งหมดหากมีใครสงสัยตรงไหนสามารถเม้นถามได้เลยครับผม หากใครที่ไม่เคยไป hokkdaido หรือไม่เคยไปเทศกาลหิมะซึ่งเป็นเทศกาลที่โด่งดังของประเทศญี่ปุ่น รีวิวนี้เรียกได้ว่าเป็นการ บรรยายประสบการ์ณตรงมากกว่าครับ ซึ่งในทริปเจออุปสรรคมากมายเอาไว้สำหรับเพื่อนที่ตั้งใจว่าจะแบ๊กแพ็คไปเองครับ
ก่อนแพลนเริ่มแรกตั้งใจว่าจะไปเทศกาลหิมะให้ได้ครังนึงในชีวิตเลยเริ่มจากหาตั๋วเครื่องบินก่อนได้ที่ ANA ราคาที่ 20,000บาท ซึ่งไม่ได้ถูกเลยแต่ถ้าจะไปช่วงเทศกาลหิมะอย่างนึงที่ควรจะทำคือวางแพลนตั้งแต่ๆเนิ่น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ตั๋วรถหรือ อื่นๆ เพราะราคาจะดีดไป 4-5 เท่าตัว หลังจากได้ตั๋วแล้วได้เวลาแพลนสามารถทีเที่ยวยอมรับว่าตอนนั้นความรุ้น้อยมากพอแพลนเสร็จไปลองหา โรงแรมดู ราคานี้แทบช้อคเลยครับ ต่อคืน 3-5 พันบาท ซึ่งทำให้ต้องเปลี่ยนแพลนใหม่ทั้งหมดและหลังจาดแพลนเสร็จก็ดูว่าตัดสิใจไม่เลือกจอง JR pass ครับเนื่องจากดูรูทการเดินทางแล้วใช้งบน้อยกว่า(http://www.hyperdia.com/en/และ App Japan Rail Map เอาไว้ดู รูทการเดินทาง)(Agoda,Booking,tripadvisor,japanican เว็บจอง รร. ครับแนะนำ japanican ราคาจะถูกกว่าที่อื่น)แนะนำหนังสือเล่มนึงอ่านง่ายพร้อมทั้งมีแผนที่บอกเอาไว้ตอนแพลนสามารถ เลือกที่ที่จะไปและเวลาให้ลงตัวได้ครับ
***ก่อนจะไปเริ่มรีวิวกันจะ ขอแนะนำเครื่องแต่งกายกันเล็กน้อยครับ เนื่องจากผมเองเป็นคนค่อนข้างป่วยยากจึงไม่ค่อยได้เตรียมเครื่องกันหนาวไปเยอะแต่จะบอกว่าเตรียมไปเถอะครับได้ใช้แน่ๆ โดยเฉพาะสิง่ที่เราคิดว่าไม่สำคัญแต่สำคัญมากๆในการเอาตัวรอดครับ เช่น แผ่นใส่กับรองเท้ากันลื่นหิมะ ที่ปิดหู และสุดท้ายถุงร้อน อันนี้รองหาตามร้านยาที่ นั่นเลยครับ จะมีสองแบบ แบบแปะพื้นรองเท้ากับแบบเป็นถุงเอาไว้ในกระเป๋า อันนี้โคตรจะช่วยได้เลยครับ**
Day1-Lake shikotsu ice festival
ไฟท์ที่บินคือ บินจากสุวรรณภูมิลงที่นาริตะแล้วบินต่อไปที่ New chitose hokkaido ครับ
กว่าเครื่องจะลงที่ New chitose ก็ประมาณ บ่ายสอง(เครื่องดีเลย์ไปชั่วโมงกว่าด้วยครับ)พอถึง สนามบิน New chitose ซึ่งถือเป็นสนามบินที่ใหญ่มากๆ ได้เวลาอาหารบ่ายกันแล้ว555 ไม่ได้กินอะไรเลยทั้งแต่เมื่อคืนหิวเลเวล 8 กันเลยทีเดียว
หลังจากได้เติมพลังกับราเมง มื้อแรกที่นี่แล้ว เดินเพื่ออกกำลังกายก่อนง่วงแล้วกันครับซึ่งในสนามบินนี้มีของให้ Shopping เยอะมากๆ และอย่างที่รุ้ๆกัน ที่นี่ใช้ Model ของ โดราเอม่อน มาประดับในสนามบินค่อยข้างเยอะเลยทีเดียว
หลังจากเดินในสนามบินได้สักพักเริ่มเอ่อะใจได้ว่าไม่น่าจะใช่ที่ๆของวัยเราแล้ว 555 จึงรีบออกจากสนามบินไปที่พักในคืนแรกกันเลย
คืนแรกเราพักที่โรงแรม area one ซึ่งใกล้กลับ สถานนี chitoseแต่เดินมาด้วยสภาพอากาศแบบว่าค่อนข้างหนาวเลทีเดียวครับ(ต่างจากnew chitose airport) โรงแรมที่แรกถือว่าดีมากๆครับมี ออนเซ็นในตัว เปิดตลอด 24 ชั่วโมงด้วยครับราคาก้อไม่แพง เรียกได้ว่าแนะนำเลย เนื่องจากคืนแรกเราจะไปที่ งานLake shikotsu ice festival กัน
หลังจากเช็คอินกับเรียบร้อย ก้อไปเริ่มที่แพลนวันแรกเลยครับ เราจะไปกันที่Lake shikotsu ice festivalซึ่งจะมีแค่ ปีล่ะครั้ง**สำคัญมากคำนวน การเดินทางดีๆ เราสามารถขอตารางรถบัสได้ที่ สถานนีรถบัสซึ่งสถานี 4 เพื่อไปที่Lake shikotsu และต้องคำนวน ขากลับดีๆด้วยครับเพราะเป็นพื้นที่ไม่มีรถเข้าออกเลยนอกจากรถส่วนตัวเด๋วมาเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟัง อีกทีครับ
เดินทางประมาน 20 นาที แปบๆก้อมืดแล้ว ประมาน5 โมงที่นี่ก้อเริ่มมืดแล้วครับ จิงๆ งานนี้ค่อนข้างสวยมากเนื่องจากผมไม่ได้เอาเครื่องป้องกันความหนาวมาเยอะ จิงเกิดปัญหามากถ่ายรูปลำบาก และพร้อมทั้งปัจจัย หลายๆอย่างทำให้ได้รูปมาไม่ดี เสียดายมากๆครับ (ตอนถ่ายยรูปลืมตั้งเป็น Raw ไฟลอีกรุ้ตัวอีกทีถึง รร. แทบคลั่ง)
แต่สิ่งที่ผม งงมากๆคือ อากาศตอนนั้น -8 ถึง -9 และมีหิมะตก แต่กลับยังมีเด็กๆ เล่นสไลด์เดอร์ที่ทำจากนำ้แข็งอยู่ คือร่ะ???? สตั้นไปเลยจากนั้นก้อถึงเวลากลับซึ่งถ้าจำไม่ผิด รอบรถบัสนั้นหมดไปแล้วแต่เราได้ถามทาง พนง. รร. แล้วว่ามี Taxi ไหมเค้าก้อบอกว่ามี
วันแรกก้อก่อเรื่องซะแล้ว
.
ไปถ่ายรูปงาน Lake shikotsu ice festival ขาไปก้อนั่งรถบัสไปแต่ รถขากลับหมดแล้ว ไอ่เราก้อถาม พนง. ที่ รร.ว่ามี Taxiไหม เค้าก้อบอกมี
.
พอถึงเวลากลับ อ่าววว ไม่มี รถสักคัน มืดตึบ หิมะตก อากาศ-9 ล่ะครับทีนี้
.
ลองเดินรอบๆดูร้านอาหารก้อปิดหมดแล้ว เลยลองเข้าไปคุยกะ ลุงคนนึง ขอให้เค้าเรียก Taxiให้ เค้าบอก ไม่มี Taxi เข้ามาหรอก...กำ
.
พอคุณป้ามาเค้าก้อแบบ พยายาม โทรหาทางช่วยเหลือให้ จนเค้าบอกว่า ไปกะเราไหม เราผ่านทางนี้ เราก่อแบบเกรงใจมากกก แต่เค้าก้อบอกว่า ถ้าทิ้งพวกคุณไว้ที่นี่แย่แน่ๆ เลยตกลงไปกับเค้า
.
ระหว่างทางเค้าชวนคุยตลอด เป็นดีมากจริงๆ พอถึง รร. เราก้อแบบ ชวนรับของขวัญจากเราด้วยครับผม คิดไม่ออกว่าจะให้อะไรอยากตอบแทน เลยให้เงินเค้า จำนวนนึง เค้าไม่เอา😑
เลยขอเก็บเรื่องนี้ไว้ในเฟสว่าเป็นวันดีๆที่ได้เจอครอบครัวนี้🙏🙏 ไม่งั้นนอนสถานีรถบัสแน่ตู(ขออนุญาติก๊อปโพสในเฟสบุคมาวางครับ)**เพราะฉะนั้นหากจะไปเที่ยวงานนี้คำนวน เวลาดีๆครับ ในใจคิดไม่น่าไปหลงโดราเอม่อนเลยตู วันแรกจบเพียงเท่านี้ครับ
Day2-Noboribetsu
ตื่นตั้งแต่เช้าครับพร้อมทั้งเจออากาศวันใหม่ หิมะตก!!! ว้อทททททท กลัวแพลนจะพักมากแต่ อย่างเพ่งคิดมากไปออนเซ็นแก้เซงเรื่องเมื่อคืนก่อนดีกว่าหลังจาก เช็คเอ้าทเสร็จก็ลากกระเป๋ามาฝากที่ตู้สถานี Chitose ราคาตู้ล่ะ 600เยนครับ หลังจากที่หยอดเหรียญเสร็จเราจะได้ใบที่มี Pin มา 6 หลักแนะนำให้ถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยครับตอนขากลับต้องใส่pin มากดเพื่อกระเป๋าออก
ระหว่างรอรถไฟ มาดูลุงๆ ทำงานกันแต่เช้าเลยครับ
หลังจากฝากกระเป๋า ขึ้นรถไฟไปที่ Noboribetsu stn. มาดูบรรยายกาศภายในบ้างครับ
กว่าจะถึงก้อเกือบบ่ายๆแล้วครับแน่นอนว่าท้องร้องงงงงงง แล้ว หลังจากลง สถานนีรถไฟเดินออกมาจะเห็นป้ายรถบัสไป Noboribetsu onsen ครับ ไปไม่ยากครับรถก้อมาบ่อย่น่าจะทุกๆ 15 นาที ใช่ครับพอมาถึงแล้วก็วิ่งเข้าหาของกินก่อนเลย DaiO ramen รอคิวนานสักพักถ้าถามว่ารสชาติเป็นไง ผมว่าไม่ผ่านนะ ไม่ได้อร่อยแบบ ที่คิดไว้
หลังจากเติมพลังแล้วเรามาเดินทางไปตามแพลนกันเลยนั่นคือ Jigokudani ระหว่างทางก็จะเจอรูปปั้น ยักษ์น่ารักๆ ตามชื่อเมืองที่ขึ้นชื่อว่า "หุบเขานรก"
เดินมาสักพักจะเห็นรูปปั้นที่เป็น สัญลักษณ์ของที่นี่ครับ
เดินมาอีกสักพักก็ถึงครับ มาชมบรรยายกาศ กันเลยยยย
หลังจากเดินชม Jigokudani เสร็จแล้วได้เวลาเดินทางกลับ จริงๆตั้งใจว่าจะไปแช่ออนเซ็นเท้า ธรรมชาติด้วยแต่ว่าไม่ทันเสียดายเหมือนกันครับแต่ หลักๆก้อครบถ้วนอยุ่ครับ ขากลับเดินทางเพื่อกลับไปเอากระเป๋าที่ Chitose ก่อนแล้วไปลงสถานี แถว Sapporo พรุ่งนี้เราจะไปตะแวนแถวนั้นกันครับ
.
หลังจากเช็คอินเสร็จก็หิวมากๆ จึงหาอะไรกินก่อนนอนครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น